บทที่ 723 ให้เขาเล่นแก้เบื่อ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 723 ให้เขาเล่นแก้เบื่อ?

บทที่ 723 ให้เขาเล่นแก้เบื่อ?

หลังจ่ายเงินเสร็จ พวกรูมเมทฉืออี้หย่วนต่างเอ่ยขอบคุณเด็กหญิง ก่อนจะบอกว่ารอบหน้าจะเอาอาหารเด่นในท้องที่มาให้กิน ก่อนจะขอตัวจากไป

สองพี่น้องยังคงมองหาร้านเหมาะ ๆ ตามถนนหนทาง

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งบ่าย เสี่ยวเถียนกลับมายังร้านที่เดินชมไปเมื่อเช้านี้อีกครั้ง

ร้านนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก ๆ มันห่างจากปากทางเข้าด้านข้างมหาวิทยาลัยไม่ถึง 100 เมตรด้วยซ้ำ ทว่าแม้จะอยู่ใกล้แต่คนไม่ดีเท่าทางเข้าหลักนัก อันที่จริงถนนเส้นนี้มันก็คึกคักดี มีนักศึกษาหลายคนเดินเข้าออกกันจ้าละหวั่น

คงจะดีหากมีร้านขายของเล็ก ๆ แห่งนี้เปิดตรงจุดนี้

อย่างที่คิดเลยนั่นล่ะ สิ่งที่เสี่ยวเถียนจะทำคือการเปิดร้านขายของที่ขายทั้งของเล่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า และสากกะเบือยันเรือรบ

จากความทรงจำในชาติก่อน ร้านขายของใกล้มหาวิทยาลัยจะมีบรรยากาศคึกคักมาก แถมไม่ต้องเป็นร้านขนาดใหญ่ แค่ 40-50 ตารางเมตรก็พอแล้ว ที่สำคัญคือเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าการทำร้านขายของมันไม่ใช่เรื่องยาก เธอสามารถดูแลได้ในช่วงปิดเทอมแน่นอน

ถ้ามีคนไว้ใจได้มาช่วยเฝ้าร้านก็พอ

เพราะงั้นเธอจึงตัดสินใจจะทำมัน

เมื่อก่อนร้านแห่งนี้เคยเปิดเป็นร้านรองเท้า แต่เพราะขายไม่ดีเจ้าของเลยทำต่อไม่ไหว

ตัวเขาไม่อยากอยู่ที่เมืองหลวงหางานทำอีกต่อไปแล้ว จึงมีเป้าหมายจะกลับบ้านเกิดหากขายร้านได้สำเร็จ ทว่าด้วยราคาที่เสนอสูงเกินไป จึงขายไม่ได้เสียที

ฉืออี้หย่วนขมวดคิ้วทันทีที่รู้ว่าน้องสาวหมายตาร้านนี้

“พี่อี้หยวน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?” เพราะเราเติบโตมาด้วยกัน มีหรือจะไม่เข้าใจความคิด?

“เสี่ยวเถียน เราเปลี่ยนร้านดีกว่าไหม? พี่ได้ยินคนเขาพูดกันว่า ร้านนี้เปลี่ยนมาสามเจ้าของแล้ว เปิดได้ไม่ถึงเทอมก็เจ๊งหมด” ฉืออี้หย่วน

“เพราะตัวเจ้าของไม่ได้เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยไม่ดี แล้วเปิดร้านนั่นล่ะ มันเลยขายไม่ได้นานเลย”

อันที่จริงมีหลายคนบอกว่าร้านนี้ดวงไม่ดีสุด ๆ

อี้หย่วนไม่อยากให้น้องผลีผลามซื้อแล้วเสียเงินไปฟรี ๆ

ถูกต้องตามนั้นเลย เถ้าแก่แห่งนี้กำลังจะส่งต่อร้านค้าด้วยราคาขายที่สูงมาก ถ้าดีจริงป่านนี้ก็ขายออกไปแล้วไม่ใช่หรือ?

เพราะคนเขารู้กันไง และกลัวจะเผลอซื้อมันมา

เสี่ยวเถียนไม่ค่อยเชื่อ

จากความคิดของเธอคือ การจะขายดิบขายดีได้นั้นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของคนคนนั้น ฮวงจุ้ย และอีกหลายอย่าง ถึงจะมีเรื่องลึกลับบางอย่างแต่ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไปนี่ อีกอย่างเสี่ยวเถียนชอบที่เจ้าของเขาปล่อยขาย ไม่ได้ปล่อยเช่า ถึงจะบอกกันว่าเช่าร้านก็ขายของได้ แต่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้เสมอไปนะ และเสี่ยวเถียนก็ไม่อยากรอแล้ว หากช้ามากกว่านี้คงจะไม่ดี

อีกหนึ่งอย่างคือเสี่ยวเถียนรู้อยู่แล้ว เรื่องราคาที่อยู่อาศัยจะแพงขึ้นในอนาคต ถ้าซื้อตอนนี้แล้วขอราคาสูงกว่าเดิม ก็ไม่ขาดทุนหรอกนะ

“พี่อี้หย่วนลืมอะไรหรือเปล่าคะ หนูเป็นคนที่โชคดีที่สุดนะ!” เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง โชคของเธอดีมาก ๆ อาจบอกได้เลยว่าขอแค่เธอคิดจะทำก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้

คนเป็นพี่ไม่คิดเกลี้ยกล่อมเมื่อรู้ว่าน้องได้ตัดสินใจไปแล้ว

เด็กคนนี้มีเงินเก็บอยู่เยอะ เรื่องซื้อร้านค้าไม่น่าเป็นปัญหาหรอก ที่แย่กว่านั้นคือเขาช่วยอะไรเธอได้บ้างหรือเปล่า?

เถ้าแก่เป็นชายวัยกลางคนวัยสี่สิบเศษ

ตอนที่พบกันครั้งแรก สองพี่น้องคู่นี้เดินไปมารอบ ๆ ตัวร้าน จากนั้นก็ถามคำถามแล้วเดินจากไปและเถ้าแก่ไม่คิดว่าเด็กพวกนี้จะซื้อจริง ๆ นึกว่ามาถามเล่น ๆ เฉย ๆ

ตัวเขาที่ไม่มีอะไรทำอยู่พอดีจึงคุยด้วย

แล้วจู่ ๆ ทั้งสองก็กลับมาหาอีกครั้งก่อนจะบอกว่าอยากซื้อร้านของเขา

“พวกเธอสองคนพูดอะไรเนี่ย? ราคาร้านฉันไม่ถูกนะ!”

มันแพงจริง ๆ สำหรับร้านค้าที่ฮวงจุ้ยไม่ดี เขาขอราคาที่สูงกว่าราคาตลาดถึง 10% เชียว

เสี่ยวเถียนบ่นในใจ เธอกำลังคิดจะคุยเรื่องนี้กับเถ้าแก่นั่นแหละ

ตลกแล้ว เงินไม่พอก็เรื่องหนึ่ง แต่เราอย่าเสียค่าโง่ไปโดยใช่เหตุสิ

“หนูอยากซื้อจริง ๆ ค่ะ แต่ราคาที่คุณขายมันสูงไปหน่อยนะคะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม

เถ้าแก่ขบขันกับท่าทางจริงจังของเด็กสาวมาก

เขาคิดว่าฉืออี้หย่วนคือคนจ่ายเงิน

ส่วนเด็กผู้หญิงคงจะออกไปเดินเล่นกับพี่ชายด้วย

เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้มองไปที่เธอ แต่เป็นฉืออี้หย่วนแทน “พ่อหนุ่ม ฉันขายค่อนข้างแพงนะ แต่เธอคงจะรู้ว่าช่วงสองปีมานี้ราคาร้านค้าเพิ่มสูงขึ้นทั้งนั้นเลย แต่มันแค่ปีนี้เท่านั้นล่ะ ปีหน้าไม่ขนาดนี้หรอก”

เสี่ยวเถียนหัวเราะ พูดเก่งเชียวนะ แล้วทำไมขายของไม่ได้?

แล้วเราต้องมาใช้ค่าเงินของปีนี้ซื้อราคาในปีหน้าเนี่ยนะ คิดว่าเราโง่หรือ?

“พูดจาดูมีเงื่อนงำนะคะ” เสี่ยวเถียนเอ่ยตรงประเด็น “งั้นเปลี่ยนเป็นพูดแบบนี้ดีกว่าค่ะ ถ้าตอนนี้เราต้องซื้อร้านในราคาที่สูงกว่าเดิม งั้นเราค่อยจ่ายเงินให้คุณเป็นปีหน้าแทนดีไหมคะ บอกหนูหน่อยค่ะว่าคุณเห็นด้วยกับวิธีนี้หรือเปล่า?”

เถ้าแก่ผงะ

ฟังดูมีเหตุผล แต่ยังไงก็แปลก ๆ ไม่รู้

“เด็กน้อย อย่ายุ่งเลย ฉันกำลังคุยกับพี่ชายเธออยู่นะ!”

เถ้าแก่ครุ่นคิด เขาไม่อยากรู้หรอกว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า จึงเอ่ยออกไปตรง ๆ แทบจะเหมือนไล่ออกจากร้านแล้ว

เสี่ยวเถียนกอดอก

อยากรู้ว่าเจ้าของคนนี้คิดจะคุยกับเธอหรือเปล่า

ฉืออี้หย่วนมองเด็กสาวด้วยความขบขัน

มั่นใจขนาดนี้จะไม่ให้เขาให้ความร่วมมือได้ยังไง?

“เถ้าแก่ ผมไม่ใช่คนซื้อหรอกครับ เธอต่างหากล่ะ!” ฉืออี้หย่วนพูดใบหน้าจริงจัง

กรามเถ้าแก่แทบหลุดออกมาด้วยความตกใจ เขากำลังหมายความว่ายังไงเนี่ย? สาวน้อยคนนี้คือคนที่อยากจะซื้อร้าน?

เขากวาดสายตามองเด็กหญิงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ขณะมองก็ส่ายหัวไปด้วย

จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

อายุเท่าไรเนี่ย?

สิบสาม? สิบสี่?

เด็กวัยนี้เป็นแค่เด็กประถมไม่ใช่หรือไง มีที่ไหนจะมีเงินมาซื้อบ้าน?

ไม่ว่าพ่อแม่จะดุแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อให้ลูกมาซื้อเล่น ๆ หรอกนะ!

อันที่จริง ด้วยวัยของอี้หย่วนเอง เถ้าแก่ยังนึกกังวลเลย

ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยว่าไอ้เด็กสองคนนี้กำลังหาเรื่องมาทำให้เขาหายเบื่อหรือเปล่า?