บทที่ 724 เข้าใจแจ่มแจ้ง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 724 เข้าใจแจ่มแจ้ง

บทที่ 724 เข้าใจแจ่มแจ้ง

น้ำเสียงเถาเต๋อหัวไม่ใจดีเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

“ไอ้เด็กพวกนี้ ไม่คิดทำอะไรให้ฉันรู้สึกยินดีเลยหรือไง?” เขาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เสี่ยวเถียนผงะ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่ายังไงก็ยังเสียเปรียบในด้านอายุของตัวเองอยู่ดี จึงทำได้แต่ยิ้มขื่น

เมื่อก่อนตอนอายุน้อยกว่านี้ จะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะดวกสักอย่าง แล้วถ้าตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เถ้าแก่ตรงหน้าคงไม่มีความคิดเช่นนั้นหรอกมั้ง?

ชายวัยกลางคนเห็นสีหน้าเด็กสาวก็มั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

จึงอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมในใจ ไอ้เด็กสองตัวนี้มันเป็นลูกหลานบ้านใคร? อยู่ดีไม่ว่าดีถ่อมาที่นี่ทำไมกัน?

ถ้าอย่างนั้นตัวเขาก็คงโชคร้ายพอตัวที่ร้านรวงรอบได้ทำกำไรได้เพียบ ในขณะที่ตัวเองกลับทำไม่ได้เลย แล้วยังต้องเสียค่าเช่าที่ตั้งแต่ที่เปิดร้านมาด้วยอีก

เขาเลยไม่มีทางเลือกนอกเสียจากขายร้านทิ้งแล้วเก็บข้าวของกลับบ้าน

“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ พวกเราสองพี่น้องอยากซื้อร้านจริง ๆ นะ”

“เถ้าแก่ ถ้าเราไม่อยากซื้อจริง ๆ แล้วจะมาเสียเวลาที่นี่ไปทำไมครับ?” ฉืออี้หย่วนเกลี้ยกล่อม

เวลาเป็นสิ่งมีค่ามาก ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการจริง ๆ พวกเราก็คงไม่เสียเวลามาที่นี่หรอก

“จริงหรือ?” เขาถาม

“ถ้าไม่จริง เราจะต่อรองราคาไปทำไมคะ?”

เสี่ยวเถียนแค่นหัวเราะ ตั้งแต่โบราณกาลคนที่อยากซื้อของจะต่อราคาเสมอ แต่เถ้าแก่คนนี้กลับไม่เข้าใจความจริงตรงนี้เลย ไม่แปลกใจที่ขายของไม่ได้

คงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ถ้าขายของได้ด้วยความสามารถอันน้อยนิดนี่

แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้พูดมันออกมา

ฝ่ายเถาเต๋อหัวเชื่อในสิ่งที่เด็กสาวเชื่อแล้ว

“แล้วจะจ่ายเท่าไรล่ะ?” เขาถาม

ในเมื่อจะซื้อจริง ๆ ก็ต้องหารือเรื่องราคาก่อน ราคาที่เถาเต๋อหัวตั้งเอาไว้สูงมาก อันที่จริงเขาไม่ได้คาดหวังไว้เยอะขนาดนั้นหรอก มันสามารถลดได้อีก 10%

“เถ้าแก่ขอ 25,000 หยวน หนูว่าสัก 20,000 หยวนก็พอมั้งคะ คุณคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?”

ทว่าราคาที่เสนอใหม่กลับต่ำกว่าที่เถ้าแก่คาดไว้เล็กน้อย เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่อยากยอมรับ ว่ากันง่าย ๆ คือการทำธุรกิจจะต้องมีการพูดคุยกัน ราคาที่ฝ่ายนั้นเสนอมา เขาสามารถโต้แย้งได้

“สาวน้อย ต่อราคาเยอะเกินไปแล้วนะ 24,000 แล้วกัน ลดไม่ได้แล้วล่ะ”

“24,000 หรือคะ เถ้าแก่เห็นหนูเป็นเด็กหัวอ่อนหรือคะ?”

เสี่ยวเถียนมองชายตรงหน้าโดยไม่ละสายตา จนเถ้าแก่เริ่มละอายใจขึ้นมา

แต่มันเป็นเงินเลยนะ เถาเต๋อหัวยังกัดฟันว่าต่อ

“ถนนเส้นนี้พลุกพล่านมากนะ ตาเธอไม่เห็นหรือไง!”

“เถ้าแก่ ผมเป็นนักศึกษาที่นี่นะ” ฉืออี้หย่วนพ่นลมหายใจเย็นชา

ประโยคของเด็กหนุ่มทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที

แค่ประโยคเดียว มีหรือจะไม่เข้าใจ?

ร้านนี้ดูเหมือนจะเป็นร้านโชคร้ายเลย แทบทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้เรื่องนี้

“ถ้าเธอเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แล้วมาที่นี่ทำไมล่ะ?”

“แน่นอนว่ามาซื้อร้านขายของไงคะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม

คำพูดที่หลุดจากปากเด็กหญิงทำให้เถ้าแก่สับสนหนักกว่าเก่า ถ้ารู้ว่าร้านนี้อับโชค แล้วจะซื้อไปทำไมล่ะ?

“บอกกันตรง ๆ นะคะ ถึงหนูจะเปิดร้านไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ซื้อเสียหน่อย แล้วก็อยากจะปล่อยให้มันมีมูลค่าด้วยค่ะ”

เถ้าแก่ยังคงสับสน

หมายความว่ายังไง?

ปล่อยให้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือ?

“เถ้าแก่ หนูมีเงินอยู่ในมือ เมื่อกี้คุณบอกว่าถ้ารอปีหน้าจะมีมูลค่า 25,000 ใช่ไหมคะ?”

ตอนนี้เถ้าแก่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว นี่คงเป็นลูกค้าคนรวยสินะ? เฮ้อ มองจากการแต่งตัวก็รู้แล้ว

ต่างจากตัวเขาที่หลังจากขาดทุนไปก็ได้แต่หวังว่าจะขายร้านนี้ออก และกลับบ้านไปพัฒนาตัวเองใหม่ ต่อจากนั้นก็นึกได้ว่าร้านแบบนี้ในเมืองหลวงสามารถขายได้มากกว่าราคา 20,000 หยวน ถ้าตนกลับไปบ้านเกิดอาจซื้อร้านได้สักสองสามร้านเลยด้วยซ้ำ

ทว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เด็กคนนี้ฉลาด หากฝากเงิน 25,000 ไว้ในธนาคารคงไม่ได้ดอกเบี้ยเท่าไร

แต่ถ้าเราเอาเงินตรงนั้นมาซื้อบ้านมันจะต่างออกไปทันที แถมยังทำเงินได้เยอะอีกด้วย

ความคิดนี้แล่นอยู่ในหัวเถาเต๋อหัว

เขาคิดว่าเด็กคนนี้เดินทางมาเพื่อให้คำแนะนำกับตน หากไม่ใช่เพราะคำเตือนในวันนี้ เขาคงไม่รู้หรอกว่าหลังจากกลับบ้านเกิดจะทำอะไรต่อ อันที่จริงเขาพบแล้วว่าตนไม่เหมาะจะเป็นนักธุรกิจ หากในมือมีร้านอยู่หลายแห่ง การปล่อยให้คนอื่นเช่าก็มากพอจะเปลี่ยนเงินในการหาเลี้ยงชีพได้เลย

“ฉันจะบอกราคาจริง ๆ แล้วกัน ร้านนี้ราคา 22,500 หยวน เธอเห็นว่ายังไงล่ะ ถ้าอยากได้ฉันจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ทันที แต่ถ้าไม่ฉันก็รอหาคนอื่นต่อ” เถาเต๋อหัวเอ่ยไม่แยแส

เสี่ยวเถียนชั่งน้ำหนัก และรู้สึกว่าราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว

หลังจากสองฝ่ายเป็นอันตกลง จากนั้นเราจะได้ทำสัญญา

เราคุยกันเสร็จก็ไปที่กรมที่ดินเพื่อจัดการธุระ ในยุคนี้ กรมที่ดินจะต้องทำขั้นตอน และเป็นคนที่จัดการให้

แต่ต้องบอกว่าพวกเขาดำเนินการไว้มาก ไม่ถึงสิบนาทีก็จัดการทุกอย่างจนเสร็จสิ้น แต่ถ้าฝ่ายเจ้าหน้าที่กำลังอารมณ์ไม่ดี หรือไม่อยากจัดการธุระให้ ก็อาจต้องเลื่อนไปสิบกว่าวันเลย

เสี่ยวเถียนคิดถึงจุดนี้ไว้นานแล้ว

ตอนเดินผ่านสหกรณ์ร้านค้า เธอซื้อบุหรี่หนึ่งซองและใส่ไว้ในกระเป๋า

เถาเต๋อหัวตกใจมาก

เด็กคนนี้ก็ยังดูสบายดีอยู่นะ แล้วซื้อบุหรี่มาทำไม?

เธอไม่เหมือนคนสูบบุหรี่เลยนะ!

“สาวน้อย บุหรี่มันไม่ดีนะ!”

ถึงเธอจะดูไม่เหมือนคนแบบนั้น แต่เขาก็ยังเกลี้ยกล่อมไว้ก่อน เด็กสาวหน้าตาดูดีแบบนี้ ถ้าสูบบุหรี่ขึ้นมา มันจะทำลายภาพลักษณ์เอา!

เสี่ยวเถียนรู้สึกขบขันกับประโยคนั้นมาก

ตาลุงนี่น่าสนใจจริง ๆ ทำไมถึงคิดว่าเธอจะเป็นคนสูบบุหรี่เสียล่ะ?

“ลุงเถา คืองี้นะ ถ้าเราจะทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ร้านก็ต้องรบกวนคนทำใช่ไหมคะ แล้วเราก็อยากให้มันราบรื่นด้วย”

เถาเต๋อหัวได้ฟังพลันตระหนักได้

จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตนเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ ๆ กลับคิดไม่ได้เหมือนเด็กหญิงคนนี้เลย ไม่แปลกใจที่เธอซื้อของราคาแพงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เธอต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!

เถาเต๋อหัวมองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาชื่นชมเล็กน้อย

เธอเป็นคนดี บางทีร้านของเขาอาจจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งด้วยฝีมือเธอก็ได้

เฮ้อ ตอนนั้นก็คิดว่าดีจังได้ร้านมาในราคาถูก แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะเป็นร้านอับโชคอย่างที่ใครเขาว่า

“เสี่ยวเถียน ถ้ามีวิธีล่ะก็ช่วยทำให้ร้านนี้กลับมามีชีวิตชีวาทีนะ!” เถาเต๋อหัวเอ่ยจริงจัง

“ขอหนูลองก่อนนะลุงเถา คือหนูต้องไปเรียนด้วยสิ น่าจะไม่ค่อยมีเวลามาดูแลเท่าไรหรอก”

ถึงเสี่ยวเถียนจะชอบลุงคนนี้ แต่ยังไม่ไว้ใจขนาดนั้น จึงไม่ได้เอ่ยความคิดจริง ๆ ของตนเองออกไปโดยตรง

ก่อนหน้านี้เถาเต๋อหัวเองก็รู้มาว่า ซูเสี่ยวเถียนเป็นเด็กใหม่ที่เป็นอัจฉริยะของปีนี้ด้วย

มีลูกฉลาดเป็นกรดขนาดนี้ พ่อแม่ที่ไหนจะปล่อยให้เธอทุ่มเทแรงกายใจไปกับการทำธุรกิจล่ะ?แต่เขาก็เพิ่งจะคิดขึ้นได้ และเตือนไปก็เท่านั้น