บทที่ 725 ของของคนอื่นก็คือของของคนอื่น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 725 ของของคนอื่นก็คือของของคนอื่น

บทที่ 725 ของของคนอื่นก็คือของของคนอื่น

เมื่อไปถึงกรมที่ดินก็รีบเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งเตรียมตัวจะเลิกงานแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน แต่คนไม่อยากทำงานแล้วก็หาเหตุตามแต่ใจมาจนได้

ซูเสี่ยวเถียนรีบหยิบบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าวางบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา และดันไปให้อีกฝ่าย

ฝ่ายตรงข้ามเห็นซูเสี่ยวเถียนดันบุหรี่มาซองหนึ่งก็ตาลุกวาว สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย

เมื่อเขาเห็นอย่างชัดเจนก็คาดไม่ถึงว่าบุหรี่ซองนี้จะมีราคาถึงห้าหยวน ใบหน้าจึงผุดรอยยิ้มออกมาแล้ว

“ทำไมพวกเธอไม่มาให้เร็วกว่านี้หน่อย เวลาป่านนี้แล้วพวกเธอดูสิเพื่อนร่วมงานรอบ ๆ ต่างเตรียมกลับบ้านกันแล้ว”

พนักงานคนนี้เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี เขายื่นมือออกไปหยิบบุหรี่ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แต่กลับหยุดการกระทำที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้ล่าช้าได้อีกแล้ว รบกวนคุณช่วยหน่อยเถอะนะคะ!”

“ใครใช้ให้ฉันเป็นคนคุยง่ายเล่า ช่างเถอะฉันจะเลื่อนเวลาออกไปสักหน่อย พวกเธอทำตามขั้นตอนนี้เถอะพวกเธอจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมาอีกรอบ”

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินคำพูดของชายหนุ่มคนนี้ก็ตำหนิอยู่ในใจ

นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานก็เตรียมจะไปแล้ว ทั้งยังต้องพูดอีกมากมายเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเสียอีก แม้ในใจจะคิดเช่นนี้แต่ปากกลับไม่ได้พูดออกไปแบบนั้น

“ขอบคุณมากนะคะ! วันนี้พวกเราโชคดีจริง ๆ หาได้ยากนักที่จะเจอสหายดี ๆ ที่พิจารณาลงแรงทำงานเพื่อพวกเราแบบคุณ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องเดินทางมาอีกรอบแน่เลยค่ะ” ใบหน้าของซูเสี่ยวเถียนปรากฏรอยยิ้มพลางกล่าว

คำพูดน่าฟังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน และซูเสี่ยวเถียนพูดออกไปตามตรง

อีกฝ่ายหลังจากได้ยินคำยกยอของซูเสี่ยวเถียน รอยยิ้มบนใบหน้าก็เพิ่มความจริงใจมากขึ้น

“สาวน้อยคนนี้ช่างพูดจริง ๆ” อีกฝ่ายพูดก่อนจะส่งเอกสารสองใบมาให้พวกเขาแต่ละคนกรอกข้อมูล

การกรอกเอกสารนี้ง่ายเป็นอย่างมากใช้เวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาทีก็กรอกเสร็จแล้ว จากนั้นก็มีขั้นตอนการเซ็นชื่อในเอกสาร ประทับตรา และการดำเนินการอื่น ๆ

กระบวนการทั้งหมดราบรื่นเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นสิบกว่านาทีโฉนดที่ดินแผ่นหนึ่งก็เปลี่ยนมาอยู่ในมือของซูเสี่ยวเถียน

ชายหนุ่มพนักงานคนนั้นในตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อ

ผู้ปกครองคนไหนปล่อยให้เด็กมาล้างผลาญเงินเล่นแบบนี้กัน? สถานที่ดี ๆ แบบนี้กลับปล่อยให้อยู่ในมือของเด็กหญิงคนหนึ่ง

หายากที่พี่ชายคนนี้ของเด็กสาวจะไม่มีความคิดอิจฉาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่หนุ่มก็เริ่มทอดถอนใจ ครอบครัวของเขามีสภาพฐานะทั่วไป แต่มาถึงตอนนี้ก็ยังอยู่อย่างแออัดในบ้านหลังเดียวกัน

พี่น้องสองคนนี้ไม่แน่อาจเป็นลูกหลานจากตระกูลร่ำรวยก็เป็นได้ แม้จะบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะถูกกดขี่แต่ในภายหลังก็ได้ของกลับมาไม่น้อย

คนที่ก่อนหน้านี้มีเงิน ในตอนนี้ก็ยังมีเงินอยู่

บางครั้งก็อิจฉาว่าทำไมบรรพบุรุษของครอบครัวตัวเองถึงไม่ทิ้งทรัพย์สินก้อนใหญ่สักก้อนไว้ให้คนรุ่นหลังบ้าง?

เป็นธรรมดาที่ซูเสี่ยวเถียนจะไม่รู้ความคิดของพนักงานหนุ่ม แต่ถึงรู้ก็ไม่เก็บมาใส่ใจอยู่ดี

ในยุคสมัยนี้และหลังจากนี้อีกไม่กี่สิบปีจะไม่ใช่ยุคสมัยที่เอาบิดามาโอ้อวด แต่มีเพียงความทุ่มเทของตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ได้รับผลสำเร็จ

ดังนั้นทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับตัวเอง

หลังจากรอให้พวกเขาออกไปแล้วเถาเต๋อหัวก็ยิ้มพลางพูด “โชคดีที่ตอนเธอมาซื้อบุหรี่มาซองหนึ่ง ไม่อย่างนั้นขั้นตอนเหล่านี้พวกเราคงทำได้ไม่เสร็จในวันนี้”

ผู้ใหญ่แบบเขายังมองการณ์ไกลไม่สู้เด็กคนหนึ่งเลยจริง ๆ

“เถ้าแก่คะในสังคมมนุษย์ยิ่งเป็นแบบนี้ค่ะ จ่ายเงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำการใหญ่ได้เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มพูด

หลังจากทั้งสองฝ่ายพูดกันตามมารยาทอีกไม่กี่ประโยคก็พากันแยกย้าย

ท้องฟ้าในเมืองหลวงมืดเร็ว ในตอนนี้พระอาทิตย์ก็ตกไปทางทิศตะวันตกแล้ว

ที่เส้นขอบฟ้ามีดวงอาทิตย์สีแดงแขวนไว้อยู่ แสงตะวันลับฟ้าตกกระทบลงมายังแผ่นหลังของทั้งสองคน…

เมื่อทั้งสองคนกลับมาที่มหาวิทยาลัยฟ้าก็เกือบจะมืดแล้ว

“เสี่ยวเถียนคืนนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารดีไหม?” ฉืออี้หย่วนออกความเห็นชวนซูเสี่ยวเถียน

“ดึกแล้วด้วยพวกเราไปกินข้าวที่โรงอาหารก็ได้ค่ะ!”

แม้ในมือจะไม่ขาดเงินแต่ก็ไม่อาจสั่งอาหารแยกทุกมื้อได้ สิ้นเปลืองเงินก็เรื่องหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็แพงเกินไปหน่อย

ความจริงฉืออี้หย่วนก็คิดเช่นนี้พวกเขาล้วนเป็นนักศึกษามีเวลามากมาย ประหยัดเสียหน่อยย่อมเป็นการดี แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็ยังสั่งอาหารมา

การที่พวกเขาสั่งอาหารมาไม่มีเหตุผลอื่น ก็คือพวกเขาสองคนกลับมาจากข้างนอกจึงล้วนไม่มีกล่องข้าว หากจะให้กลับไปเอากล่องข้าวที่หอพักก็เสียเวลาเกินไปจริง ๆ

ทั้งสองคนสั่งกับข้าวจานเนื้อหนึ่งอย่าง กับข้าวจานผักหนึ่งอย่าง ซุปหนึ่งถ้วย และข้าวสองชาม เมื่อนั่งกินข้าวก็บังเอิญเผชิญหน้ากับอ้ายอวี้พอดี

อ้ายอวี้เห็นทั้งสองคนนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างสนิทสนม ก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจไปทางทั้งสองคน และเดินไปพร้อมกับกล่องข้าวของตัวเอง

เธอต้องเกลี้ยกล่อมหรูอวิ๋น!

ไม่ไกลจากตรงนี้ฉีเสี่ยวฟางก็ถือกล่องข้าวกล่องใหญ่มากินข้าว ทั้งยังมองไปทางซูเสี่ยวเถียนและฉืออี้หย่วนด้วยความอิจฉา

ในใจคิดว่าซูเสี่ยวเถียนคนนี้ตกลงแล้วตัวเองมีเงิน หรือคนข้าง ๆ กันแน่ที่มีเงิน?

แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนเธอก็ยังอิจฉาที่อีกฝ่ายได้กินอาหารดี ๆ ทุกมื้อจริง ๆ

วันนี้ฉีเสี่ยวฟางยังคงสั่งผัดผักกาดขาวที่ถูกที่สุด

จานเล็ก ๆ จานหนึ่งใส่กับข้าวได้ไม่มากนัก

กินอาหารในโรงอาหารทั้งสามมื้อ ตอนนี้ป้าที่แจกจ่ายอาหารในโรงอาหารล้วนจำฉีเสี่ยวฟางได้แล้วเมื่อฉีเสี่ยวฟางรับอาหารก็ไม่ได้ตักให้เธอน้อยอีกแล้ว แต่ใส่ให้จนเต็มแน่นกล่องข้าว

แน่นอนว่าเป็นเพราะเวทนาสาวน้อยฉีเสี่ยวฟางคนนี้ที่มีชีวิตขัดสน

พวกเธอทำงานในโรงอาหารมาหลายปีแล้วแน่นอนว่าย่อมมองเหล่านักศึกษาออกอย่างชัดเจนยิ่ง

ไม่ว่าในครอบครัวจะมีสภาพไม่ดีอย่างไร เมื่อเพิ่งเปิดเทอมก็ส่งเงินอุดหนุนกลับไปทุกเดือนทั้งยังตัดใจที่จะกินอาหารจานเนื้อและจานผักหนึ่งหรือสองจานด้วย

แต่เด็กสาวคนนี้ทุกมื้อกลับสั่งเพียงกับข้าวที่ถูกที่สุดจานเดียว

ถึงขั้นที่เหล่าคุณป้าในโรงอาหารตอนที่นั่งคุยกันก็ยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เด็กสาวคนนี้กินเยอะขนาดนี้ไม่รู้ว่าที่บ้านเลี้ยงดูไหวได้อย่างไร

ทั้งยังกังวลว่าเด็กสาวที่กินเยอะขนาดนี้ในอนาคตไม่รู้จะแต่งออกได้หรือไม่

พวกเธอถึงขั้นมีเหตุผลที่สงสัยว่าหากพวกเขาไม่มีแจกกับข้าวและให้ข้าวฟรี เด็กสาวคนนี้จะต้องมาสั่งข้าวกินเปล่า ๆ อย่างเดียวเลยหรือ

ความจริงแล้วฉีเสี่ยวฟางก็คิดเช่นนั้น

สภาพครอบครัวเธอไม่ดีแม้จะอิจฉาที่คนอื่นได้กินดี แต่ก็ทำได้แค่อิจฉาเท่านั้น แค่สามารถกินอิ่มทั้งยังได้กินข้าวหุงสุก ฉีเสี่ยวฟางก็พอใจมากเพียงพอแล้ว

เมื่อเพิ่งมาถึงในเมืองหลังจากถูกอิ่นหรูอวิ๋นพูดจาดูถูกเสียมากมาย ในใจฉีเสี่ยวฟางตอนนี้จึงตกต่ำลงอยู่บ้าง

ถึงขั้นที่เธอรู้สึกว่าในเมื่อมีคนที่สภาพความเป็นอยู่ดี เธอจะเข้าไปหาประโยชน์จากความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

แต่หลังจากเมื่อคืนตอนที่อิ่นหรูอวิ๋นกลอกตาตอนที่กำลังจะเลี้ยงข้าว เธอก็เข้าใจแล้วว่าหากคิดจะเอาเปรียบคนอื่นก็จะถูกคนดูแคลน

หมูตุ๋นน้ำแดงเมื่อวานเธอล้วนไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว และในคำพูดของอ้ายอวี้ก็แฝงไปด้วยการดูถูกเธอ

หลังจากเธอครุ่นคิดอย่างจริงจังมาทั้งคืนก็กดข่มอารมณ์ที่ร้อนรุ่มในใจลงไปได้

ของของคนอื่นก็คือของของคนอื่น ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเธอฉีเสี่ยวฟาง