คนเหล่านั้นส่ายหัว “ตอนนี้ยังหาที่อยู่ของประธานลี่ไม่ได้เลย”
“แล้วพวกคุณมาทำไมล่ะ?” เจียงหยุนเอ๋อพูดออกมา
คนที่มานั้นอึ้งไป เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าพูดผิดไปเลยรีบพูดขึ้น “ขอโทษ ฉัน……ฉันไม่ควรคิดแบบนั้นเลย”
เธอพูดพลางเอามือป้องตาแล้วอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
หลันเยว่เฉินเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็เดินเข้ามา พลางใช้มืออีกหนึ่งตบไหล่ของเธอ “คุณหวั่นไหวมากเกินไป กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“ไม่ ฉันไม่เอา!ที่นี่มันสูงมาก ถึงแม้ด้านล่างจะมีน้ำที่ไม่ไหลเชี่ยว แต่……แต่……เอาเป็นว่าฉันไม่มีทางกลับไปแน่!” เจียงหยุนเอ๋อตัดบทของหลันเยว่เฉินอย่างจัง
ซู่จี้งยี้เองก็มองมาทางนี้ด้วยความกังวล
เจียงหยุนเอ๋อจับใบหน้าพลางพูด “ฉันจะต้องรอจนเขาปลอดภัย”
ท่าทีแบบนี้
หลันเยว่เฉินกับซู่จี้งยี้สบตากัน เห็นอีกฝ่ายพยักหน้า พลางพูด “โอเค!แต่ว่าคุณต้องเชื่อฟังหน่อยนะ ทุกคนกำลังพยายามตามหาจุนถิงอย่างแข็งขันอย่าเพิ่งรบกวนพวกเขาเลยได้ไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าหลันเยว่เฉินพูดอย่างมีเหตุผล เลยพยักหน้า
คนที่ขึ้นมาคนสุดท้ายคือเฟิงจิงเป่ย คู่หูของเขาหลายคนช่วยดึงเขาขึ้นมา “หัวหน้าทีม!”
เฟิงจิงเป่ยกลับมองมาทางเจียงหยุนเอ๋อ
เคยได้ยินมานานแล้วว่าลี่จุนถิงกับคุณนายมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก วันนี้ที่ได้เห็นมันเป็นจริงเสียด้วย
เขาไม่ค่อยเชี่ยวชาญกับการปลอบคนสักเท่าไหร่ เลยกระแอมเพื่อเคลียร์คอเล็กน้อย “ชิงโม่ยังอยู่ด้านล่าง เพียงแค่พวกพ้องเหล่านี้เลิกงานจะผลัดเวรแล้ว ทุกคนมีแรงเต็มที่จะทำให้ช่วยได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม”
ซู่จี้งยี้เริ่มสั่งให้คนเหล่านั้นบริการพวกพ้องที่เพิ่งขึ้นมา
ลี่เจี้ยนหวาหันไปพูดอีกด้านหนึ่ง “คนเป็นภรรยา รู้จักแต่จะเป็นตัวถ่วง”
น้ำเสียงของเขามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เจียงหยุนเอ๋อยิ่งโทษตัวเองเข้าไปใหญ่
หลันเยว่เฉินส่งสายตาให้พยาบาลที่อยู่ข้างๆ เพื่อให้รีบเข้าไปพาเจียงหยุนเอ๋อไปทางเต็นท์นั้น “คุณนายลี่ คุณต้องรักษาร่างกายนะ ตอนนี้ในบ้านต่างต้องพึ่งพาคุณหมดแล้วนะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเริ่มยอม พยาบาลคนนั้นก็พูดขึ้น “ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ลมก็หนาวคุณควรจะใส่เสื้อผ้า แล้วกินอะไรสักหน่อยนะ”
เจียงหยุนเอ๋อไม่ขยับ พยาบาลคนนั้นเลยพูด “คุณต้องคิดถึงคุณชายน้อยกับคุณนายน้อยให้มากๆ นะ”
เป็นไปตามคาดเจียงหยุนเอ๋อไปตามที่เธอดึงไป
เมื่อพูดถึงลูก ลูกชายรู้เรื่อง และฉลาดแถมยังเชื่อฟังมาตั้งแต่ไหนแต่ไป
เจียงหยุนเอ๋อไม่เป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ว่าลูกสาวกุ่นกุ่นยังเล็ก ถ้าเกิดวันนี้ไม่เจอเธอไม่รู้ว่าจะร้องไห้ขนาดไหน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้
เจียงหยุนเอ๋อก็คิดว่าในใจเริ่มหงุดหงิดใจขึ้นมา
คฤหาสน์ตระกูลลี่
โม่เสี่ยวฮุ่ยกอดหลานสาวที่ร้องไห้จนเสียงแหบ พลางมองหลานชายที่ก้มหน้าอยู่ข้างๆ ก่อนจะบ่นขึ้นว่า “พวกคุณว่าเจียงหยุนเอ๋อนี่จริงๆ เลย โตขนาดนั้นแล้ว แต่ไม่รู้จักลำดับความสำคัญถึงได้ทิ้งลูกเล็กแล้วออกไปแบบนี้”
ถวนจื่ออ้าปาก พลางอยากจะแก้ต่างให้แม่
แต่น้องสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาเองก็เสียใจเล็กน้อย
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ โทรศัพท์หลายสายแต่ก็ปิดเครื่องอยู่
โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็คิดว่าน่ารำคาญไม่น้อย อีกมือหนึ่งก็ยังปลอบหลานสาวที่ร้องไห้ไม่หยุด
ยังดีที่เสียงของเด็กนั้นเบาลงเรื่อยๆ
“เธอออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนบ่ายๆ” สาวใช้คนนั้นถูกคุณนายโม่เอ็ดจนเริ่มกลัว “แต่ท่าทีของคุณนายดูเหมือนจะรีบร้อนมาก อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ก็ได้”
“เรื่องใหญ่งั้นเหรอ?” โม่เสี่ยวฮุ่ยปลอบลูกที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ พลางคิดไปด้วย
ในใจเองก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา
อารมณ์บนใบหน้าที่หงุดหงิดไม่พอใจก็ทำให้ตกพี่เลี้ยงหลายคนตกใจจนก้มหน้าและพูดไม่ออก
ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดออกมาอย่างรุนแรง จนลูกสาวที่หลับอยู่ในอ้อมกอดก็ตกใจจนร้องจ๊ากขึ้นมา
อารมณ์โกรธของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็พุ่งขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาว เสียงก็หยุดลง แต่ก็ยังฟังออกว่าเสียงนั้นมันดุดันมาก “คุณทำอะไรเนี่ย?เด็กตกใจหมดแล้ว”
ลี่จุนซินเพิ่งจะเห็นกุ่นกุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของโม่เสี่ยวฮุ่ย
กุ่นกุ่นร้องไห้เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ร้องไห้มานานเกินไป เลยเริ่มจะเหนื่อยแล้ว
พลางหาวบ้างเล็กน้อย
“แม่ แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ลี่จุนซินร้อนใจ
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองไปทางหลานที่มีท่าทีกระฉับกระเฉง สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็พูด “ฟ้าก็มืดแล้ว พวกคุณพาคุณชายน้อยไปพักก่อนเถอะ!”
ถวนจื่อไม่อยากไป เขาเลยพูดพึมพำ “ป้า ยาย มีเรื่องอะไรก็บอกถวนจื่อเถอะ ไม่แน่ว่าถวนจื่ออาจจะช่วยอะไรได้บ้างนะ”
เขาทำท่าทีเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก
โม่เสี่ยวฮุ่ยหัวเราะออกมาทันที “คุณเพิ่งอายุเท่าไหร่ ยังไม่เรียนจบอนุบาลเลย งานของคุณก็คือไปหลับให้สบายนะ เชื่อฟังนะเด็กดี!”
ลี่จุนซินกลับขำไม่ค่อยออกเท่าไหร่
สีหน้าออกจะอึดอัด แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทีดึงดันของถวนจื่อ ก็นั่งยองลง “ถวนจื่อเด็กดีนะ คุณเป็นเด็กโตแล้วคืนนี้ป้ากับยายมีธุระนะ คุณเนี่ย ต้องดูแลน้องสาวให้ดี ให้น้องสาวนอนหลับสบาย เข้าใจไหม?”
ตอนที่กำลังพูดโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ปลอบหลานสาวแล้ว เลยกำชับสาวใช้หลายคนเบาๆ
เลยให้สาวใช้พาเด็กทั้งสองกลับไปนอนพักที่ห้องนอน
เมื่อไม่เห็นเงาของพวกเขาแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็พูดอย่างตำหนิ “ทำไมลูกอย่างคุณชอบไปมาๆ แบบนี้ล่ะ”
แต่เมื่อพูดถึงลูกสาวก็แน่วแน่เป็นอย่างมาก หลายปีมานี้ เธอเพิ่งเคยเห็นลูกสาวร้อนรนใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรแบบนี้
ลี่จุนซินกลับไม่ตอบคำตอบเธอ ก่อนจะหันตัวไปบอกให้สาวใช้ที่อยู่ออกไปก่อน
พลางมองประตู เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เห็นเงาของถวนจื่อถึงจะหันกลับมา
เด็กคนนั้นฉลาดมากจริงๆ
“ทำตัวลึกลับแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” โม่เสี่ยวฮุ่ยใช้มือหนึ่งจับหน้าอกของตัวเอง พลางพูดไม่ออกว่าทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วขนาดนี้
ลี่จุนซินเพิ่งจะเปิดปากพูด ก็ถูกเธอตัดบทไป “คุณอย่าพูดไปก่อน ให้ฉันเดามันจะเกี่ยวกับข่าวคราวของจุนถิงหรือเปล่านะ”
ลี่จุนซินพยักหน้า เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะปิดบังต่อไปไม่ได้แน่นอน
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างพยายามร่วมแรงร่วมใจ ไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีวิธี
หลายวันมานี้ทางลี่จุนถิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยลี่เจี้ยนหวา พวกเขาเองก็รู้ทั้งหมด
ตอนนี้ทางเวียร์รีบมาที่ที่เกิดเหตุแล้ว
จู่ๆ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็หนาวไปทั้งตัว สักพักใหญ่ๆ เลยพูดขึ้น “มัน……เป็นข่าวดี หรือข่าวร้าย?”
เสียงของเธอติดขัดเล็กน้อย
ลี่จุนซินอดไม่ไหว แต่ก็ยังพูดออกมา “เป็นไปได้ทั้งข่าวดีและร้ายเลยล่ะ ยังไม่รู้ว่าดีหรือร้ายเลย”
“งั้น งั้นข่าวดีคืออะไรล่ะ?” โม่เสี่ยวฮุ่ยถาม
“ข่าวดีก็คือช่วยพ่อออกมาได้” พูดไปลี่จุนซินก็มองแม่ด้วยความลังเลเล็กน้อย ถึงอย่างไรพวกเขาก็หย่ากันไปแล้ว
โม่เสี่ยวฮุ่ยอึ้งไป พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมาตั้งหลายปี แต่สุดท้ายกลับเป็นเพียงคนแปลกหน้า
แต่ก็ยังพอจะมีความรู้สึกอยู่บ้าง เมื่อได้ยินว่าเขาถูกช่วยออกมาแล้ว อารมณ์ของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ พลางพยักหน้า
มันไม่มีการแสดงอะไรมากมาย เพียงแต่ลี่จุนซินกลับได้ยินเสียงของเธอมีความอยากจะเป็นลมเล็กน้อย “แล้วข่าวร้ายล่ะ?”
“จุนถิง……เพื่อช่วยพ่อเลยตกลงหน้าผาไปแล้ว!”