ตอนที่ 620 เต๋าและการตัดสินใจของหลี่ฉางโซ่ว (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 620 เต๋าและการตัดสินใจของหลี่ฉางโซ่ว (3)

หลี่ฉางโซ่ววางพู่กันลงแล้วใช้พลังเซียนปิดกระดาษด้านล่าง จากนั้นเขาก็หยิบยันต์หยกออกมาแล้วฉีดพลังเซียนเข้าไปเล็กน้อย

ยันต์หยกสั่นเล็กน้อย และเส้นลำแสงเซียนก็โผล่ออกมาจากมัน แล้ว ‘แผนภาพกายวิภาคศาสตร์[1]’ สิบหกรายการของยอดเขาหยกน้อยก็ปรากฏขึ้น

“นี่คือ โครงการสร้างค่ายกลเวทที่ข้าจะดัดแปลงต่อไป เจ้ามีอะไรต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือไม่?”

“เอ่อ พวกเรากำลังจะย้ายยอดเขาหยกน้อยออกไปในเร็วๆ นี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” หลิงเอ๋อร์อดจะไถ่ถามไม่ได้ “แล้วตอนนี้ เรายังมีเวลาทำสิ่งนี้หรือเจ้าคะ?”

“ยังมีเวลาทำได้ทัน”

หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวว่า “ข้าตัดสินใจที่จะยังไม่ย้ายในตอนนี้”

“จริงหรือเจ้าคะ?!”

ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เปล่งประกายทันที

“อืม” หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างอบอุ่นอ่อนโยนและกล่าวว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งทำให้ข้าต้องปรับเส้นทางการพัฒนาในอนาคตของข้า และข้าก็ไม่คิดว่า ข้าจะใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวได้[2]

ทว่าข้าก็จะสร้างยอดเขาหยกน้อยแห่งที่สองในภายหลัง และย้ายตำหนักเทพวารีไปยังข้างวังดุสิต และเพราะในท้ายที่สุด ข้าก็ได้บอกเรื่องนี้กับทุกคนไปแล้ว”

หลิงเอ๋อร์กะพริบตา บ่งบอกว่า นางไม่เข้าใจ

หลี่ฉางโซ่วรับรู้ได้และเริ่มอธิบายกับหลิงเอ๋อร์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อนางได้ยินศิษย์พี่บอกว่า เขาต้องการเปลี่ยนแปลงผืนดิน ทะเลสาบ และป่าบนยอดเขาหยกน้อย หลิงเอ๋อร์ก็คิดว่าศิษย์พี่ของนางบ้าคลั่งกับการฝึกบำเพ็ญไปแล้ว…

เรื่องนี้มีความจำเป็นหรือไม่?

ในอดีต แม้ภายในของยอดเขาหยกน้อยจะเปลี่ยนไปเกินกว่าที่ศิษย์พี่จะจำได้ แต่พื้นผิวภายนอกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

จนกระทั่งถึงตอนนี้…

ในที่สุด เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ละทิ้งชั้นนอกด้วยแล้วหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วถามอย่างเป็นกันเองว่า “ใช่แล้ว ว่าแต่ก่อนหน้านี้เมื่อข้ากำลังหลับอยู่ เจ้าได้สร้างปัญหาอันใดหรือไม่?”

หลิงเอ๋อร์เอามือปิดหน้าของนางพลางพึมพำเบาๆ ว่า “ข้า…ไม่ได้… ฮึกๆ[3]…”

“อืม?”

หลี่ฉางโซ่วก็มีอารมณ์สนุกขบขันเช่นกัน จะได้รับข้อมูลที่ไม่คาดคิดหรือไม่?

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็เห็นว่า หลิงเอ๋อร์สงบลงแล้ว เขาก็ถามอย่างจริงจังว่า “เจ้าได้ทำอะไรผิดมาก่อนหน้านี้?”

ดูเหมือนว่า หลิงเอ๋อร์ยังมีแนวโน้มที่กำลังจะ “สามบุปผารวมยอด[4]” อีกครั้ง นางกล่าวตะกุกตะกักและมีใบหน้าแดงก่ำ มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากของนางเล็กน้อย และนางก็ไม่กล้ามองหน้าศิษย์พี่ของนางเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นนางก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ศิษย์พี่ ข้าจะลงโทษตัวข้าเองด้วยการเขียนพระสูตรมั่นคงสามพันจบ…” โนเวล-พีดีเอฟ

หลี่ฉางโซ่วอดจะขมวดคิ้วมุ่นขึ้น ไม่ได้

ลงโทษตัวเองด้วยการเขียนพระสูตรมั่นคงสามพันจบ?

“เจ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพียงใดกัน? หรือว่า เจ้าจับคู่จิ๋วอวี่ซือ และท่านอาจารย์อย่างไร้แบบแผน?”

“อ๊ะอา” หลิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากและกระทืบเท้าพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านเลิกถามได้แล้ว ข้าจะลงโทษตัวเอง ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องระหว่างเรา…”

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและหยิบแผ่นหินสองแผ่นออกมา

“มาทำด้วยกันเถิด ข้าจะลงโทษตัวเองหกพันจบ และให้เจ้าสามพันจบ นั่นจึงจะยุติธรรมและเท่าเทียมเที่ยงธรรม ไม่มีการหลอกลวงผู้ใดไม่ว่าเด็กหรือคนชรา[5]”

“อืม” หลิงเอ๋อร์ตอบรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ นางนั่งตรงข้ามโต๊ะอย่างเชื่อฟังและหยิบมีดแกะสลักออกมาอย่างชำนาญ จากนั้น นางก็เริ่มเขียนพระสูตรมั่นคงใหม่อย่างเงียบๆ

นางไม่ได้ทำตัวเหมือนเด็กพร่ำบ่นใดๆ เลย

มีปัญหา มีปัญหาใหญ่ที่นี่แล้ว!

แม้หลี่ฉางโซ่วจะเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยในใจ แต่ในเมื่อหลิงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากเกินไป เขาเพียงแค่สงบสติอารมณ์ และเพ่งสมาธิลงสลักจารึกพระสูตรเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ หลิงเอ๋อร์ก็ถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ หากข้า… ข้าท้อง แล้วข้าควรทำอย่างไรเจ้าคะ?”

แกร๊ก!

ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เสียบมีดแกะสลักของเขาลงในแผ่นหิน มีรอยแตกปรากฏขึ้นบนแผ่นกระดานหินทันที และในพริบตา มันก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

นั่นไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าแก่นหยางในร่างเซียนของข้าจะไม่หมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น และต่อให้ข้าจะหลับไป แต่ข้าก็ควรจะรู้สึกบางอย่าง…

เขามองไปที่หลิงเอ๋อร์อีกครั้งและเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที

หลี่ฉางโซ่วปัดเศษหินแตกไปไว้ข้างหน้าเขา แล้วหยิบแผ่นหินอีกแผ่นออกมา จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงแล้วแกะสลักต่อไป

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอย่างสงบว่า “สำหรับมนุษย์แล้ว เพียงแค่การจับมือและจุมพิตอย่างเดียวเท่านั้น จะไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้”

หลิงเอ๋อร์ตกตะลึง“แล้วการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไรเจ้าคะ…”

“เราต้องแต่งงานกันก่อน จากนั้นเราจึงจะอยู่ร่วมกันในห้องเดียวกันและโล้สำเภาในคืนแรกที่ส่งตัวเข้าหอเพื่อทำพิธีแต่งงานของเราให้สมบูรณ์” หลี่ฉางโซ่วยังคงอธิบายอย่างสงบว่า “จากนั้นเราก็จะกราบไหว้พระมารดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกวันและอธิษฐานขอพร รอจนเมื่อนางประทานรูปปั้นดินเผาให้ แล้วสตรีผู้นั้นก็จะตั้งครรภ์”

หลิงเอ๋อร์อดจะค่อยๆ เอียงศีรษะช้าๆ ไม่ได้ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้ง พลันหน้าแดงและก้มศีรษะลงเพื่อเริ่มง่วนกับการคัดลอกพระสูตร

กลายเป็นว่า มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่ง

……

ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะอุดร บนภูเขาใหญ่ที่ทอดยาวต่อเนื่องกันซึ่งมีหมอกไอพิษบางเบา

ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายปีศาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ คลื่นความผันผวนแห่งอักขระเต๋าของปรมาจารย์ปีศาจนั้น ยังคงไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา

ในส่วนลึกเข้าไปในภูเขา ในป่าบนภูเขา มีเปลวเพลิงปีศาจสีน้ำเงินลอยอยู่ในป่า มีร่างต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน มารวมตัวกันอยู่ที่นั่น

พวกมันครึ่งหนึ่งอยู่ในร่างมนุษย์หลังจากแปลงร่าง ซึ่งแต่ละร่างยังคงลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมเอาไว้โดยมักจะมีหัวเป็นสัตว์ร้ายและมีร่างกายเป็นร่างมนุษย์

อีกครึ่งหนึ่งยังคงรักษารูปร่างของสัตว์ปีศาจเอาไว้ และร่างกายของพวกมันก็แผ่พุ่งเจตนาสังหารแรงกล้าออกมา

มีราชาปีศาจมากกว่าสามร้อย ปรมาจารย์โบราณหลายร้อย และปีศาจที่มีชื่อเสียงในตำนานเผ่าปีศาจหลายสิบ ต่างก็ได้พูดคุยหารือกันอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสามวันสามคืนแล้ว แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถคิดแผนการกลยุทธ์เฉพาะที่เป็นรูปธรรมเพื่อตอบโต้ศาลสวรรค์ได้

ชั่วขณะที่พวกเขานึกถึงชะตากรรมสุดท้ายของภูเขาเหยาเซิง เจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่พวกเขาเพิ่งรวบรวมมาก็ถูกชะล้างกระจัดกระจายหายไปทันที…

บัดนี้บรรยากาศในป่าเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

วิญญาณหมีดำกัดฟันและก่นด่าออกมาว่า “เราจะปล่อยให้บัญชีเลือดนี้หายไปหรือ?”

เหล่าปีศาจล้วนเงียบงัน ความเงียบคือ สะพานปีศาจในราตรีนี้

จนกระทั่งหญิงชรามีชื่อเสียงคนหนึ่งได้กระซิบบางอย่างออกมา ดวงตาของปรมาจารย์เผ่าปีศาจทั้งหลายต่างก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความหวังอันแรงกล้าที่ถูกจุดให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

“ทุกคน เหตุใดเราไม่ไปขอราชินีจอมปราชญ์หนี่วาซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเรา ให้ลงโทษเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ที่หยิ่งยโส หยาบคายไร้เหตุผล และเข่นฆ่าเผ่าปีศาจอย่างไม่เลือกหน้ามากมายตามอำเภอใจผู้นั้น!?!”

………………………………………………………………..

[1] แผนภาพที่แสดงส่วนต่างๆ ของยอดเขาหยกน้อยอย่างละเอียด

[2] หมายถึง การใส่ความหวังหรือเงินหรือทุ่มทุกอย่างทั้งหมดเอาไว้ในโครงการหรือแผนงานเดียว ซึ่งสำนวนนี้ มักจะใช้เพื่อเตือนผู้คนว่าอย่าทุ่มเทเสี่ยงกับบางสิ่งมากเกินไป เฉกเช่นใส่ไข่ทั้งหมดที่มีอยู่ลงในตะกร้าใบเดียว หากเมื่อตะกร้าตกลงมา ไข่ทั้งหมดก็จะแตกและสูญสลายไปทั้งหมด

[3] สะอื้นไห้

[4] คืออาการร้อนผ่าวขึ้น (ซึ่งในอีกทาง จะเป็นการฝึกบำเพ็ญเต๋าซึ่งเป็นสามการชำระล้างในระดับเซียนต้าหลัวจิน เป็นอาการที่พลังลมปราณ แก่นร่างหรือกายสำคัญ และจิตวิญญาณ ทั้งสามรวมตัว และไปรวมกันที่จุดฝังเข็มทางศีรษะ หรือปากทางศีรษะ)

[5] ไม่หลอกลวงทุกคน ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีศักดิ์ศรี

—————————————-