บทที่ 619 เต๋าและการตัดสินใจของหลี่ฉางโซ่ว (2)
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่คราวนี้ เขาจะได้รับดินซีรังเก้าสวรรค์ และต้นไม้สมบัติเยื่อวิญญาณจำนวนมากในครั้งนี้
ราชินีจอมปราชญ์หาได้หลอกลวงล้อเล่นอย่างไม่ใส่ใจจริงจังไม่ ผลงานชิ้นหนึ่งของหลี่ฉางโซ่วจะเป็นการชดเชยความผิดก่อนหน้านี้ที่หลี่ฉางโซ่วจงใจหลอกลวงจอมปราชญ์ แล้วจากนั้นผลงานเพิ่มเติมแต่ละชิ้นก็จะได้รับรางวัลเสริม
ในขณะนั้น ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วได้เป็นคนร้องขอสมบัติห้าธาตุคุณภาพสูงเหล่านี้ หลังจากพิจารณาเป็นเวลานานแล้ว
เดิมที ราชินีหนี่วาต้องการตกรางวัลเป็นสมบัติวิญญาณเซียนเทียนให้แก่เขาสักหนึ่งหรือสองชิ้น ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วได้ขอนั้น เป็นวัสดุล้ำค่า ดังนั้น…
ราชินีหนี่วาจึงสามารถประหยัดสมบัติวิญญาณเซียนเทียนเอาไว้ได้
“ทำเสร็จแล้ว”
บนบัลลังก์นั้น จอมปราชญ์หนี่วาได้โบกมือเบาๆ แล้วแขนเสื้อลวดลายหมู่เมฆก็พลิ้วสะบัดและกระหวัดรัศมีแสงสีทองเปล่งประกายแผ่พุ่งออกมาเมื่อนางกล่าวว่า “วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พวกเจ้าทั้งสองคนกลับไปเถิด”
บัดนั้น แสงสีทองพลันสว่างวาบและจอมปราชญ์ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเรียบร้อยแล้ว
นี่คือ…
แทบจะรีบไปชมดู ‘ตอนจบ’ ไม่ไหวแล้ว
“แค่กๆ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กระแอมไอ และเวลานี้เขาก็มีทั้งหมอกและน้ำเต็มศีรษะ[1] ไม่ว่าเขาจะสรุปหรือคาดเดาอย่างไร เขาก็เดาไม่ออกว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงหันกลับมาและมองดูใบหน้าชราของหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ในรูปของเทพวารี…
“ศิษย์พี่ขอรับ เราค่อยมาพูดคุยกันระหว่างทางนะขอรับ”
“ได้”
เพียงทันทีที่เพิ่งออกจากวังเซิ่งหมู่ของเทพีหนี่วา หลี่ฉางโซ่วก็อดจะหาวออกมาไม่ได้
เมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เห็นว่า หลี่ฉางโซ่วเหนื่อยเกินไป เขาจึงเรียกพลังของแผนภาพไท่จี๋ออกมา แล้วขอใช้ทางนอกจักรวาลเพื่อรีบรุดกลับไปยังดินแดนเทวะทั้งห้าพร้อมกับหลี่ฉางโซ่ว
“เจ้าใช้ความพยายามทุ่มเทมากเกินไปในระหว่างการต่อสู้ที่ภูเขาเหยาเซิงหรือไม่?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
หลี่ฉางโซ่วฝืนยิ้มและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ โปรดส่งข้ากลับไปที่สำนักตู้เซียนด้วยขอรับ ข้าจะใช้ร่างจำแลงของข้าเพื่อไปรายงานองค์เง็กเซียนในศาลสวรรค์ขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เปลี่ยนเส้นทางของเขาตามคำขอนั้นและทำตามประเพณีที่ดีอย่างเต็มที่ในการถามคำถามหากเขาไม่เข้าใจ เขายิ้มและกล่าวว่า “ในฐานะศิษย์พี่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่า เหตุใดพระมารดาศักดิ์สิทธิ์จึงมอบผลประโยชน์ให้แก่เจ้ามากมายถึงเพียงนี้”
“นี่…”
หลี่ฉางโซ่วอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาของราชินีจอมปราชญ์ผู้นอนอยู่ริมสระ และส่ายสะบัดหางงูของนางในขณะที่กำลังหัวเราะคิกคักเบาๆ ตลอดเวลา แล้วรีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วเพื่อลบภาพที่ไม่ควรเผยแพร่ออกไปยังโลกภายนอก
ชิ่วฉิว[2]แดง เตือน!
“ข้า ข้าแต่งบทกวีให้พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อนางพอใจ นางก็ให้รางวัลตอบแทนข้าทันทีขอรับ”
บทกวี?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เม้มปากและขมวดคิ้ว บัดนี้ความเข้าใจแปลกๆ ของเขาเกี่ยวกับราชินีจอมปราชญ์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ดังนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “มาเถิด มาร่ายบทกวีให้พี่ชายด้วยสิ แล้วมาดูกันว่า เจ้าเก่งกาจเพียงใด!”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออกทันที
ผู้อาวุโสสวะคนสุดท้ายที่คัดลอกบทกวีมาก่อนหน้านี้ได้ถูกเต๋าสวรรค์ทำลายไปหมดสิ้นแล้ว! เรื่องนี้ย่อมมีกรรมด้วยเช่นกัน และห้ามลอกเลียนโดยพลการตามอำเภอใจเด็ดขาด!
การ์ตูนที่มอบให้จอมปราชญ์ย่อมจะไม่ถูกเผยแพร่ออกไป ดังนั้น แน่นอนว่า มันย่อมไม่เป็นไร พอสบายใจได้
“ศิษย์พี่ ไว้เป็นวันอื่น เปลี่ยนเป็นวันอื่นเถิด ตอนนี้ จิตใจข้าเหนื่อยล้ามากจริงๆ ขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้รบเร้าให้ลำบากใจมากเกินไป แม้เขาจะยังงุนงงอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอันใดต่อไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาก็ได้มาอยู่บนยอดเขาหยกน้อย
หากไม่นับเวลาที่เขาใช้ไปในพื้นที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยพลังเวทของจอมปราชญ์หนี่วา หลี่ฉางโซ่วก็ใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาได้กลับสู่ยอดเขาสองครั้งติดต่อกันด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เขาหลีกเลี่ยงหลิงเอ๋อร์และจิ่วจิ่วที่ตามหาเขาไปทั่วทั้งภูเขาและที่ราบ เขาค่อยๆ เดินไปที่ด้านข้างของเตาหลอมโอสถอย่างช้าๆ และเปิดกฎห้ามเล็กๆ ที่ขาข้างหนึ่งของเตาหลอมโอสถ เผยให้เห็น “ห้อง” เล็กๆ ภายในนั้น แล้วเขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปด้านใน
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงเพื่อบอกหลิงเอ๋อร์และอาจารย์อาจิ่วจิ่วว่า เขาปลอดภัย และเขาก็ขอให้หลิงเอ๋อร์ไปพบเขาที่หอโอสถในเวลาหนึ่งเดือนต่อมา จากนั้น หลี่ฉางโซ่วเปิดใช้งานค่ายกลเวทต่างๆ ทั้งหมดแล้วหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ
หลี่ฉางโซ่วได้ริเริ่มส่งคืนเจดีย์เสวียนหวงด้วยตัวของเขาเอง และการขาดความรู้สึกปลอดภัยทำให้เขาไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบแม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจในขณะนี้ก็ตาม
คนผู้นั้น…คือ เต๋าสวรรค์…
หกจอมปราชญ์… ภัยพิบัติ…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดวนเวียนถึงเรื่องนี้อยู่ในใจและถามตัวเองว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่า ราชินีจอมปราชญ์กำลังหลอกลวงข้า?”
แน่นอนว่า มันเป็นไปได้ เขาต้องคงความสงสัยตลอดเวลาและนั่นไม่ใช่การดูหมิ่นพระมารดาแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์
ด้วยเพียงแค่อาศัยการการปกป้องคุ้มครองของปรมาจารย์ไท่ชิง แล้วเขาจะปลอดภัยในโลกบรรพกาลได้จริงๆ หรือไม่?
เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ามันมั่นคง ทว่าเวลานี้…
ในโลกบรรพกาลอันเจิดจ้า เต๋าสวรรค์เป็นดั่งกระดานหมากรุก เหล่าจอมปราชญ์ได้เดินหมากเพื่อวางแผนร้ายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และสิ่งมีชีวิตต่างก็ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อข้ามผ่านไป
แล้วข้าจะฝ่าฟันข้ามผ่านไปอย่างแท้จริงได้อย่างไร?
แล้วอนาคตของข้าเล่า?
ถ้าข้าไม่อาจกุมโชคชะตาของตัวเองเอาไว้ในมือได้อย่างมั่นคง แล้วข้าได้รับความสุขที่มั่นคงได้อย่างไร?
หากเขาต้องการฉวยโอกาสจากสถานการณ์ ในการเดินทางครั้งนี้ เขาก็ต้องมีใบเรือ[3]ที่แข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้น เขาก็มีแต่จะต้องล่มสลายและตายไปเท่านั้น สหายของเขาจะไม่อาจเอ่ยชื่อของเขาได้
ในโลกบรรพกาล ร่างทองแห่งบุญนี้ เป็นเพียงแค่ยันต์ป้องกันเท่านั้น สิ่งเดียวที่เขาจะพึ่งพาได้ก็คือ ตัวเขาเอง และสิ่งเดียวที่เป็นของเขาผู้นี้คนเดียวเท่านั้น…
เต๋า
เขากำหมัดแน่น และในมุมแคบและมืดมิดนั้น มีแสงสีน้ำเงินอมฟ้าจางๆ ลอยอยู่รอบๆ ร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิ มันค่อยๆ ควบแน่นรวมกันขึ้นเป็นแผนที่สมบัติที่พร่าเลือน
จากนั้น เวลาหนึ่งเดือนก็ผันผ่านไป
……
“ศิษย์พี่!”
พร้อมด้วยเสียงเรียกเบาๆ หลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆลอยมาถึงและร่อนลงมาในหอโอสถอย่างนุ่มนวล และหลังจากได้รับข้อความเสียงจากหลี่ฉางโซ่วอีกครั้ง นางก็ไปที่ห้องลับใต้ดินอย่างคุ้นเคย
หลี่ฉางโซ่วกำลังเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะทำงาน ในขณะนั้นจิตของเขาได้ฟื้นขึ้นแล้ว
จู่ๆ ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ก็ร้อนผ่าวขึ้น แต่นางก็แสร้งทำเป็นสงบ นางเอามือไพล่หลังพลางเดินไปข้างหน้า แล้วเอียงศีรษะเพื่อมองดูหลี่ฉางโซ่วที่กำลังทำงานง่วนอยู่
“ศิษย์พี่ ท่านกำลังวาดอะไรในช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ เหล่านี้? ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งหมดจะเชื่อมโยงต่อกัน”
“ความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย[4]ได้”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงสับสนมึนงง
[2] หรือลูกบอลแพรปัก เป็นลูกกลมที่ทำจากผ้าไหมประเภทหนึ่ง ถือเป็นสัญลักษณ์มงคลชนิดหนึ่งของจีน ในที่นี้ ชิ่วฉิวถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเทพีหนี่วา
[3] หมายถึงความสามารถ หรือผู้สนับสนุน
[4] หรือบางที่เรียกว่า ความลับฟ้ามิอาจเปิดเผย เป็นคำกล่าวแห่งเต๋า หมายความในทำนองว่า ทุกเรื่องราวในโลก ล้วนถูกสวรรค์ลิขิตเอาไว้ ซึ่งไม่อาจเปิดเผยก่อนเวลาอันควรได้
—————————————-