“หมองั้นเหรอ?ฉันเป็นญาติของลี่จุนถิง ขอถามหน่อยว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยรีบไปที่โรงพยาบาลที่ชิงโม่บอก
ลี่เจี้ยนหวากับลี่จุนซินตามหลังมา
ทั้งบ้านนั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก
“พวกคุณเป็นญาติของผู้ป่วยที่ประธานชิงบอกใช่ไหม?เป็นภรรยากับแม่ของประธานลี่ใช่ไหม?” หมอคนนั้นเพิ่งจะตรวจอาการของลี่จุนถิงเสร็จ
เจียงหยุนเอ๋อรีบพยักหน้า “ใช่แล้ว ฉันเป็นภรรยาของลี่จุนถิงเอง ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้อาการเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“คุณนายลี่ คุณอย่าเพิ่งตกใจไปประธานลี่แค่สลบไปไม่ได้สติแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น ร่างกายไม่ได้มีปัญหาอะไรมากเพียงแค่อยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลสักพักก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ” หมอคนนั้นกดเพื่อปลอบประโลมเจียงหยุนเอ๋อให้สงบลง
“ขอบคุณฟ้าดิน!” เจียงหยุนเอ๋อเอามือประสานกัน
โม่เสี่ยวฮุ่ยตื่นตัวมากกว่าเธออีก เลยถามพลางอยู่ข้างๆ ตัว “หมอ ตอนนี้เราสามารถเข้าไปดูลูกชายได้ไหม?”
“ตอนนี้เขายังหลับลึกอยู่ ฉันแนะนำให้พวกคุณรอฟื้นก่อนค่อยเข้าไปเยี่ยม อย่ารบกวนการพักผ่อนของคนไข้” หมอคนนั้นเงียบลงก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกคุณดูผ่านกระจกกั้นได้นะ”
เจียงหยุนเอ๋อกับคนอื่นๆ พยักหน้า
ชิงโม่กับคนอื่นๆ เองก็รีบตามมา
ซู่จี้งยี้กับหลันเยว่เฉินเองก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นหลันเยว่เฉิน หมอคนนั้นก็โค้งทักทายให้
“หมอหลันน่าชื่นชมมานาน!”
“อือ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากนะหมอเฉิน!” หลันเยว่เฉินพูด เขามาไม่ทันที่เกิดเหตุ เลยให้คนติดต่อหมอที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลในสายเดียวกันมาแล้ว
“ที่ไหนกันล่ะ!” ทั้งสองคนคุยกันอย่างมีมารยาท ทุกคนก็ค่อยๆ มารวมตัวอยู่ตรงหน้าห้องพักผู้ป่วยของลี่จุนถิง
เมื่อเห็นนอนอย่างสงบในห้องพักผู้ป่วย ทุกคนต่างวางใจ
ตกมาจากที่ที่สูงขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ ถือว่าเป็นโชคดีในความโชคร้าย
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
เจียงหยุนเอ๋อรอจนหลับไปจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “น้ำ——”
เธอรีบลุกขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
ผู้คนที่ตามเธอมาทางด้านหลังเองก็รีบตามเข้าไป
“จุนถิง!คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” โม่เสี่ยวฮุ่ยเข้าไปจับมือของลูกชาย
ลี่เจี้ยนหวาเองก็โทษตัวเองจนน้ำตาไหลออกมา
เจียงหยุนเอ๋อพยายามอดกลั้นในการตำหนิท่าทีของเขาที่ดูไม่รักตัวเอง ก่อนรินน้ำให้เขาแก้วหนึ่งก่อน
เมื่อเห็นลี่จุนถิงที่เหมือนจะไม่มีแรง เลยนั่งลงข้างๆ เขา แล้วเอาอีกมือหนึ่งมาจับไหล่ของเขา “ดื่มน้ำก่อนเถอะ”
อยู่ในทะเลมานานขนาดนั้น ริมฝีปากของเขาก็เริ่มซีดลง
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าลูกชาย เลยทำได้เพียงกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ถวนจื่อกับกุ่นกุ่นยังอยู่ที่บ้าน ฉันกลับไปก่อนนะ คงต้องฝากจุนถิงเอาไว้กับหยุนเอ๋อแล้วล่ะ!”
“แม่วางใจเถอะ!ให้ฉันดูแลจุนถิงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เจียงหยุนเอ๋อรีบตอบรับ
โม่เสี่ยวฮุ่ยพยักหน้าก่อนจะพาคนที่เหลือเตรียมจะออกไป เมื่อเดินไปได้ครึ่งหนึ่งจู่ๆ เธอก็หยุดลง พลางหันมาพูดกับลี่จุนถิง “รอคุณกลับไป ฉันค่อยคิดบัญชีกับคุณ!”
ถึงเสียงจะจริงจัง แต่กลับมีความอบอุ่นไม่น้อยเลย
“แม่!” ลี่จุนถิงพยายามยิ้มอย่างเต็มแรง “โอเค ลูกชายจะรีบกลับไปโดนลงโทษนะ”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บมาก แต่ถึงอย่างไรก็แช่อยู่ในน้ำโดยที่ไม่ได้กินอะไรเลย เลยดูอ่อนแอไปทั้งตัว
“พูดพล่อยๆ !” โม่เสี่ยวฮุ่ยพึมพำ แต่กลับไม่กล้ามองเขา
เมื่อออกไปจากประตู ก็จ้องลี่เจี้ยนหวาสักพัก
ลี่เจี้ยนหวาพูดกับลี่จุนซินอย่างจนปัญญา “คุณดูสิ แม่คุณยังเกลียดฉันอยู่เลย”
“พ่อ คุณพูดอย่างเป็นธรรมหน่อย รู้สึกผิดต่อจุนถิงบ้างไหม?เป็นลูกชายด้วยกันทำไมถึงไม่เท่าเทียมแบบนี้?” ลี่จุนซินเงียบ จู่ๆ ก็พูดขึ้น ไม่รอให้ลี่เจี้ยนหวามีสติกลับมาก็เดินออกไปก่อน
“ลูกคนนี้!” ลี่เจี้ยนหวาพึมพำเล็กน้อย ในใจก็ไม่พอใจเท่าไหร่
จากนั้นภายในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือเพียงเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิง
เจียงหยุนเอ๋อเอาโจ๊กซุปไก่ที่ทำเอาไว้เข้ามา “ลุกมากินอะไรหน่อยเถอะ”
เธอมีท่าทีอ่อนโยน แต่แววตากลับไม่มองเขา
เห็นได้ชัดว่าโกรธอยู่
ลี่จุนถิงยกมือขึ้นจับมือของเธอ จู่ๆ ก็เอามือที่เธอถือช้อนมาจุ๊บหนึ่งที “ยังโกรธอยู่อีกเหรอ?ฉันไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอไง?”
น้ำตาของเจียงหยุนเอ๋อไหลออกมา “ยังบอกไม่เป็นไรอีกเหรอ?ครั้งก่อนแขนเจ็บ ครั้งนี้เป็นร่วงลงไปจากหน้าผา ลี่จุนถิง คุณอยากให้โมโหตายถึงพอใจเหรอ?คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นแบบนี้ จะทำให้คนกลัวและเป็นห่วงได้ทุกวันนะ?”
ความบ่นนั้นเหมือนมันตีกลับออกมาในทันที
น้ำตาก็หยดแหมะออกมา
“โอเค ยัยบ๊อง!” ลี่จุนถิงยกมือขึ้นจับแก้มของเธอ เท่านี้เจียงหยุนเอ๋อที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยดูแล้วไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำไมแต่กลับทำให้ในใจของเขารู้สึกอบอุ่น
เจียงหยุนเอ๋อร้องไห้สักพักก็คิดได้ว่าลี่จุนถิงยังไม่ได้กินอะไร เลยรีบเช็ดน้ำตาให้แห้ง ก่อนจะต้องเขาแล้วพูด “คุณต้องสาบานนะ ว่าจากนี้ห้ามทำเรื่องอันตรายอะไรแล้ว”
“โอเค ฉันจะสาบาน!” ลี่จุนถิงยกมือขึ้นข้างหนึ่ง
เจียงหยุนเอ๋อถึงจะยิ้มออก ก่อนจะยกถ้วยโจ๊กขึ้นมา “คุณไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว กินอะไรอ่อนๆ ก่อนเถอะ”
สามีภรรยาทั้งสองคุยกันอยู่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมา
ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะหน้ามืดดำลง “ชิงโม่!คุณออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงนี้มันดูไม่ได้อ่อนแรงเท่าไหร่
ชิงโม่ผลักประตูเข้ามาพลางส่งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ลี่จุนถิง
แต่ทำเอาเจียงหยุนเอ๋ออายจนทำอะไรไม่ถูก “พวกคุณคุยกันไปก่อนเถอะ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำก่อนล่ะ”
เธอหนีไปเสียอย่างนั้น
ชิงโม่ลูบๆ จมูก “พี่สะใภ้มีลูกสองคนแล้วใช่ไหม ทำไมยังขี้อายอยู่อีกล่ะ!”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกลี่จุนถิงปาหมอนใส่หน้า
“อั้ยหยา!ประธานลี่!ไม่ต้องร้ายขนาดนั้นก็ได้ ถ้าฉันตายไป กลัวว่าจะหาข้อมูลลับที่คุณอยากรู้ไม่ได้แล้วนะ” ชิงโม่เอาหมอนวางดีๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ลี่จุนถิงกลับมีหน้าเข้มงวดขึ้นมา “คุณได้ยินอะไรบ้างหรือเปล่า?”
ชิงโม่นั้นเก่งกับการสืบข่าวคราว
ตอนที่เขาถูกส่งมาที่โรงพยาบาลก็วิตกเกี่ยวกับองค์กรราชาแห่งความมืดที่อาเธอร์บอกมาตลอด เลยให้นายคนนี้ไปสืบมาสักหน่อย
ตอนนี้ดูท่าทีของเขา เหมือนกับว่าอาเธอร์พูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะกดหน้าอกของตัวเอง ในใจก็รู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมา
“องค์กรราชาแห่งความมืด มันมีอยู่จริง แถมยังลึกลับมากอีกด้วย” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของชิงโม่ก็หนักใจจนดูไม่ได้ “คนขององค์กรนี้ทำอะไรอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดอยากจะรู้สถานการณ์ที่แน่ชัดก็ต้องตรวจสอบต่อไป ประธานลี่ ทำไมคุณถึงได้สนใจองค์กรนี้ขนาดนี้ล่ะ?”
ขนาดชิงโม่ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันขององค์กร
สีหน้าของลี่จุนถิงนั้นยิ่งหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่กล้าจินตนาการผลที่จะตามมาจากการที่เจียงหยุนเอ๋อถูกองค์กรแบบนี้จับตามองเลย
มือที่อยู่ด้านข้างก็กำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น
“ไม่ว่าอย่างไร!หยุนเอ๋อ ฉันจะปกป้องคุณให้ดีเอง!”