ตอนที่ 727 หวั่นไหว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 727 หวั่นไหว

องค์รักษ์ลับรายงานว่ายังไม่ทราบว่าเป็นโอรสหรือธิดา ทว่า จวนองค์รัชทายาทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะด้วยความยินดี องค์รัชทายาทสั่งให้คนเตรียมม้าเข้าวังหลวงไปพบฮ่องเต้ ตอนเสด็จออกจากจวนใบหน้าขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยความสุข น่าจะไปบอกข่าวดีให้ฮ่องเต้ทราบ

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วไม่สนใจว่าพระชายาเอกได้โอรสหรือธิดา สองพี่น้องนั่งสนทนากันกลางดึกเรื่องการสอบชุนเหวยในคราวนี้…

หลังจากเหตุการณ์ทุจริตในการสอบเมื่อปีที่แล้ว ผู้คุมสอบในครั้งนี้ถูกเปลี่ยนเป็นท่านราชครูถานที่ได้รับความนับถือจากคนมากมาย ราชครูถานอายุมากแล้ว สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ไม่ใช่วัตถุภายนอกอย่างเช่นเงินทองแต่เป็นชื่อเสียงต่างหาก

“พี่ยังจำผู้เข้าสอบเซวียเหรินอี้ที่ไปตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์ในปีที่แล้วได้อยู่เลย ไม่รู้ว่าปีนี้เขาจะทำคะแนนได้ดีหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถึงคนผู้นั้นขึ้นมา

“ไม่แน่เขาอาจสอบติดก็ได้เจ้าค่ะ สองสามวันก่อนฉินหล่างเอ่ยถึงเซวียเหรินอี้ให้ข้าฟัง ปีที่แล้วเขาไปตีกลองร้องทุกข์เพื่อบัณฑิตทั่วหล้า เขาจึงได้รับความเคารพจากทุกคนมากขึ้น ฉินหล่างและบัณฑิตที่จะสอบใหม่ในปีนี้เคยทบทวนตำราด้วยกัน ฉินหล่างกล่าวว่าคนผู้นี้มีของ เขาเข้าใจความรู้สึกของชาวบ้านอย่างแท้จริงและลึกซึ้ง วาจาคมคาย มักกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงอยู่เสมอเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถามต่อ “พี่หญิงใหญ่อยากใช้คนผู้นี้หรือเจ้าคะ”

“ไม่รีบ…” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาร้อนขึ้น “คนผู้นี้ตีกลองเติงเหวินเปิดโปงการทุจริตในการสอบ เขาคงเป็นคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา หากเสี่ยงใช้งานเขาตอนนี้อาจเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี รอไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมดีกว่า”

“เจ้าค่ะ ข้าจะคอยจับตาดูเขาไว้ หากเซวียเหรินอี้ผู้นี้พบปัญหาหรือพบเรื่องยุ่งยากอันใด พวกเราค่อยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวยิ้มๆ

“พรุ่งนี้เช้าเจ้ากลับไปเถิด เจ้ารู้ดีว่าพี่มิได้เป็นอันใด วันมะรืนฉินหล่างจะเข้าสนามสอบแล้ว เจ้าควรกลับไปช่วยเขาเก็บของ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวต่อ “ลือกันว่าเซียวเซียนเซิงผู้นั้นหลงรักพี่หญิงใหญ่หัวปักหัวปำ ข้าได้ยินท่านแม่เล่าว่าตอนที่ประตูอู่เต๋อเกิดเรื่องขึ้น เซียวเซียนเซิงสละชีพมาช่วยปกป้องตระกูลไป๋ พี่หญิงใหญ่ไม่หวั่นไหวบ้างหรือเจ้าคะ”

สิ้นเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากด้านนอก หญิงสาวส่งสัญญาณให้ไป๋จิ่นซิ่วเงียบเสียง จากนั้นแง้มหน้าต่างออกเล็กน้อย

เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าผู้ที่มาคือองครักษ์ลับที่มีหน้าที่เฝ้าจับตาดูจวนเหลียงอ๋องจึงเอ่ยถามขึ้น “มีเรื่องอันใด”

“คุณหนูรองสั่งให้ข้าไปจับตาดูจวนตู้ที่ซอยจิ่วชวนเอาไว้ วันนี้ข้าเห็นรถม้าของจวนองค์รัชทายาทจอดอยู่ที่หน้าประตูจวนของซอยจิ่วชวน มีคนลงมาจากรถม้าสองคน จากนั้นเดินเข้าไปในจวนขอรับ เมื่อออกมาอีกครั้ง พวกเขาพาคนในจวนจากไปด้วยสองคนขอรับ…” องครักษ์ก้มหน้าต่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิตัวเอง “ชายชราที่เฝ้าอยู่ในจวนมีวรยุทธ์แกร่งกล้า ข้าไม่กล้าเข้าใกล้จวน กลัวเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงไม่ทราบว่าสองคนนั้นกล่าวสิ่งใดกับหลี่หมิงรุ่ย ทว่า ข้ามองจากที่ไกลๆ เห็นว่าสองคนนั้นสวมเสื้อคลุมและหมวกคลุมสีดำ หนึ่งในนั้นร่างค่อมคล้ายคนชรา ดูเหมือนว่าจะสวมรองเท้าหนังกวางด้วยขอรับ ฐานะของเขาคงไม่ใช่คนธรรมดานักขอรับ เมื่อหลี่หมิงรุ่ยส่งคนทั้งสองจากไป เขาดูจะอารมณ์ดีมาก ยืนกล่าวสิ่งใดกับลูกน้องของตัวเองอยู่หน้าจวนเป็นนานสองนานขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้”

ไป๋ชิงเหยียนเตรียมปิดหน้าต่างลงตามเดิม ทว่า องครักษ์กลับกล่าวขึ้นต่อ “นายหญิง ดูเหมือนว่าด้านนอกจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีองครักษ์ลับมาสอดแนมเพิ่มมากกว่าเดิม ข้าต้องแอบเข้ามาอย่างยากลำบาก นายหญิงระวังตัวให้มากด้วยนะขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว เจ้าระวังตัวด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ

“ขอรับ”

เมื่อปิดหน้าต่างสนิท ไป๋จิ่นซิ่วจึงเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ หลี่หมิงรุ่ยลอบนัดพบคนของจวนองค์รัชทายาทเช่นนี้ ตระกูลไป๋ของเราจะเป็นอันตรายหรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าอย่างใช้ความคิด พยายามปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างในวันนี้เข้าด้วยกัน

ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนสั่งให้หลี่หมิงรุ่ยช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุก วันนี้หวังชิวลู่จงใจล่อให้ฝูรั่วซีตามไปเห็นเขาเข้าไปในในจวนเหลียงอ๋อง หลี่หมิงรุ่ยลอบพบกับคนของจวนองค์รัชทายาท ต่อมาคนของจวนองค์รัชทายาทพาคนของหลี่หมิงรุ่ยจากไปสองคน จากนั้นองครักษ์ลับที่มาสอดแนมตระกูลไป๋ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าผิดสังเกต

ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนขี้หวาดระแวง ทว่า เมื่อปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว เหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องการพุ่งเป้ามาที่นางกันนะ

มิเช่นนั้นเหตุใดหวังชิวลู่ต้องจงใจล่อให้ฝูรั่วซีไปเห็นเขาเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องด้วย

สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของไป๋ชิงเหยียนสะท้อนแสงไฟในตะเกียงริบหรี่ “คงมีคนฉลาดเดาได้ว่าฝูรั่วซีเป็นคนของเราจึงจงใจล่อให้เขาไปเห็นหวังชิวลู่เข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง เขาต้องการดูให้แน่ใจว่าฝูรั่วซีจะมาหาพี่ที่จวนไป๋หรือไม่จึงเพิ่มองครักษ์ลับสอดแนมนอกจวนของเราเยอะถึงเพียงนี้”

“หลี่หมิงรุ่ย!” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว

“เขาเป็นคนช่วยหวังชิวลู่เอาไว้ นอกจากเขาแล้วจะมีผู้ใดอีก!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ แสงไฟอ่อนๆ จากตะเกียงกระทบลงบนใบหน้าสมบูรณ์แบบของไป๋ชิงเหยียน

“หลี่หมิงรุ่ยทำแบบนี้เพราะต้องการทดสอบว่าแม่ทัพฝูคือคนของพี่หญิงใหญ่จริงหรือไม่หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วก้มหน้าวิเคราะห์ร่วมกับไป๋ชิงเหยียน

“พี่คิดว่าคงไม่ง่ายเช่นนั้น หากเขาแค่ทำไปเพื่อทดสอบเรื่องของฝูรั่วซี เหตุใดจึงมีคนของจวนองค์รัชทายาทไปหาเขาที่จวนในซอยจิ่วชวนด้วย” ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาคิด

บางทีคนที่จวนองค์รัชทายาทพาจากไปในวันนี้อาจมีหวังชิวลู่อยู่ในนั้นด้วย

ทว่า หวังชิวลู่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไรกัน เหตุใดต้องยอมร่วมมือกับหลี่หมิงรุ่ยทำให้ฝูรั่วซีเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก่อน จากนั้นค่อยไปที่จวนเหลียงอ๋องด้วย

หวังชิวลู่ถูกสิ่งใดบีบบังคับหรือคิดว่านางจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทจึงยอมตามคนขององค์รัชทายาทไปกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะไม้กฤษณาอย่างเป็นจังหวะ

“คุณหนูใหญ่หลับแล้วหรือไม่เจ้าคะ” หญิงชราเฝ้าประตูของเรือนชิงฮุยเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

ไป๋จิ่นซิ่วเห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังใช้ความคิดอยู่จึงเอ่ยถามออกไปแทน “มีเรื่องอันใด”

“เรียนคุณหนูรอง ด้านนอกจวนมีบ่าวรับใช้ชายซึ่งอ้างว่าเป็นคนของใต้เท้าหลี่หมิงรุ่ยกล่าวว่าใต้เท้าหลี่มีเรื่องสำคัญต้องเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบเจ้าค่ะ เจ้านายของเขากำชับว่าต้องเรียนข่าวนี้ให้คุณหนูใหญ่ทราบด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” หญิงชราเฝ้าประตูกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือที่เคาะลงบนโต๊ะ บางสิ่งบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง หญิงสาวเข้าใจเรื่องทั้งหมดในทันที ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ หลี่หมิงรุ่ยวางแผนเจ้าเล่ห์จนถึงขั้นนี้เพราะอยากทำตัวเป็นคนสองหน้า ให้นางเป็นลูกไก่ในกำมือของเขาสินะ…

“ข้ารู้แล้ว เจ้าให้เขารออยู่ที่ด้านนอกก่อน ในเมื่อเป็นเรื่องสำคัญก็จงบอกให้เขารออยู่ที่นั่นอย่าไปที่ใดเด็ดขาด ร่ากายของข้าอ่อนแอ ลุกเดินลำบาก ให้เขารออยู่อย่างนั้นก่อน” ไป๋ชิงเหยียนกำชับอีกครั้ง “หากเขาอยากจากไป พวกเจ้าต้องรั้งเขาไว้ให้ได้ บอกเขาว่าในเมื่อเป็นเรื่องสำคัญ เช่นนั้นก็ต้องรอบอกข้าเอง!”

“เจ้าค่ะ!” หญิงชราเฝ้าประตูของเรือนชิงฮุยเดินจากไปบอกหญิงชราที่รออยู่ด้านนอกเรือน

“พี่หญิงใหญ่ยิ้มอันใดเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วถาม

“จวนของเรามีจดหมายที่หลี่เม่าเขียนยุแยงองค์ชายรองให้ก่อกบฏในตอนนั้นอยู่ หลี่หมิงรุ่ยจึงไม่สบายใจสินะ!”