ตอนที่ 728 โดยชอบธรรม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 728 โดยชอบธรรม

ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก นึกถึงเรื่องที่หลี่หมิงรุ่ยนำข่าวของหลิ่วรั่วฟูมาเป็นเครื่องแสดงความจริงใจต่อนางในคราวที่แล้ว…

“แม้ปากของหลี่หมิงรุ่ยผู้นี้จะบอกว่าจะสวามิภักดิ์ต่อตระกูลไป๋ ทว่า แท้จริงแล้วเขากลับลอบทำลายพี่อย่างเงียบเชียบ เขาต้องทำลายความเชื่อใจที่รัชทายาทมีต่อพี่”

ไป๋จิ่นซิ่วฟังอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “พี่หญิงใหญ่หมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หญิงสาวกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่วอย่างไม่รีบร้อน “ที่หลี่หมิงรุ่ยสั่งให้หวังชิวลู่ล่อให้ฝูรั่วซีไปเห็นตอนที่เขาเข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง เหตุผลแรกเพราะต้องการทดสอบว่าฝูรั่วซีคือคนของพวกเราหรือไม่ เหตุผลที่สองคือการหาพยาน…พิสูจน์ว่าหวังชิวลู่เข้าไปในจวนของเหลียงอ๋องจริงๆ จากนั้นเขาค่อยให้คนมาบอกพี่ว่าหวังชิวลู่ที่พี่ให้เขาช่วยเหลือออกมาจากคุกทรยศไปสมคบคิดกับเหลียงอ๋อง ให้พี่ระวังหวังชิวลู่กับเหลียงอ๋องให้ดี…”

ไป๋จิ่นซิ่วยังไม่ค่อยเข้าใจ ไป๋ชิงเหยียจึงกล่าวต่อ “คนของจวนรัชทายาทที่ไปยังจวนในซอยจิ่วชวนในวันนี้ คนหนึ่งเป็นชายชรา สวมรองเท้าหนังกวางหนา เป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างสูงในจวนรัชทายาท บังเอิญว่าตอนที่พี่พบฟางเหล่าในจวนรัชทายาทวันนี้ เขาก็สวมรองเท้าหนังกวางหนาเช่นเดียวกัน! หลี่หมิงรุ่ยคงมอบตัวหวังชิวลู่ให้ฟางเหล่าแล้ว ฟางเหล่าเกลียดพี่เข้ากระดูกดำ ต่อให้ป็นการใส่ร้าย ฟางเหล่าก็ต้องยัดเยียดความผิดเรื่องของหวังชิวลู่ให้พี่ให้ได้!”

ใจของไป๋จิ่นซิ่วกระตุกวูบทันที หญิงสาวกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

“เมื่อเกิดเรื่องขึ้น หลี่หมิงรุ่ยจะถือว่าตัวเองส่งคนมาเตือนให้พี่ระวังหวังชิวลู่และเหลียงอ๋องแล้ว พี่สูญเสียความไว้วางใจจากรัชทายาท หากต้องการใช้ประโยชน์จากจวนหลี่ที่อยู่ในราชสำนักย่อมไม่อาจเปิดโปงหลี่หมิงรุ่ยได้ ยิ่งไม่อาจให้รัชทายาททราบได้ว่าพี่แอบกุมความลับของจวนหลี่เอาไว้ลับหลังพระองค์ มิเช่นนั้นการที่ตระกูลของเรากุมความลับของอัครมหาเสนบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าเอาไว้โดยไม่บอกให้รัชทายาทรับรู้จะยิ่งทำให้พระองค์หวาดระแวงตระกูลไป๋มากยิ่งขึ้น!”

ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ ฉีกยิ้มกว้าง ทว่า ไปไม่ถึงดวงตา “เมื่อพี่ติดกับในครั้งนี้ พี่ต้องโยนความผิดทั้งหมดไปที่เหลียงอ๋องเพราะมีคนเห็นว่าหวังชิวลู่เข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง”

“หวังชิวลู่จะทรยศพี่หญิงใหญ่หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ทรยศอย่างนั้นหรือ!” ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ “จะเรียกว่าทรยศได้อย่างไรกัน พี่ไม่เคยใช้งานหวังชิวลู่มาก่อน ส่วนหลี่หมิงรุ่ย…เขามีหลักฐานอันใดพิสูจน์ว่าพี่เป็นคนสั่งให้เขาช่วยหวังชิวลู่ออกมากัน อาศัยแค่คำให้การของหวังชิวลู่อย่างนั้นหรือ!”

“ข้าแค่กลัวว่าหวังชิวลู่จะโยนความผิดเรื่องการกบฏของเสียนอ๋องและเหลียงอ๋องให้พี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”

บัดนี้ยังไม่รู้ว่าหวังชิวลู่คือมิตรหรือศัตรู ไป๋จิ่นซิ่วจะไม่กังวลได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นหวังชิวลู่หรือหลี่หมิงรุ่ยล้วนเข้าร่วมกับตระกูลไป๋กลางคันทั้งสิ้น ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่กล้าใช้งานพวกเขาอย่างเต็มที่ ที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่เฉยๆ นานถึงเพียงนี้เพราะหญิงสาวอยากรอดูว่าสองคนนี้จะทำเรื่องสิ้นคิดอันใดขึ้นมาหรือไม่

นึกไม่ถึงว่าหลี่หมิงรุ่ยจะลงมือรวดปานนี้ บางทีที่หลี่หมิงรุ่ยยอมสวามิภักดิ์กับตระกูลไป๋อาจเป็นเพราะเขาต้องการหาโอกาสเข้ามาสืบความลับของตระกูลไป๋และไป๋ชิงเหยียนตั้งแต่แรกแล้วก็ได้

การที่หลี่หมิงรุ่ยสร้างเรื่องขึ้นในตอนนี้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับไป๋ชิงเหยียน

อย่างไรก็ดีกว่าการที่เขาก่อเรื่องขึ้นภายหลังจากที่นางตัดสินใจใช้เขาทำงานสำคัญแล้ว ถึงเวลานั้นนางคงแก้ไขยากกว่าตอนนี้มาก

“พี่แค่สงสัยว่าจวนเหลียงอ๋องมีองครักษ์ลับของฮ่องเต้และรัชทายาทคอยเฝ้าจับตาดูอยู่ เหตุใดทั้งสองฝ่ายนี้จึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นหวังชิวลู่และปล่อยให้เขาเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องได้” ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น นางคิดไม่ตกเรื่องนี้จริงๆ

“จริงสิ…” จู่ๆ ไป๋จิ่นซิ่วก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ข้าจึงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เจ้าค่ะ หลังผ่านความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อไปได้ครึ่งเดือน อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าถูกฮ่องเต้เรียกตัวไปเข้าเฝ้า หลี่หมิงรุ่ยตามบิดาเข้าไปด้วย เมื่อออกมาจากวังหลวงจวนหลี่ก็แอบส่งบ่าวรับใช้เข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง ตอนที่ตระกูลหลี่ส่งบ่าวรับใช้เข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง ข้าคิดว่าเป็นเพราะฮ่องเต้ตรัสต่อหน้าหลี่เม่าว่าเป็นห่วงเหลียงอ๋อง หลี่เม่าต้องการประจบฮ่องเต้เท่านั้นข้าจึงไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในจดหมายให้พี่หญิงใหญ่รับรู้เจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วครุ่นคิดพลางนั่งหยัดกายตรง “ตอนนี้เมื่อคิดย้อนดูแล้ว เรื่องนี้ผิดปกติอยู่นะเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่เป็นคนสั่งให้หลี่หมิงรุ่ยช่วยหวังชิวลู่ออกมา หวังชิวลู่อาจเข้าใจผิดคิดว่าหลี่หมิงรุ่ยเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาจึงสวามิภักดิ์กับจวนหลี่ ทำงานแทนจวนหลี่”

คิ้วที่ขมวดแน่นของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ คลายออก

“รับมือตามสถานการณ์ก็พอ เราเตรียมรับมือไว้ทุกด้านแล้ว เหตุใดต้องกลัวด้วย…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ แววตามั่นคงในดวงตาของหญิงสาวทำให้ไป๋จิ่นซิ่งรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น “หลี่หมิงรุ่ยต้องการบีบให้พี่ต้องอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องการให้พี่พึ่งพาได้แค่ตระกูลหลี่ที่อยู่ในราชสำนัก อีกทั้งไม่กล้าแตะต้องตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของหลี่เม่า ทว่า น่าเสียดายที่เขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะได้ตามความปรารถนา”

หากเรื่องยากเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้วจริงๆ…แม้การยกทัพบุกเมืองตอนนี้จะเร็วไปหน่อย…ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางชนะ

ไป๋ชิงเหยียนอดกลั้นกับความเน่าเฟะเสื่อมโทรมของราชวงศ์หลินมานานแล้ว

ที่สำคัญเรื่องยังไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น

“ในเมื่อหลี่หมิงรุ่ยหวังดีต่อพี่ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพี่คงทำได้เพียงลากเขาลงมาด้วย” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ “พี่ไม่เชื่อว่าหลี่หมิงรุ่ยจะกล้าทูลรัชทายาทว่าพี่มีจดหมายที่หลี่เม่าเขียนถึงองค์ชายรองอยู่ในมือ ราชครูถานและโซ่วซานกงเป็นนักพิสูจน์ลายมือชั้นเยี่ยม ที่สำคัญพวกเขาไม่มีทางถูกหลี่เม่าซื้อตัว! แม้หลี่หมิงรุ่ยจะเป็นคนโหดเหี้ยม ทว่า เขาไม่กล้าตายไปพร้อมกับพี่แน่นอน”

แววตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึม “เพราะหากพี่แพ้พี่ก็แค่สูญเสียความไว้วางใจจากรัชทายาท ทว่า หากตระกูลหลี่แพ้…พวกเขาต้องถูกประหารทั้งตระกูล!”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋จิ่นซิ่ว ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เจ้านำกล่องจดหมายลายมือของหลี่เม่าที่พี่เคยมอบให้เจ้าไปไว้ที่ใดแล้ว”

“อยู่ที่เรือนชิงจู๋เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วนิ่งคิดแล้วกล่าวต่อ “พี่หญิงใหญ่รำคาญที่หลี่หมิงรุ่ยวุ่นวายเกินไปจึงจะกำจัดเขาแล้วหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทว่า พวกเราสามารถสร้างความวุ่นวายเล็กน้อยให้ตระกูลหลี่ได้ เจ้าคัดเลือกจดหมายสำคัญๆ ออกมาสองสามฉบับแล้วส่งไปให้รัชทายาทที ทูลพระองค์ว่าที่พี่มาเมืองหลวงในครั้งนี้ นอกเหนือจากมาโน้มน้าวให้รัชทายาทให้ทรงไว้ชีวิตชาวบ้านที่ติดเชื้อของทั้งสองเมืองแล้ว พี่มาเพื่อให้ท่านราชครูถานและโซ่วซานกงพิสูจน์ว่าจดหมายเหล่านี้คือของจริงหรือไม่ด้วย หากเป็นจดหมายจริงพี่จะมอบให้รัชทายาท จากนั้นค้นหาจดหมายฉบับอื่นต่อ หลี่หมิงรุ่ยรู้เรื่องนี้เข้าจึงวางแผนใส่ร้ายพี่ อยากให้พี่กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือในสายตาของรัชทายาท ตระกูลหลี่จะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ต่อไป”

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วรับคำ

“พี่อยากดูฝีมือของหลี่หมิงรุ่ยเสียหน่อยว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่ หากเขาทำได้ก็เหลือเพียงสองทางเท่านั้น หนึ่งคือรับไว้ใช้งาน สองคือปล่อยไว้ไม่ได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า หากหลี่หมิงรุ่ยไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ได้…ตระกูลหลี่คงจบสิ้นเพียงเท่านี้

สังหารคนเป็นเรื่องง่ายที่สุด ทว่า หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากทำเช่นนั้น มิเช่นนั้นอาจทิ้งร่องรอยหลักฐานให้โดนจับได้ อีกอย่างหญิงสาวกลัวทำลายสถานการณ์ที่มั่นคงในเมืองหลวงในตอนนี้