ตอนที่ 1483 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (2) / ตอนที่ 1484 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (3)
ตอนที่ 1483 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (2)
หญิงสาวทุกคนยังคงพึมพำด้วยความกังวล เสียงต่ำเนือยดังมาจากด้านหลังห้องโถงอีกครั้ง
“มีสหายมาจากแดนไกลนับเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมแขกของเราถึงต้องใช้กลอุบายเช่นนี้กับศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณของข้าด้วย!”
เสียงนั้นทุ้มต่ำและเนือย ฟังไม่เหมือนเสียงใสนุ่มนวลที่จะปรากฏในเสียงของสตรีเลย
พอสิ้นประโยค ผ้าโปร่งสีอ่อนที่คลุมด้านในห้องโถงก็ถูกพัดขึ้นเล็กน้อย บนพื้นยกที่ด้านหลังห้องโถงหรูหรามีโซฟายาวนุ่มสบาย บุรุษคนหนึ่งในชุดสีชมพูเอนกายอยู่บนโซฟาตัวนั้น ศีรษะของเขาวางอยู่บนมือ ดวงตาจับจ้องไปที่จวินอู๋เสีย
จ้าวตำหนักของตำหนักหยกวิญญาณ แท้จริงแล้วเป็นบุรุษ…
จวินอู๋เสียรู้สึกตกใจอย่างมากกับเรื่องที่เปิดเผยขึ้นต่อหน้านาง
ภายในตำหนักหยกวิญญาณที่กว้างขวาง ศิษย์จำนวนมากเป็นสตรีทั้งหมด ยกเว้นจ้าวตำหนักคนเดียวที่เป็นบุรุษ
แทบจะในทันทีนั้น จวินอู๋เสียไม่มีความประทับใจที่ดีต่อจ้าวตำหนักหยกวิญญาณคนนี้
“จ้าวตำหนัก!” เมื่อบุรุษคนนี้เปิดเผยใบหน้า สตรีทุกคนก็คุกเข่าลงด้วยความเคารพ แม้แต่จื่อจินก็คุกเข่าลง นางมองไปที่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณด้วยความสับสน
“จ้าวตำหนัก…ข้า…” ทันใดนั้น จื่อจินก็รู้สึกว่าในหัวมีเสียงอื้ออึง เหมือนมีบางอย่างในนั้นที่นางไม่สามารถควบคุมได้
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณลุกขึ้นนั่งทันที เขาโบกมือเบาๆ แขนเสื้อกว้างของเขาปัดเบาๆ เหนือดอกท้อสีชมพูที่วางอยู่ตรงหน้าเขา กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยเข้าจมูกของจื่อจิน
ทันใดนั้น สมองที่สับสนของจื่อจินก็กระจ่างขึ้นทันที นางมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างหลังนางด้วยสายตาแปลกๆ และมีสีหน้าตกใจ
“ทำไม…ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่…”
ในหัวของนาง ภาพเหตุการณ์ที่ทั้งคุ้นเคยและคุ้นเคยก็ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จื่อจินรู้สึกปวดหัว
จวินอู๋เสียเหลือบมองไปที่จ้าวตำหนัก แล้วย่อตัวลงวางขวดบรรจุโอสถวิเศษตรงหน้าจื่อจิน จากนั้นก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ตำหนักหยกวิญญาณเก็บตัวมานานมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญในวันนี้ ข้าคงไม่มีวันได้เห็นสิ่งนี้ ข้าอาจทำการล่วงเกินไปบ้าง หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
จื่อจินยืนตะลึงขณะที่จ้องมองขวดบรรจุโอสถวิเศษตรงหน้า
“หายากนะที่จะเห็นว่าผู้คนยังจำตำหนักหยกวิญญาณของเราได้ ข้าสงสัยว่าอะไรทำให้คุณชายมาที่นี่วันนี้” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองจวินอู๋เสียขึ้นๆ ลงๆ และไม่พบความเป็นศัตรูจากเขา
“ความร่วมมือ” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง
“ความร่วมมือหรือ” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองจวินอู๋เสียอย่างสงสัย เขาหยุดชั่วขณะก่อนจะไล่ศิษย์ทุกคนออกไป เหลือเพียงจวินอู๋เสียกับเขาอยู่ในห้องโถงอันโอ่อ่า
เมื่อจวินอู๋เสียเห็นสิ่งที่เขาทำ นางก็รู้แน่ว่าบุรุษคนนี้มีพลังเหนือกว่านางอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เสี่ยงอยู่กับนางตามลำพัง
เมื่อมาถึงขั้นนี้ จวินอู๋เสียก็ไม่อยากเสียเวลาอีก นางพูดตรงเข้าประเด็นทันที “หลายปีแล้วที่ตำหนักหยกวิญญาณถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกสิบสองตำหนัก ท่านคิดจะตอบโต้บ้างหรือไม่”
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก ดวงตาที่น่าหลงใหลของเขาลึกล้ำและอ่อนโยน แม้ตอนนี้จะขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อย เขาก็ยังดูมีเสน่ห์มากอยู่ดี
“น้องชาย สิ่งที่เจ้าพยายามจะบอกข้าก็คือ เจ้าอยากร่วมมือกับข้าล้มล้างพวกสิบสองตำหนักอย่างนั้นสินะ” ดวงตาของเขาลุกวาวเล็กน้อยขณะมองเด็กหนุ่มผู้กล้าบ้าบิ่น
“ทำไมจะไม่เล่า” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วถาม
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะเดินเท้าเปล่าไปบนพื้นหินอ่อนขัดเงา เขาหยิบเหยือกสุราขึ้นมาแล้วเงยหน้ากระดกมันเข้าไปแบบง่ายๆ หางตาชื้นเล็กน้อย สายตาที่ตวัดมองไปยังจวินอู๋เสียแหลมคมและเยือกเย็น
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร และไม่รู้ว่าเจ้ามีความแค้นหรือเกลียดชังอะไรกับสิบสองตำหนัก แต่ถ้าเจ้าคิดจะใช้ตำหนักหยกวิญญาณของข้าเป็นดาบให้เจ้า เจ้าคิดง่ายไปหน่อยแล้ว!”
ตอนที่ 1484 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (3)
“ข้าคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญคุณชายออกไปด้วย ตำหนักหยกวิญญาณไม่ต้อนรับคนนอก” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณพูดอย่างไม่เกรงใจ น้ำเสียงของเขาไล่แขกอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร แต่ยืนสงบนิ่งต่อหน้าความไม่เป็นมิตร นางใช้สายตาที่เย็นชาของนางมองจ้าวตำหนักหยกวิญญาณอย่างประเมิน
“สิ่งที่ท่านกังวลก็แค่ตำหนักหยกวิญญาณจะโดนหลอกใช้ อย่างนั้นถ้าเราทำแบบนี้เล่า” จวินอู๋เสียยกมือขึ้นช้าๆ แสงสีขาวนวลค่อยๆ รวมตัวที่ปลายนิ้วของนาง ไม่นานกลิ่นหอมสดชื่นของดอกบัวก็เข้าครอบงำกลิ่นในตำหนักหยกวิญญาณทันที ดอกบัวหิมะซังอวี้ที่บริสุทธิ์ลอยอยู่เหนือฝ่ามือของจวินอู๋เสีย
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เหยือกสุราในมือตกลงบนพื้น สุราธาราหยกที่อยู่ในเหยือกหกออกมา
“เจ้า…ภูติวิญญาณเจ้าคือภูติวิญญาณประเภทพฤกษา” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองจวินอู๋เสียอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ภูติวิญญาณประเภทพฤกษาพบเจอได้ยากมาก แม้ว่าจะครอบครองมัน แต่บางคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สำหรับกลุ่มอำนาจใหญ่ๆ ทั่วสามโลกชั้นกลาง ภูติวิญญาณประเภทพฤกษาดึงดูดพวกเขาได้มากทีเดียว
“อย่างที่เห็น ข้าไม่มีวันอยู่ร่วมกับสิบสองตำหนักได้” จวินอู๋เสียพูดเสียงเรียบ
ไม่ว่าจะยอมจำนนหรือต่อต้าน ภูติวิญญาณประเภทพฤกษาที่หายากมากนี้เป็นสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสิบสองตำหนัก ทันทีที่พวกเขากลืนกินภูติวิญญาณประเภทพฤกษา พวกเขาจะสามารถทะลวงขั้นพลังที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกได้!
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเงียบไปชั่วขณะ เขามองบัวหิมะซังอวี้ที่เปล่งแสงจางๆ ด้วยแววตาซับซ้อน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เจ้าแสดงภูติวิญญาณเจ้าต่อหน้าข้าง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ เจ้าไม่รู้หรือไงว่าตำหนักหยกวิญญาณของข้าเคยเป็นหนึ่งในสิบสองตำหนัก ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นฝ่ายลงมือกำจัดเจ้าแทนหรืออย่างไร”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว แต่ไม่มีความกังวลอยู่ในสีหน้าเลยสักนิด
ทันใดนั้นร่างของจ้าวตำหนักหยกวิญญาณก็เข้ามาใกล้จวินอู๋เสีย รูปร่างของเขาสูงเพรียว ผมยาวทิ้งลงมาที่ไหล่ เสื้อผ้าเปื้อนสุราของเขาเปิดออกเล็กน้อย แม้ว่าจะมีกลิ่นสุราอยู่ที่ตัวเขา แต่จ้าวตำหนักก็ยังปล่อยรังสีกดดันออกมาได้อย่างรุนแรง
“ไอ้หนู ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งพอตัว แต่พลังน้อยนิดที่เจ้ามี ไม่ได้ส่งผลอะไรกับที่นี่มากนักหรอก” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณกล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
“ถ้าข้าต้องการชีวิตเจ้า เจ้าก็ต้องตาย” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณยกมือขึ้นตั้งท่าที่คอของจวินอู๋เสีย แต่ดวงตาของเขาปรากฏแววขัดแย้งขึ้นแวบหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สัมผัสจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าท่านอยากให้ศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณต้องทนทุกข์อยู่กับความอัปยศอดสูจากพวกสิบสองตำหนักไปตลอดกาลละก็ อย่างนั้นท่านก็โจมตีข้าได้เลย ตำหนักหยกวิญญาณเป็นของท่าน ศิษย์พวกนั้นก็เป็นของท่านที่จะสั่งอะไรก็ได้ตามที่ท่านเห็นสมควร ถ้าท่านไม่เห็นพวกนางเป็นมนุษย์ ท่านจะอยากให้คนนอกอย่างข้าเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านทำไม” จวินอู๋เสียไม่กลัวแม้แต่น้อย ดวงตาเย็นชาของนางมองตรงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้นาง
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองจวินอู๋เสียอย่างเงียบๆ หมัดที่อยู่ข้างตัวกำแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบ เขาพูดผ่านริมฝีปากที่แข็งทื่อ
“ข้าบอกเมื่อไรว่าข้าไม่เห็นพวกนางเป็นมนุษย์”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงและโต้กลับว่า “โอ้ ถ้าวันนี้ข้าโผล่ไปไม่ทันเวลา เกรงว่าศิษย์ของท่านคนนั้นคงกลายเป็นของเล่นให้พวกสิบสองตำหนักกลุ่มนั้นแล้ว นางคงโทษได้แค่ว่าตัวเองภักดีกับตำหนักที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้ดินแบบขี้ขลาด แต่ใจของนางก็ยังคงยืนกรานที่จะปกป้องชื่อเสียงของที่ที่เน่าเฟะแห่งนี้”