บทที่ 790 ข้อตกลง
ในความตื่นตระหนก ซูอันใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์กันหน้าอกของตัวเองไว้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และมือทองสัมฤทธิ์นั้นกระแทกหน้าอกของเขาอย่างจัง หากเป็นคนอื่นที่มีระดับการบ่มเพาะเท่าเขาคงจะไม่สามารถสู้ต่อได้ทันทีหากรับการโจมตีนี้เข้าไป!
ในที่สุด เพ่ยเหมียนหมานก็ไม่สามารถรับมือกับการเหวี่ยงหอกของหยาจางได้อีกต่อไป ร่างของนางถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง
ทั้งสองคนหายใจหอบเพราะหมดแรงไปพอสมควรระหว่างการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าช่วงสั้น ๆ นั้น
“พี่หญิงใหญ่ ข้าจะตายถ้าท่านไม่ช่วยเรา!” ซูอันร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะแม่ทัพคนนี้ได้ เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง ทักษะและกลโกงทั้งหมดของเขานั้นก็ไร้ความหมาย
ชายหนุ่มสามารถบอกได้ว่า แม่ทัพหยาจางอย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่เก้า แต่สามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ได้อย่างง่ายดาย
ความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นยิ่งใหญ่มากจนเขาไม่สามารถคาดคะเนได้
โชคดีที่หมี่ลี่ไม่ได้แสร้งทำเป็นหลับ นางตอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีทางจัดการกับเขาด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ เจ้าร้องขอให้ข้าช่วยทำไมอีก?”
ซูอันตกตะลึง “ข้าเนี่ยนะมี?”
หมี่ลี่กล่าวว่า “ระดับที่สองของวิชาปฐมบทแรกเริ่มคือสามารถขับไล่ความชั่วร้ายได้ทุกประเภท ดังนั้นแน่นอนว่ามันคือของแสลงสำหรับเหล่าวิญญาณร้ายหรือพวกผีดิบ! นั่นคือสิ่งที่เจ้าใช้ในการชำระวิญญาณร้ายในมิติลับหยกจรัสก่อนหน้านี้สองหมื่นดวงไม่ใช่เหรอ?”
สายตาของซูอันว่างเปล่า
การแสดงออกของหมี่ลี่เริ่มแปลกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา “อย่าบอกนะว่า…เจ้าจำไม่ได้?”
เมื่อหมี่ลี่เตือนในที่สุดซูอันก็จำได้ เขาอดไม่ได้ที่จะทำหน้าทำตาบูดบึ้ง “ข้าลืมไปเลย…”
บางครั้ง การรู้หลาย ๆ อย่างก็ไม่จำเป็นว่าจะดีเสมอไป มันง่ายที่จะลืมทักษะของตัวเอง
ถ้าชายหนุ่มจำได้ เขาคงไม่มีปัญหามากนักที่บันไดข้างบน!
เขาสามารถชำระพวกวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์!
แต่ว่าวิญญาณเหล่านั้นล้วนเป็นคนของเจียงเจียง หากนางรู้ว่าพวกวิญญาณดับสิ้นไปทั้งหมด การสนทนาของพวกเขาอาจไม่ราบรื่นนัก
เขาสงสัยว่าวิชาปฐมบทแรกเริ่มสามารถจัดการกับกุมารทองได้หรือไม่?
ข้ามานึกเอาได้ในตอนนี้ก็เมื่อมาไกลแล้ว!
แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ซูอันก็ยังค่อนข้างบูดบึ้ง “ทำไมท่านไม่เตือนข้าก่อนหน้านี้?”
หมี่ลี่ยิ้ม “เจ้าพึ่งพาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะอยู่เสมอ ดังนั้นข้าจึงคิดไปว่าเจ้าอาจจะพยายามทำให้ตัวเองใกล้ตายอยู่เสมอเพื่อบ่มเพาะ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการสร้างสถานการณ์ที่อันตรายอยู่ตลอดเวลาเพื่อขโมยหัวใจของนังหนูอกภูเขาไฟนั่น และไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าก็ผ่านเรื่องทั้งหมดมาได้ แล้วทำไมข้าต้องหยุดเจ้าด้วย”
ซูอันไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
คิดว่าข้าบ้าขนาดนั้นเหรอ? ข้าจะพึ่งเสน่ห์ของตัวเองถ้าข้าอยากจะขโมยหัวใจผู้หญิง!
“อาซู ระวัง!”
เสียงร้องของเพ่ยเหมียนหมานทำให้เขาหลุดพ้นจากภวังค์ หอกของหยาจางกำลังพุ่งเข้ามาทางเขา
แม่ทัพไม่พอใจอย่างชัดเจนกับการที่กระทิงอันเป็นที่รักของเขาถูกหลอกและรังแก
ซูอันเริ่มใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มโดยใช้พลังปฐมบทกับกระบี่ไท่เอ๋อร์ ในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มพึมพำกับตัวเองว่า “จงหวนคืนกลายเป็นธุลีดินไปซะ โลกคนเป็นไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรดำรงอยู่อีกต่อไป สลาย…”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ร่ายคาถาเสร็จ หยาจางรีบโบกมือขัด “เดี๋ยวก่อน ๆ! เรื่องนี้เราคุยกันได้! มาทำข้อตกลงกันก่อน!”
แม้ว่าเสียงของหยาจางจะคลุมเครือและเข้าใจยาก แต่ซูอันก็สามารถเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ ผีดิบตัวนี้ยังคงมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่! เขาคล้ายกับเด็กสาวข้างนอกนั่น “ข้อตกลงแบบไหน?”
หยาจางเช็ดมือที่หน้าผากราวกับปาดเหงื่อเมื่อเห็นซูอันหยุด ทั้ง ๆ ที่ผีดิบอย่างเขาไม่มีเหงื่อสักหยด
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจมีวิธีทำร้ายข้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องต่อสู้อีกต่อไป ข้าสามารถพาเจ้าไปสู่การทดสอบที่ราชวงศ์ซางทิ้งไว้เบื้องหลังได้”
ซูอันประหลาดใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามกลับ “พี่ชาย นี่เจ้ามียางอายหลงเหลืออยู่บ้างไหม?” เขาตะโกนใส่หยางจาง ชายหนุ่มรู้สึกไม่อยากเรียกผีดิบตัวนี้ว่า ‘ผู้อาวุโส’ อีกต่อไป
แม้ว่าหยาจางไม่เคยได้ยินคำว่า ‘ยางอาย’ มาก่อน แต่เขาก็สามารถเดาความหมายของมันได้ไม่มากก็น้อย “ข้ามีหน้าที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้และป้องกันไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามา หน้าที่ของข้าคือรอจนกว่าผู้ถูกลิขิตจะมารับการทดสอบ ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าสองคนถูกลิขิตให้เข้าร่วมการทดสอบ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีกต่อไป”
เพ่ยเหมียนหมานเข้ามาหาซูอันเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ศพที่แห้งเหี่ยวนี้เป็นศัตรูและเพิ่งต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ทัศนคติของมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้
ซูอันบอกนางผ่านกระแสพลังชี่ว่าเขามีวิธีกำจัดผีดิบตนนี้
เพ่ยเหมียนหมานยิ้มสดใส นางรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่แล้วก็คิดได้ ถ้าเจ้ามีวิธี ทำไมถึงยอมปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายตั้งแต่แรก?
ราวกับว่าสามารถอ่านใจนางได้ ซูอันอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “ข้ารอบรู้หลายอย่างเกินไป ข้าก็เลยลืมมันไปซะสนิท…”
เพ่ยเหมียนหมานจ้องมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
เพื่อซ่อนความอับอาย ซูอันรีบหันไปหาแม่ทัพอย่างรวดเร็วและถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกข้าเป็นคนที่ถูกลิขิตไว้?”
เขาไม่ได้เอ่ยคำในใจที่อยากพูดออกไปต่อ อย่าบอกนะว่าการที่เจ้าเรียกข้าว่าคนที่ถูกลิขิต เพียงเพราะข้ามีวิธีกำจัดเจ้า…
หยาจางเดินไปที่กำแพงแล้วแทงหอกลงไปที่พื้น ก่อนจะดึงกระทิงของเขาออกจากผนัง
กระทิงยังคงเวียนหัวหลังจากถูกดึงออกมา แต่เมื่อเห็นซูอัน มันก็แผดเสียงร้องเตรียมจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
หยาจางวางมือบนหลังของมันและลูบไล้เบา ๆ มันค่อย ๆ สงบลง ทั้งสองดูเหมือนจะเข้าใจกันราวกับสื่อสารกันได้
ในที่สุดแม่ทัพก็ตอบคำถามของซูอัน “ก่อนอื่น การทดสอบต้องกระทำโดยทั้งชายและหญิงในเวลาเดียวกัน หากมีชายหรือหญิงเพียงคนเดียวเข้ามา พวกเขาจะไม่ใช่คนที่ถูกลิขิต นอกจากนี้…”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วหันศีรษะไปทางเพ่ยเหมียนหมาน “มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยแผ่ออกจากนาง”
เพ่ยเหมียนหมานจ้องหยาจางด้วยความงุนงง
ซูอันนึกถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับนางระหว่างทางและถามอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หยาจางตอบว่า “ดูเหมือนว่านางจะมีกลิ่นอายเดียวกับจักรพรรดินีซาง”
“จักรพรรดินีซาง?” ซูอันขมวดคิ้ว “จักรพรรดินีองค์ไหน?”
หยาจางส่ายหัว “ไม่ได้เจาะจง ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจักรพรรดินีมากมายในตัวนาง”
ซูอันหรี่ตาลง
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
เป็นไปได้ไหมที่ศพแห้งตัวนี้กำลังแต่งเรื่องไร้สาระเพียงเพื่อจะหลอกลวงข้า?
เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ และกอดแขนซูอันโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาเป็นแหล่งให้ความมั่นใจเพียงแหล่งเดียวของนาง
ซูอันกอดนางกลับเพื่อปลอบประโลม
เสียงของหมี่ลี่กระซิบข้างหูว่า “โชคของเจ้ากับผู้หญิงนี่ดีจริง ๆ แม้แต่จักรพรรดินีจากราชวงศ์ในอดีตยังตกหลุมรักเจ้าได้”
นางรู้สึกเสียใจทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกจากปาก ลืมไปเลยว่านางเองก็เป็นจักรพรรดินีด้วยนี่นา
ซูอันกลอกตา “เหมียนหมานก็คือเหมียนหมาน นางจะเป็นใครไปได้อีก? ข้าไม่เชื่อในความบังเอิญ เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่เราจะได้พบกับจักรพรรดินีอีกองค์เช่นท่านที่ยังไม่ตาย?”
หมี่ลี่สูดลมหายใจ นางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ สถานการณ์ของนางช่างพิเศษเหลือเกิน มีใครอีกบ้างที่ลงเอยด้วยโชคที่เลวร้ายแบบนาง?
“ตามข้ามา” หยาจางกล่าว