ตอนที่ 730 ไว้หน้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 730 ไว้หน้า

รัชทายาทยุ่งอยู่กับงานบ้านเมืองมานานมากแล้ว วันนี้เขาอารมณ์ดีจากการได้โอรส ตั้งใจว่าเมื่อไปดูหน้าโอรสเสร็จ เขาจะไปผ่อนคลายกับหงเหมยที่เพิ่งถูกรับเขามาในจวนรัชทายาท ตอนนี้เขาไม่อยากใช้สมองแล้วจริงๆ

“องค์ชาย เรื่องนี้สำคัญมากพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายได้โปรดเสด็จไปฟังกระหม่อมทูลรายงานอย่างละเอียดที่โถงรับรองหลักก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทแทบไม่เคยเห็นฟางเหล่ามีสีหน้าจริงจังเช่นนี้มาก่อน เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ฟางเหล่า วันนี้เรากำลังอารมณ์ดีที่ได้บุตรชาย เราไม่อยากต้องหงุดหงิดใจกับเรื่องในราชสำนักอีก เจ้าปล่อยให้เราอารมณ์ดีสักวันได้หรือไม่ พรุ่งนี้เจ้าค่อยรายงานเรื่องน่าหงุดหงิดใจเหล่านั้นให้เราฟัง!”

ฟางเหล่าโค้งกายคำนับอีกครั้ง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่ใช่เรื่องในราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายได้โปรดฟังกระหม่อมรายงานก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เฉวียนอวี๋เลิกคิ้วสูง ฟางเหล่าจะกล่าวให้ร้ายอันใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีก

“ฟางเหล่า…” รัชทายาทแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมา เขาโมโหจนต้องหลับตาลง

“เจ้ายังไม่จบเรื่องนี้อีกหรือ! เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยองค์หญิงเจิ้นกั๋วเสียที องค์หญิงเจิ้นกั๋วเด็กกว่าเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ปี เหตุใดเจ้าจึงชอบหาเรื่องเด็กคนหนึ่งอยู่นั่น!”

“องค์ชาย!” ฟางเหล่าสะบัดชายชุดแล้วคุกเข่าก้มศีรษะให้รัชทายาท “คราวนี้กระหม่อมไม่ได้กล่าวหานางลอยๆ พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายได้โปรดเสร็จไปกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสืบเรื่องนี้กับเริ่นซื่อเจี๋ย มีทั้งพยานและหลักฐาน องค์ชายทรงทอดพระเนตรดูก่อนแล้วค่อยตัดสินพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทข่มโทสะที่มีอยู่ในใจ ชี้ไปที่ฟางเหล่าสื่อให้เฉวียนอวี๋ไปช่วยพยุงฟางเหล่าให้ลุกขึ้น “ได้ เราจะฟังเจ้าอีกสักครั้ง”

เฉวียนอวี๋ขมวดคิ้วพลางเดินเข้าไปประคองฟางเหล่าลุกขึ้น “ฟางเหล่า ท่านอย่าได้โทษที่องค์ชายทรงกริ้วเลยขอรับ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่เพียงเคยรับธนูแทนองค์ชาย นางยังเร่งเดินทางมาที่เมืองหลวงโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเพื่อชื่อเสียงขององค์ชายด้วย เห็นความจริงใจที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีต่อองค์ชายเช่นนี้ บ่าวในฐานะคนที่รับรู้เรื่องทั้งหมดยังคิดว่าไม่มีผู้ใดเทียบองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้เลยขอรับ หากกล่าวไม่น่าฟังสักนิด ฟางเหล่าเองก็ยังไม่เคยสละชีพเพื่อองค์ชายเช่นนี้มาก่อนเลยขอรับ”

เฉวียนอวี๋ประคองฟางเหล่าให้ลุกขึ้น จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านหลังรัชทายาทตามเดิมแล้วกล่าวต่อ

“ท่านไม่เห็นตอนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยชีวิตองค์ชายในตอนนั้น ลูกธนูแทงทะลุอกขององค์หญิง เครื่องแต่งกายเต็มไปด้วยเลือด ชาตินี้องค์ชายคงไม่มีวันลืมได้ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”

รัชทยาทนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนช่วยชีวิตเขาไว้ที่ถนนสายยาวในวันนั้น เขากำหมัดแน่นพลางพยักหน้า “ใช่แล้ว ไม่เคยมีผู้ใดสละชีวิตเพื่อช่วยเราอย่างเช่นองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก่อน”

เมื่อเห็นรัชทายาทเริ่มหวั่นไหว ฟางเหล่าจึงรีบกล่าวขึ้น “วันนั้นหากกระหม่อมอยู่ด้วย กระหม่อมจะสละชีวิตเพื่อช่วยองค์ชายเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว! กระหม่อมทำผิดต่อองค์ชายที่วันนั้นไม่ได้อยู่คอยปกป้ององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”

“เอาล่ะๆ” รัชทายาทโบกมือให้ฟางเหล่า “เรารู้ว่าเจ้าจงรักภักดี องค์หญิงเจิ้นกั๋วก็เช่นกัน! พวกเจ้าทั้งสองล้วนเป็นคนสำคัญของเรา สิ่งที่เราอยากเห็นมากที่สุดคือการที่พวกเจ้าสามัคคีปรองดองกัน”

“เช่นนั้นองค์ชายยิ่งควรเสด็จไปฟังสิ่งที่กระหม่อมจะทูลให้ทราบที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ หากเรื่องนี้มีการเข้าใจผิดเราจะได้รีบแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ได้ทัน กระหม่อมจะได้ไม่เข้าใจองค์หญิงเจิ้นกั๋วผิดอีกพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาสองข้างของฟางเหล่าแดงฉาน “ที่สำคัญกระหม่อมไม่ได้มีอคติต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า เพราะเป็นเรื่องขององค์ชาย กระหม่อมจึงต้องรอบคอบให้มากที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นท่าทีของฟางเหล่า รัชทายาทจึงถอนหายใจออกมา “ไปที่โถงรับรองหลักเถิด!”

เฉวียนอวี๋กำหมัดแน่น รีบเดินตามหลังรัชทายาทไปทันที

รัชทายาทก้าวเท้าออกมาจากธรณีประตูก็เห็นหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกยืนรอเขาอยู่ที่ระเบียงทางเดินท่ามกลางแสงไฟ

รัชทายาทหันไปสั่งเฉวียนอวี๋ “เจ้าไปถามนางสิว่าพระชายาเอกยังรอเราอยู่หรือไม่ หากพระชายาเอกยังรออยู่ ให้นางกลับไปบอกให้พระชายาเอกรีบพักผ่อนก่อน อีกสักพักเราตามไปหานาง”

เฉวียนอวี๋รับคำแล้ววิ่งไปหาหมัวมัวข้างกายพระชายาเอก จากนั้นเอ่ยถาม “หมัวมัวมารออยู่ที่นี่เพราะพระชายาเอกทรงรอองค์ชายอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ”

“ใช่แล้ว พระชายาเอกทรงรอองค์ชายอยู่”

“องค์ชายทรงมีงานต้องสะสางอีกสักพัก รบกวนหมัวมัวกลับไปทูลให้พระชายาเอกรีบพักผ่อนก่อนเถิด เมื่อองค์ชายสะสางงานเสร็จแล้วจะรีบเสด็จไปเยี่ยมพระชายาเอก” เฉวียนอวี๋กล่าวกับหมัวมัวยิ้มๆ “พระชายาเอกเพิ่งประสูติประโอรส พระวรกายกำลังอ่อนแอ องค์ชายทรงกำชับไม่ให้พระชายาทรงรอพระองค์ หมัวมัวกลับไปปรนนิบัติพระชายาพักผ่อนเถิด หากองค์ชายเสด็จไปหาแล้วพบว่าพระชายาเอกยังไม่ได้พักผ่อน องค์ชายจะทรงเป็นห่วงได้”

เมื่อหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกได้ยินคำกล่าวเช่นนี้จึงยิ้มกว้างทันที “ได้! ข้าจะกลับไปดูแลพระชายาเอกให้ดี! จริงสิ…มีอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ฮูหยินฉินน้องสาวคนรองขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาที่จวนรัชทายาทด้วยตัวเอง นางกล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วรู้สึกไม่ค่อยสบาย นางจึงมาขอให้หมอหลวงช่วยไปตรวจอาการขององค์หญิงที่จวน”

เฉวียนอวี๋นิ่งอึ้งไปทันที หมัวมัวผู้นั้นเอาแต่ขมวดคิ้วพลางกล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “เจ้าดูองค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้สิ ถือว่าตัวเองเป็นที่โปรดปรานจึงเอาแต่ใจยิ่งนัก พระชายาเอกและพระราชนัดดาสำคัญหรือนางสำคัญกว่ากันแน่! ไม่รู้จักนายไม่รู้จักบ่าวจริงๆ กล้ามาแย่งหมอหลวงกับพระชายาเอกได้อย่างไรกัน พระชายาเอกของเราพระทัยดีจึงส่งหมอหลวงและหมัวมัวของจวนเราไปดูอาการของนางถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากให้ข้ากล่าวนะอย่าว่าแต่พระชายาเอกเพิ่งประสูติโอรสร่างกายกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอเลย ต่อให้พระชายาเอกอยู่ไฟจนครบกำหนดแล้ว การที่นางมาแย่งหมอหลวงกับพระชายาเอกเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องบังอาจอยู่ดี พระชายาเอกยังให้หมอหลวงไปดูอาการนางอีก…ช่างไว้หน้านางเสียจริง!”

เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้น แววตาของเขาเกรี้ยวกราดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อเห็นหมัวมัวยังคงบ่นไม่หยุด เฉวียนอวี๋พยายามข่มโทสะเอาไว้ จากนั้นทำความเคารพหมัวมัว “องค์ชายรอข้ากลับไปปรนนิบัติอยู่ ข้าต้องรีบไปก่อน เราค่อยสนทนากันต่อวันหลังนะขอรับ”

กล่าวจบเฉวียนอวี๋วิ่งไปยังตำหนักของรัชทายาททันที

หมัวมัวข้างกายของรัชทายาทเล่าเรื่องที่ควรเล่าให้เฉวียนอวี๋ฟังหมดแล้ว นางมองตามแผ่นหลังของเฉวียนอวี๋พลางเม้มปากยิ้มๆ

เฉวียนอวี๋คือขันทีที่รับใช้รัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก เขาต้องทูลเรื่องนี้ให้รัชทายาททรงทราบอย่างแน่นอน รัชทายาทจะได้รู้ว่าเมื่อไป๋ชิงเหยียนเป็นที่โปรดปรานแล้วนางเอาแต่ใจถึงเพียงใด

หมัวมัวหันกลับไปกล่าวกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง “พวกเรากลับกันเถิด องค์ชายทรงเป็นห่วงพระชายาเอกมาก พวกเราควรรีบกลับไปดูแลพระชายาเอกให้ดี”

“เจ้าค่ะ”

สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังหมัวมัวรับคำอย่างหวาดกลัว

สาวใช้ผู้นี้ไม่ใช่คนโง่ วันนี้ตอนที่ฮูหยินฉินไป๋จิ่นซิ่วมาที่จวนรัชทายาท หญิงสาวคุกเข่าขอร้องให้หมอหลวงไปดูอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีขององค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนทั้งน้ำตา ทว่า หมัวหมัวกลับกล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วแค่รู้สึกไม่สบาย ดูเหมือนว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะได้ใจของรัชทายาทแล้วจริงๆ พระชายาเอกจึงได้เริ่มหวาดระแวงองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นมาเช่นนี้

ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วพาหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอก สาวใช้และหมอหลวงเดินทางใกล้ถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หญิงสาวแหวกม่านรถม้าออกไปส่งสัญญาณให้องครักษ์ที่อยู่ด้านนอก องครักษ์พยักหน้ารับคำ จากนั้นเดินทางล่วงหน้าไปรายงานที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อน

ไป๋ชิงเหยียนกำลังนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สาวใช้สองสามคนยืนอยู่ด้านข้างเพื่อรอคำสั่งจากไป๋ชิงเหยียน

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วส่งข่าวกลับมา ไป๋ชิงเหยียนจึงวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นหันไปกล่าวกับสาวใช้เจินกวงที่ยืนอยู่ข้างกาย “เจินกวง…เจ้าจงพาองครักษ์ไป๋สองสามคนไปเชิญตัวคนของหลี่หมิงรุ่ยที่รออยู่ที่เรือนหน้าเข้ามา เจ้ารู้จักเส้นทางในจวนเราดีที่สุด ข้าต้องการให้เจ้าพาคนผู้นั้นเดินอ้อมไปมาอยู่ใกล้ๆ เรือนชิงฮุยโดยใช้เส้นทางที่ไม่ซ้ำกัน เมื่อใดที่เจ้าได้รับสัญญาณจากองครักษ์หน่วยลาดตระเวน เจ้าค่อยพาเขามาที่เรือนชิงฮุย”