ตอนที่ 731 น่าสะพรึง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 731 น่าสะพรึง

“เจ้าค่ะ” เจินกวงรับคำ จากนั้นเดินออกไปจากเรือนชิงฮุย

ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือการควบคุมให้เวลาประจวบเหมาะ เร็วเกินไปไม่ได้…ช้าเกินไปก็ไม่ได้ จะกล่าวว่าง่ายก็ดูง่าย กล่าวว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับว่าลูกน้องของนางมีความสามารถหรือไม่

ก่อนไป๋จิ่นซิ่วจากไป น้องสาวของนางให้ชุ่ยปี้และชุ่ยอวี้อยู่ที่นี่ต่อเพื่อช่วยเหลือนาง ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งชุ่ยปี้ “เจ้าไปสั่งให้องครักษ์จำนวนหนึ่งมารอคำสั่งอยู่บริเวณเรือนชิงฮุย”

“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ชุ่ยปี้รับคำแล้วเดินออกไปจากห้อง ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ นี่คือครั้งแรกที่นางทำงานให้คุณหนูใหญ่ นางจะทำเสียเรื่องไม่ได้เด็ดขาด

ไป๋ชิงเหยียนมองดูสาวใช้เจินหมิงที่ก้าวขาออกมาด้านหน้าอย่างกระตือรือร้น จากนั้นกล่าวขึ้น “เจินหมิง เจ้าไปหาหญิงชราเฝ้าประตูที่คล่องแคล่วมาจำนวนหนึ่ง ให้พวกนางเฝ้าตามประตูที่ผ่านมายังเรือนชิงฮุย คุณหนูรองพาคนผ่านประตูใดมาแล้วให้พวกนางรีบมารายงานโดยด่วนที่สุด”

“เจ้าค่ะ” เจินหมิงรับคำแล้ววิ่งออกไปจากเรือนทันที

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วพาหมัวมัวของจวนองค์รัชทายาทและหมอหลวงเข้ามาในจวนไป๋ ข่าวของพวกนางถูกรายงานไปยังเรือนชิงฮุยเป็นระยะ

บรรดาบ่าวรับใช้เดินเข้าออกเรือนชิงฮุยกันเป็นว่าเล่น เดี๋ยวก็มีหญิงชรามารายงานว่าคุณหนูรองถึงประตูฉุยฮวาแล้ว ไม่นานก็มารายงานว่าคุณหนูรองถึงโถงรับรองสือซานแล้ว สักพักสาวใช้วิ่งเข้ามารายงานว่าคุณหนูรองผ่านประตูเรือนเยียนอวี่เข้ามาแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนถือถ้วยชาร้อนนั่งรออยู่ที่ด้านหลังฉากกั้น เมื่อสาวใช้เข้ามารายงานว่าคุณหนูรองถึงเรือนหลานซานแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจึงวางถ้วยชาในมือลง หันไปกล่าวกับชุ่ยอวี้ที่กำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น “ชุ่ยอวี้ เจ้าจงไปบอกองครักษ์ให้ส่งสัญญาณให้เจินกวงให้นางพาคนมาที่เรือนชิงฮุยได้แล้ว”

“เจ้าค่ะ!” ชุ่ยอวี้ถูกเรียกจึงได้สติทันที นางรีบวิ่งออกไปด้านนอกอย่างไม่รอช้า

คุณหนูใหญ่กำชับว่าสิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือเวลาที่ห้ามช้าหรือเร็วไปเด็ดขาด เมื่อคนส่งสารของหลี่หมิงรุ่ยเข้ามาในเรือนชิงฮุย คุณหนูรองจะพาคนขององค์รัชทายาทและหมอหลวงตามเข้ามาในจวน ให้คนขององค์รัชทายาทและหมอหลวงได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณหนูใหญ่และคนส่งสารผู้นั้นอย่างชัดเจน

ชุ่ยอวี้เพิ่งเคยทำเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน นางรู้สึกตื่นเต้นมาก

ไม่นานเมื่อหน่วยตรวจลาดตระเวนของจวนไป๋เดินผ่านเจินกวงที่กำลังพาคนของหลี่หมิงรุ่ยเดินอ้อมอยู่แถวๆ เรือนชิงฮุย เขาลอบพยักหน้าให้หญิงสาวเล็กน้อย

เจินกวงหันไปกล่าวกับคนส่งสาร “เชิญด้านนี้เจ้าค่ะ…”

เจินกวงเพิ่งพาคนส่งสารของหลี่หมิงรุ่ยเข้าไปในห้องของเรือนชิงฮุย ไป๋จิ่นซิ่วก็พาคนเดินตามเข้ามาในเรือนเช่นเดียวกัน

เจินกวงที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงระเบียงทางเดินเคาะหน้าต่างเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้สาวใช้ด้านในแหวกม่านออก ให้คนส่งสารผู้นั้นเริ่มสนทนากับไป๋ชิงเหยียนได้ ส่วนตนเองรีบถลาเข้าไปด้านหน้าด้วยใบหน้าร้อนรน “คุณหนูรอง มีคนมาที่จวนของเรากล่าวว่ามีเรื่องสำคัญต้องการพบคุณหนูใหญ่ด้วยตัวเองเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่อาการหนักถึงเพียงนี้ ทว่า ก็ยังฝืนลุกขึ้นมาแล้วให้คนตามคนผู้นั้นเข้ามาพบเจ้าค่ะ คุณหนูรองช่วยไปห้ามคุณหนูใหญ่ทีเถิดเจ้าค่ะ”

“เหลวไหลสิ้นดี เรื่องใดจะสำคัญไปกว่าชีวิตของพี่หญิงใหญ่กัน!” ไป๋จิ่นซิ่วหันไปทางหมอหลวง “ท่านหมอหลวงเชิญเข้าไปดูอาการของพี่หญิงใหญ่ของข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

หมอหลวงรีบรับคำ จากนั้นถือกล่องยาเดินตามไป๋จิ่นซิ่วขึ้นไปบนบันไดของระเบียงทางเดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกล่าวอย่างนอบน้อมของบ่าวรับใช้ชายในห้อง “เจ้านายของกระหม่อมให้กระหม่อมมาทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าหวังชิวลู่ไปมาหาสู่กับจวนเหลียงอ๋องอย่างใกล้ชิด องค์หญิงเจิ้นกั๋วโปรดระวังคนผู้นี้ไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

คนขององค์รัชทายาทได้ยินคำนี้จึงชะงักฝีเท้าทันที นี่คือเรื่องส่วนตัวขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากเขาเดินเข้าไปเช่นนี้จะเกิดปัญหายุ่งยากตามมาหรือไม่

เมื่อหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกได้ยินคำว่าเหลียงอ๋องจึงเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องอย่างละเอียดทันที

เสียงไออย่างรุนแรงของไป๋ชิงเหยียนดังมาจากด้านใน หญิงสาวหอบหายใจแรง จากนั้นยิงคำถามใส่บ่าวรับใช้ชายผู้นั้นด้วยความโมโห “หวังชิวลู่? หวังชิวลู่ผู้ใดกัน นักโทษกบฏหวังชิวลู่ที่โดนโทษประหารไปแล้วคนนั้นหรือ!”

ไป๋จิ่นซิ่วยกมือห้ามเจินกวงที่กำลังจะแหวกม่านเข้าไปด้านใน จากนั้นยืนฟังอยู่ด้านนอกอย่างตั้งใจ

บ่าวรับใช้ชายผู้นั้นกล่าวตอบว่าใช่

ด้านในมีเสียงตวาดดังออกมาเบาๆ น้ำเสียงอ่อนแอของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยโทสะ “หวังชิวลู่ผู้นั้นไม่ได้ถูกประหารไปแล้วหรือ เหตุใดจึงไปสมคบกับเหลียงอ๋องได้ เจ้านายของเจ้าคือผู้ใด เจ้านายของเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตนักโทษกบฏที่สมควรตายผู้นั้นไว้หรือเหลียงอ๋องเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้กัน!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของสาวใช้ในห้อง ไป๋จิ่นซิ่วหน้าซีดเผือด รีบพาหมอหลวงบุกเข้าไปทันที

แววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของไป๋จิ่นซิ่วจ้องไปที่บ่าวรับใช้ชายซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าตกตะลึงเขม็ง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ผู้ใดก็ได้มาลากตัวคนผู้นี้ออกไปที”

บ่าวรับใช้ชายผู้นั้นเห็นว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่อยู่ด้านในฉากกั้นอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อเห็นองครักษ์เดินเข้ามาจับตัวเขา เขาจึงตกใจจนตัวสั่นเทา รีบคลานเข่าไปด้านหน้าสองสามก้าว จากนั้นก้มศีรษะขอร้องทั้งน้ำตา “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไว้ชีวิตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เจ้านายของกระหม่อมคือหลี่หมิงรุ่ย บุตรชายคนโตของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่า กระหม่อมเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น กระหม่อมไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น กระหม่อมแค่มาถ่ายทอดคำสั่งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงและหมัวมัวของจวนองค์รัชทายาทตามไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้าไปด้านในม่านก็เห็นไป๋ชิงเหยียนกระอักเลือดจนเลือดเปื้อนเสื้อบริเวณหน้าอกเป็นวงกว้าง พวกเขาเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของหญิงสาวอย่างริบหรี่ผ่านแสงเทียน เป็นภาพที่น่าสะพรึงยิ่งนัก

“พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ!” แม้ไป๋จิ่นซิ่วจะรู้ว่านี่คือเรื่องโกหก ทว่า เมื่อเห็นสภาพของพี่หญิงใหญ่ นางก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ “พี่หญิงใหญ่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ท่านหมอหลวง ท่านหมอหลวงรีบมาดูอาการของพี่หญิงใหญ่ทีเจ้าค่ะ!”

หมอหลวงรีบหยิบหมอนตรวจชีพจรออกมาจากกล่องยา จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นไม้หวงฮวาหลีเพื่อตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน

“ท่านหมอหลวง…” ไป๋จิ่นซิ่วประคองไป๋ชิงเหยียนพลางเอ่ยถามหมอหลวงเสียงสะอื้นอย่างร้อนใจ

“ท่านหมอหลวง พี่หญิงใหญ่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”

“พี่มิเป็นอันใด จิ่นซิ่ว…เจ้ารีบพาบ่าวรับใช้ชายผู้นี้ไปพบองค์รัชทายาท ทูลพระองค์ว่านักโทษกบฏหวังชิวลู่อาจยังมีชีวิตอยู่ คนผู้นี้มีวรยุทธ์ ให้องค์ชายทรงระวังตัวให้มาก ต้องตามจับตัวหวังชิวลู่ผู้นี้มาให้ได้ รีบไปเร็ว!”

ไป๋ชิงเหยียนกุมข้อมือของไป๋จิ่นซิ่วแน่น หายใจหอบกว่าเดิม

“พี่หญิงใหญ่ จวนองค์รัชทายาทมีองครักษ์คอยคุ้มกันอยู่ พี่หญิงใหญ่เป็นห่วงตัวเองก่อนเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกุมมือไป๋ชิงเหยียน น้ำตาของหญิงสาวไหลพราก

“จิ่นซิ่ว…”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่ร่างกายอ่อนแอเตรียมลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง ไป๋จิ่นซิ่วจึงรีบกดร่างของพี่สาวไว้ จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “เจ้าค่ะๆ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ เมื่อท่านหมอตรวจอาการเสร็จ ข้าจะพาตัวบ่าวรับใช้ชายผู้นั้นไปพบองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”

หมอหลวงที่ตรวจชีพจรอยู่ด้านข้างรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ ร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วย่ำแย่ถึงเพียงนี้แล้ว นางยังเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์รัชทายาทอยู่อีก ช่างจงรักภักดีมากจริงๆ

“ท่านหมอหลวง พี่หญิงใหญ่ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง” ดวงตาสองข้างของไป๋จิ่นซิ่วแดงก่ำ

หมอหลวงชราเก็บหมอนตรวจชีพจรพลางส่ายหน้าให้ไป๋จิ่นซิ่วน้อยๆ “ข้าไร้ความสามารถ ทว่า สามารถทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ได้ขอรับ…”