ตอนที่ 732 ใส่ร้าย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 732 ใส่ร้าย

เมื่อเห็นสีหน้าของไป๋จิ่นซิ่วเปลี่ยนไป หมอหลวงจึงรีบกล่าวต่อ “ฮูหยินฉินไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะจ่ายยาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วรับประทานแล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นขอรับ ทว่า หากต้องการรักษาอาการให้หายคงต้องรอให้ท่านหมอหลวงหวงมาตรวจชีพจรให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วขอรับ ทว่า ตอนนี้ท่านหมอหลวงหวงอยู่ที่เมืองหวาหยางคงยังมาไม่ได้ขอรับ”

“ลำบากท่านหมอหลวงแล้ว” ไป๋จิ่นซิ่วก้มศีรษะให้หมอหลวงเล็กน้อย

หมอหลวงเดินออกมาจากห้องด้านใน เขานั่งลงเขียนสูตรยาให้ไป๋ชิงเหยียนบนโต๊ะกลม

เสียงร้องขอความเมตตาของบ่าวรับใช้ชายดังมาจากลานหญ้าของเรือนชิงฮุย

ไป๋จิ่นซิ่วห่มผ้าห่มให้ไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวสูดหายใจลึก จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “พี่หญิงใหญ่นอนพักผ่อนให้สบายเถิดเจ้าค่ะ เมื่อท่านหมอหลวงจ่ายยาเสร็จแล้ว ข้าจะพาบ่าวรับใช้ชายผู้นั้นไปพบรัชทายาทเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหลับตาลง

หมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกมองใบหน้าที่สะท้อนแสงเทียนของไป๋ชิงเหยียน ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดจนดูแทบไม่ได้ หมัวมัวกำมือที่ประสานอยู่ตรงหน้าท้องแน่น รู้สึกว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ร่างกายอ่อนแอจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงผู้นี้ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อพระชายาเอกเหมือนที่หมัวมัวคนสนิทของพระชายาเอกกล่าวไว้ได้…

แสงไฟในห้องโถงหลักสว่างไสว

เฉวียนอวี๋อยากทูลให้รัชทายาททราบเรื่องที่ไป๋จิ่นซิ่วมาขอยืมตัวหมอหลวงที่จวนรัชทายาทหลายครั้ง ทว่า เขาหาโอกาสกล่าวแทรกไม่ได้ เขาต้องทูลเรื่องนี้อย่างไม่ให้ดูเป็นการจงใจนัก เฉวียนอวี๋ได้แต่ยืนรอจังหวะอยู่ด้านข้าง

รัชทายาทสั่งให้คนย้ายเตาผิงมาวางตรงปลายเท้า จากนั้นยื่นมือไปอังไฟพลางฟังฟางเหล่ารายงานเรื่องของหวังชิวลู่

เมื่อได้ยินว่าหวังชิวลู่ยังมีชีวิตอยู่ รัชทายาทรู้สึกตกใจมาก เขาจำได้ว่าตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนไปเยี่ยมหวังเจียงไห่ในคุกยามวิกาล ตอนนั้นรัชทายาทก็ไปเช่นเดียวกัน ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าหวังเจียงไห่ให้ผู้คุมคุกนำป้ายหยกของท่านชายสี่ตระกูลไป๋ไปพบนางที่จวน ไป๋ชิงเหยียนจึงรีบไปที่คุกอย่างร้อนรน สุดท้ายกลับพบว่าหวังเจียงไห่โกหกนาง นางจึงเสียใจมาก

“เจ้าบอกว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกอย่างนั้นหรือ เราจำได้ว่าหวังชิวลู่โดนประหารไปแล้ว” รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น

เฉวียนอวี๋กัดฟันกรอด ฟางเหล่าใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีกแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าโค้งกายคำนับ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนรอบคอบ ทำทุกสิ่งด้วยความระวัดระวัง ดังนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงไม่ได้ใช้คนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า ส่งคนไปหาคนในซั่วหยางที่เป็นญาติกับผู้คุมคุก ให้เงินเขา สั่งให้เขาช่วยนักโทษออกมาพ่ะย่ะค่ะ! บัดนี้กระหม่อมจับตัวคนผู้นั้น ผู้คุมคุกของศาลต้าหลี่และหวังชิวลู่ได้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบฟางเหล่าส่งสัญญาณให้เริ่นซื่อเจี๋ย

เริ่นซื่อเจี๋ยรีบหยิบสมุดบัญชีและสัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้รัชทายาทอย่างนอบน้อม “นี่คือบันทึกการซื้อขายจวนที่ซั่วหยางหลังจากที่ชายคนนั้นกลับไปจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ ส่วนนี่คือบันทึกที่ผู้คุมคุกซื้อจวนที่มีพื้นที่สามส่วนในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น กวาดสายตามองบันทึกเหล่านั้นคร่าวๆ

ฟางเหล่าก้มหน้าลงอย่างครุ่นคิด จากนั้นจงใจกล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยทูลองค์ชายว่านางช่วยชีวิตหวังชิวลู่ไว้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทนึกถึงเหตุการณ์ในคุกก่อนหน้านี้ ไป๋ชิงเหยียนกำป้ายหยกไว้ในมือแน่น จากนั้นกล่าวกับเขาทั้งน้ำตาว่าหวังเจียงไห่หลอกให้นางไปพบเพราะต้องการให้นางช่วยเหลือบุตรชายของเขาออกมาจากคุก รัชทายาทไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็นการบอกของไป๋ชิงเหยียนหรือไม่

เมื่อเห็นความไม่แน่ใจในแววตาของรัชทายาท ฟางเหล่าจึงกล่าวต่อ “องค์ชายจะให้เรียกพยานเข้ามาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“พาตัวเข้ามาได้ เราอยากฟังพวกเขาสารภาพ” รัชทายาทโยนบันทึกซื้อขายไปบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ

เริ่นซื่อเจี๋ยลุกขึ้นเดินออกไปพาตัวหวังชิวลู่ ผู้คุมคุกและคนจากซั่วหยางเข้ามาด้านใน

หวังชิวลู่กำมือทั้งสองข้างแน่น มองไปทางรัชทายาทแวบหนึ่ง จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้ารัชทายาท

“กระหม่อมนักโทษหวังชิวลู่คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“เงยหน้าขึ้น!” รัชทายาทวางแขนข้างหนึ่งลงบนที่วางแขน รักษามาดความเป็นรัชทายาท จากนั้นกล่าวด้วยเสียงทรงอำนาจ

หวังชิวลู่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวการมองสำรวจของรัชทายาทแม้แต่น้อย

หวังชิวลู่ไม่เคบพบกับรัชทายาทอย่างซึ่งๆ หน้ามาก่อน รัชทายาทรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลตรงหน้า เมื่อนึกดูดีๆ จึงพบว่าหวังชิวลู่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับหวังเจียงไห่มาก เขาจึงเอ่ยถาม

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยเจ้าออกมาอย่างนั้นหรือ”

“ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนช่วยกระหม่อมออกมาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบเพียงว่าหลังจากที่กระหม่อมถูกช่วยออกมาจากคุกแล้วก็ไม่มีผู้ใดคอยควบคุมกระหม่อมอีก ต่อมา…”

หวังชิ่วลู่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก้มศีรษะคำนับรัชทายาท “องค์รัชทายาทได้โปรดไล่ทุกคนออกไปก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากทูลองค์รัชทายาทเป็นการส่วนพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหล่าตกใจกับคำกล่าวของหวังชิวลู่ นี่มันไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้นี่ ฟางเหล่าผุดลุกขึ้นยืนทันที “เจ้าคิดจะเล่นลูกไม้อันใด!”

“องค์รัชทายาทได้โปรดกันผู้อื่นออกไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หวังชิวลู่ก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง

“องค์ชาย! คนผู้นี้คือนักโทษก่อกบฏ จะปล่อยให้เขาอยู่กับองค์ชายตามลำพังได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายได้โปรดไตร่ตรองดูให้ดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าคารวะรัชทายาท

เริ่นซื่อเจี๋ยกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น เหตุใดสถานการณ์จึงเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้นะ!

หรือว่านี่คือแผนการของหลี่หมิงรุ่ยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรอดูสถานการณ์อย่างนิ่งๆ ไปก่อน

“หวังชิวลู่ เจ้าไม่อยากให้ข้าและฟางเหล่าอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นหรือไม่ต้องการให้ผู้ใดอยู่ในนี้ทั้งสิ้น”

“ขอแค่ฟางเหล่าและท่านออกไปก็พอขอรับ” หวังชิวลู่กล่าว

เริ่นซื่อเจี๋ยเห็นดังนี้จึงกระตุกแขนเสื้อของฟางเหล่า “ฟางเหล่า ในเมื่อเขายืนกรานเข่นนี้ พวกเราออกไปรอด้านนอกเถิดขอรับ”

กล่าวจบ เริ่นซื่อเจี๋ยกล่าวเสริมเสียงเบาหวิว “องค์ชายจะปิดบังท่านหรือขอรับ อีกสักครู่องค์ชายต้องบอกให้ท่านทราบอยู่ดี ท่านอดทนสักครู่เถิดขอรับ มิเช่นนั้นองค์ชายอาจทรงคิดว่าท่านต้องการใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงไม่ยอมให้หวังชิวลู่สารภาพสิ่งใดออกมาก็ได้นะขอรับ”

ฟางเหล่ารู้สึกว่าเริ่นซื่อเจี๋ยกล่าวมีเหตุผลจึงได้แต่พยักหน้า เขามองไปทางหวังชิวลู่แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนั้นกระหม่อมและเริ่นซื่อเจี๋ยจะออกไปรอรับสั่งขององค์ชายที่ด้านนอกนะพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยจึงเดินออกไปรออยู่ที่ด้านนอก

ฟางเหล่าขมวดคิ้วแน่น “เจ้าว่านี่จะเป็นแผนการที่หลี่หมิงรุ่ยสร้างขึ้นเพื่อใส่ร้ายพวกเราหรือไม่”

เริ่นซื่อเจี๋ยยืนเอามือยัดไว้ในแขนเสื้อท่ามกลางแสงไฟของโคมไฟหกเหลี่ยม เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด “ข้ารู้สึกว่าไม่น่าใช่ขอรับ ทว่า ข้าคิดว่าเรื่องนี้ฟางเหล่าอย่าเอาความดีไว้คนเดียวเลยขอรับ แม้หน้าตาของหลี่หมิงรุ่ยจะดูใสซื่อ ทว่า เขาไม่ใช่คนซื่อสักเท่าใดนัก ฟางเหล่าควรทูลรัชทายาทตามความจริง พวกเราจะได้ไม่กลายเป็นหมากในกระดานของหลี่หมิงรุ่ยขอรับ”

ฟางเหล่าพยักหน้า จากนั้นเอื้อมมือแตะคิ้วที่กระตุกของตัวเอง “เริ่นเซียนเซิงกล่าวมีเหตุผล คิ้วของข้ากระตุกอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ลางดีสักเท่าใดนัก เราสารภาพตามความจริงก็แล้วกัน”

ภายในโถงรับรองหลักของจวนรัชทายาท

หวังชิวลู่คุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้องใส เขาก้มศีรษะคำนับรัชทายาท “องค์ชาย ตอนแรกกระหม่อมไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะว่าผู้ใดเป็นคนช่วยชีวิตกรหม่อมเอาไว้ ต่อมาคนผู้นั้นให้กระหม่อมไปที่จวนเหลียงอ๋อง โกหกกระหม่อมว่าหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูเสียโฉมและถูกทำลายกล่องเสียง ตอนนี้อยู่ที่จวนเหลียงอ๋อง กระหม่อมจึงไปตามคำกล่าว เมื่อไปถึงก็มีคนรอต้อนรับกระหม่อมอยู่ที่ประตูข้างของจวนเหลียงอ๋อง จากนั้นพากระหม่อมไปพบหลิ่วรั่วฟู ทว่า กระหม่อมมั่นใจว่าคนผู้นั้นไม่ใช่หนานตูจวิ้นจู่พ่ะย่ะค่ะ!”