“เพราะว่าการปรากฏตัวของคุณแปลกประหลาดเกินไป” วารุณีขมวดคิ้วแล้วมองเขา “คุณบอกว่าคุณชอบปาจรีย์ ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่มาหาปาจรีย์ ดันมาตอนที่ผ่านมายี่สิบปีแล้ว เพียงแค่จุดนี้ ก็ทำให้น่าสงสัยแล้ว อีกอย่างพวกคุณห่างกันยี่สิบปีแล้ว คุณชอบปาจรีย์จริงๆ เหรอ??”
ปาจรีย์ลืมรพีคนนี้ไปแล้ว รพีดันยังจำปาจรีย์ได้ น่าแปลกมากจริงๆ
ผ่านมายี่สิบปี น่าจะลืมฝ่ายตรงข้ามกันแล้วจึงจะถูก
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” รพียิ้มอ่อนหยักหน้า “คุณหญิงไชยรัตน์คิดมากเกินไปแล้วครับ ผมชอบปาจรีย์จริงๆ ครับ ผมมาที่นี่ ก็ไม่ได้มีเป้าหมายอื่น มาเพราะปาจรีย์จริงๆ ครับ สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมพึ่งมาหลังจากผ่านไปยี่สิบปีแล้ว นั่นเป็นเพราะปีนี้ผมพึ่งรู้ว่าปาจรีย์อยู่ไหน”
“งั้นเหรอ?” วารุณีหรี่ตาลง ชัดเจนเลยว่าไม่ค่อยเชื่อ
รพีพยักหน้า “แน่นอน ผมรู้ว่าคุณหญิงไชยรัตน์รู้สึกว่าผมมีเป้าหมายอื่นกับปาจรีย์ แต่ว่าคุณหญิงไชยรัตน์วางใจได้เลยครับ ผมไม่มีเป้าหมายใดๆ ถึงแม้ว่าตระกูลคณานิสรณ์จะสู้ตระกูลไชยรัตน์ไม่ได้ แต่ก็ไม่แย่นะครับ ดังนั้นผมไม่ได้รู้สึกว่าบนตัวของปาจรีย์จะมีอะไรให้ผมหลอกใช้ได้ ไม่ใช่เหรอครับ?”
พูดจบ เขาก็ยื่นนามบัตรให้เธอ
วารุณีรับมาด้วยอย่างสงสัย ข้างบนเขียนว่าคณานิสรณ์กรุ๊ป รพี ข้างล่างยังมีเบอร์โทรศัพท์แถวหนึ่ง
“คณานิสรณ์กรุ๊ป?” วารุณีเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่เคยได้ยิน”
“เป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดตัวครับ และปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอุรไนย เป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงไชยรัตน์ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนครับ” รพียิ้มแล้ว แล้วตอบเพิ่มอีกประโยคหนึ่งว่า “หากคุณหญิงไชยรัตน์ไม่วางใจ สามารถโทรไปถามประธานนัทธีดูได้ครับ ประธานนัทธีน่าจะยืนยันได้ว่า ผมได้โกหกหรือเปล่า”
วารุณีได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ลุกขึ้นยืน “ในเมื่อนายพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็ลองโทรถามดู แน่นอน ฉันหวังว่าฉันทำแบบนี้คุณรพีจะไม่ว่าอะไรนะคะ ไม่ว่ายังไงแล้วเพื่อปาจรีย์ ฉันจำเป็นต้องสืบให้ชัดเจน”
“ไม่ครับ ตามสบายเลยครับ” รพีทำท่าเชิญ
วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมาจริงๆ โทรหาเบอร์ของนัทธี
เวลานี้นัทธีกำลังจัดการเอกสารอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้น วางปากกาลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นวารุณีโทรหา นัยน์ตามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนผ่านไป จากนั้นนิ้วชี้ก็เลื่อนไปที่ปุ่มสีเขียวรับสาย รับสายของเธอ “ฮัลโหล”
“ที่รัก ถามอะไรหน่อย” วารุณีเอ่ยปากพูด
นัทธียักคิ้ว “เธอถามเลย”
“นายรู้จักรพีไหม?” วารุณีมองผู้ชายตรงหน้าแล้วถาม
นัทธีได้ยินประโยคนี้แล้ว ขมวดคิ้วขึ้นทันที “รพี?”
“อื้ม” วารุณีพยักหน้า
นัทธีเม้มริมฝีปากที่บาง สีหน้าไม่ค่อยพอใจ น้ำเสียงดูมีความหึงหวง “เธอถามถึงเขาทำไม? เธอไม่รู้จักเขาหรอกมั้ง?”
ถึงแม้จะรู้ว่าวารุณีไม่มีทางมีอะไรกับผู้ชายอื่น
แต่ว่าได้ยินชื่อของผู้ชายจากปากของเธอ ในใจของเขาก็มีความไม่สบายใจเล็กน้อย
แน่นอนว่าวารุณีฟังออกถึงน้ำเสียงที่หึงของเขา อดเหลือกตาขาวไม่ไหว “พอแล้ว อย่างหุงไปมั่ว ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านปาจรีย์ ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของปาจรีย์อีกด้วย บอกว่าชอบปาจรีย์ ก็เลยมาหาปาจรีย์ที่เมืองธารา ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นคนร้าย พุ่งมาทางปาจรีย์โดยมีเป้าหมายอื่น ดังนั้นถึงได้โทรหานายยืนยันตัวตนของเขาหน่อย ดูว่าเขาเป็นประธานของคณานิสรณ์กรุ๊ปที่พึ่งเปิดตัวในเมืองอุรไนยหรือเปล่า”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” นัทธีพยักหน้า จากนั้นก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อยแล้วตอบกลับ “เขาเป็นประธานของบริษัท ที่เมืองอุรไนยจริงๆ คณานิสรณ์กรุ๊ปเป็นเส้นทางอุตสาหกรรมเบา เพิ่งเปิดตัวไม่กี่เดือนมานี้เอง ได้ร่วมมือกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เมื่อเร็ว ๆ บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเปลี่ยนเครื่องตัดแร่ใหม่จำนวนมาก ซึ่งคณานิสรณ์กรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุนเอง”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” วารุณีพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจแล้ว
“ยังมีเรื่องอื่นอยู่หรือเปล่า?” นัทธีถาม
วารุณีมองไปทางรพี “ไม่มีแล้ว แต่ว่าฉันอยากถามนายหน่อย นายคิดว่ารพีมาหาปาจรีย์กะทันหัน จะมีเป้าหมายอื่นหรือเปล่า?”
นัทธีหมุนปากกา คิดไปสักพักแล้วตอบ “ไม่รู้นะ แต่ฉันคิดว่าน่าจะไม่มี รพีเองก็มีฐานะตัวตนอยู่ วงศ์ตระกูลก็ดีกว่าตระกูลจิรดำรงค์ ตามหลักแล้ว เขาน่าจะไม่มีอะไรที่สามารถได้จากบนตัวผู้อื่น แน่นอน ทุกเรื่องล้วนมีข้อยกเว้น ฉันรู้ว่าเธออยากสืบเรื่องพวกนี้ให้ชัดเจน เพื่อปาจรีย์ แต่ว่าเธอไม่สามารถปกป้องปาจรีย์อยู่ข้างกายนางได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าคนที่ชื่อรพีจะมีเป้าหมายหรือเปล่า เธอก็ไม่สามารถสืบได้ สิ่งที่เธอทำได้คือ เตือนปาจรีย์ ให้นางระวังตัวหน่อย”
วารุณีฟังคำพูดของผู้ชายแล้ว รู้สึกว่ามีเหตุผล พยักหน้าตาม
ผู้ชายพูดขึ้นอีกว่า “ยังไงก็ตามเธอเป็นเพียงแค่เพื่อนของปาจรีย์ ไม่ใช่แม่ของปาจรีย์ ดังนั้นเตือนหน่อยก็พอแล้ว อย่าคิดว่าจะทำให้นางหมดทุกอย่าง หากคนที่ชื่อรพีไม่ได้มีเป้าหมายอื่นจริงๆ เธอทำเยอะเกินไป อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างปาจรีย์และรพีไม่ดี พอถึงเวลาเธอก็เป็นนักโทษแล้ว ดังนั้นขอเตือนเธอหน่อย เรื่องอื่นๆ ก็ให้ปาจรีย์จัดการเองเถอะ นางเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว ฉันเชื่อว่านางน่าจะมีความหวาดระแวงที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งควรจะมี เธอคิดว่าไงล่ะ”
วารุณีลูบจมูก “นายพูดถูก ฉันรู้แล้ว ฉันแค่เป็นห่วงปาจรีย์มากเกินไป ปาจรีย์ถูกโจมตีด้านความรุู้สึกมากเกินไปแล้ว ฉันหวังว่าปาจรีย์จะมีความสุขทั้งชีวิตที่เหลือจากนี้ ดังนั้นไม่อยากให้ปาจรีย์เจ็บปวดอีก ดังนั้นเมื่อกี้ก็เลยระวังขนาดนี้ อาจจะทำเพื่อปาจรีย์ทุกอย่าง แต่กลับลืมว่าฉันทำมากไป กลับกลายเป็นเรื่องร้าย”
“เธอคิดแบบนี้ก็ถูกแล้ว” นัทธีพยักหน้าอย่างอุ่นใจ จากนั้นก็ถามว่า “จริงด้วย เธอจะกลับมาเมื่อไหร่? ลูกชายกับลูกสาวิคดถึงเธอแล้ว”
“อ๋อ?” วารุณียิ้มอย่างตลก “มีแค่อารัณกับไอริณที่คิดถึงฉันเหรอ นายไม่คิดถึงฉันเหรอ?”
“ฉันคิดถึงอยู่แล้ว” นัทธีเงยหน้าขึ้นแล้วตอบกลับ
รอยยิ้มของวารุณีสดใส “ฉันคิดว่านายจะพูดว่าไม่คิดถึงซะอีก เอาเถอะ ฉันกลับมาพรุ่งนี้”
“อื้ม ฉันไปรับเธอที่สนามบินพรุ่งนี้” นัทธีได้ยินว่าเธอกลับมาพรุ่งนี้ ยิ้มโค้งขึ้นที่มุมปาก ชัดเจนเลยว่าดีใจมาก
วารุณีพยักหน้า “โอเค รอให้พรุ่งนี้ฉันขึ้นเครื่องแล้วโทรหานาย ตอนนี้ฉันวางก่อนนะ ลาก่อน”
วางโทรศัพท์ลง เธอมองไปทางรพีที่อยู่ข้างหน้า “ขอโทษจริงๆ ที่สงสัยตัวตนของคุณ คุณรพี ฉันถามสามีของฉันแล้ว คุณคือประธานของคณานิสรณ์กรุ๊ปจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับคุณหญิงไชยรัตน์? ไขข้องความเข้าใจผิดกันก็ดีแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้คุณเชื่อแล้วว่า ผมไม่มีเป้าหมายใดๆ กับปาจรีย์ใช่ไหมครับ? ” รพีประสามสิบนิ้วเข้าหากันแล้ววางไว้ใต้คาง ยิ้มแฉ่งแล้วมองเขา
วารุณีส่ายหัว “ไม่ ฉันก็ยังไม่เชื่อ แต่ว่าฉันจะลองเชื่อดู เชื่อว่าคุณชอบปาจรีย์จริงๆ อยากจะจีบปาจรีย์ แต่ไม่ได้มีเป้าหมายอื่นที่พุ่งมาทางปาจรีย์ ดังนั้นฉันหวังว่าคุณรพีจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังในท้ายที่สุด และไม่ทำให้ปาจรีย์เสียใจ เธอเสียใจมามากพอแล้ว”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ รพีเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า สีหน้าดูจริงจังขึ้นมา “วางใจเถอะครับคุณหญิงไชยรัตน์? แน่นอนอยู่แล่วครับ”
“งั้นก็ดี” วารุณีเบ้ปาก “ขอแค่คุณรักปาจรีย์จริงๆ ถึงแม้ว่าคุณจะมีเป้าหมาย ฉันก็สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่ว่าหากคุณไม่รักปาจรีย์ หลอกใช้ความรู้สึกของปาจรีย์ไปทำสิ่งอื่น หากฉันรู้แล้ว ไม่ปล่อยคุณไปแน่”
เธอหรี่ดวงตาทรงฟีนิกซ์ และมองเขาด้วยความตักเตือน
รพียิ้มแล้วพยักหน้า “ครับ งั้นก็ต้องรบกวนคุณหญิงไชยรัตน์มาจับตาเฝ้าดูผมแล้ว”
วารุณีฮื้มกลับ “คุณวางใจได้ ฉันจะจับตาเฝ้าดูคุณ ดังนั้นดีสุดคือคุณอย่าให้ฉันจับอะไรที่ผิดปกติได้”