นัยน์ตาของฮองเฮาสั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา
ยิ่งมองไปที่ร่างบอบบางของเด็กสาวที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น นางก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
สำหรับสิบสี่แล้ว ฮองเฮารู้ดีว่า นางไม่อาจสนิทใจต่อเด็กสาวได้ เพราะถึงอย่างไรมารดาของสิบสี่ก็คือเฉินเหม่ยเหรินที่ทำร้ายองค์หญิงฝูชิงมาแล้วหลายครั้ง
แต่ตั้งแต่สิบสี่ไปน้อมทักไทเฮาเป็นเพื่อนฝูชิงทุกวัน และมาให้นางเห็นหน้าบ่อยครั้งเข้า นางจะไม่โปรดปรานเด็กฉลาดและรู้ความอย่างสิบสี่ได้อย่างไร
นางอยากให้เด็กคนนี้มีอนาคตที่ดี
เดิมทีนางตั้งใจว่าจะให้ฝูชิงแต่งงานกับพี่ชายของพระชายาเยี่ยนอ๋อง บุรุษรูปงามผู้นั้น แต่เพราะนางรับเยี่ยนอ๋องมาเป็นโอรส การจะทำเช่นนั้นคงไม่เหมาะ
ในตอนนั้นนางจึงวางแผนไว้ว่า รอให้เรื่องงานแต่งงานของฝูชิงเรียบร้อยก่อน นางก็จะจับคู่สิบสี่กับตงผิงปั๋วซื่อจื่อ
แต่ผู้ใดจะรู้ว่า…
ฮองเฮาพยายามกุมสติให้มั่นแล้วหันไปสั่งการ ด้านหนึ่งคือส่งคนไปรายงานจิ่งหมิงฮ่องเต้ ส่วนอีกด้านคือส่งคนไปเชิญเยี่ยนอ๋องและพระชายาเข้ามาที่วังหลวง
เยี่ยนอ๋องใช้วิธีนี้ช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์โอรสของอดีตไท่จื่อได้ แต่เหตุใดนางที่ใช้วิธีเดียวกันจึงไม่เป็นผล
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้เยี่ยนอ๋องเข้ามาลองอีกสักที ถือว่านางได้ทำเพื่อสิบสี่อย่างสุดความสามารถแล้ว
ฮองเฮาไม่กล้าจินตนาการว่าหากองค์หญิงฝูชิงฟื้นขึ้นมาและรู้ว่าองค์หญิงสิบสี่ไม่อยู่แล้ว นางจะเจ็บปวดเพียงใด
ฮองเฮามองไปที่ร่างไร้ลมหายใจขององค์หญิงสิบสี่พลางถอนหายใจ “พาองค์หญิงสิบสี่เข้าไปในห้องแล้วเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางเสียใหม่”
นางในรีบทำตามคำสั่งฮองเฮา
ฮองเฮาถึงได้เพิ่งมีเวลาถามเรื่องราวทั้งหมด
ฮองเฮากวาดสายตามองไปยังข้ารับใช้ในวังแล้วสีหน้าของนางก็เคร่งขรึมขึ้นทันที “ใครมาถึงทะเลสาบปี้ปัวเป็นคนแรก”
ข้าหลวงสองคนก้าวเท้าออกมาพลางตอบอย่างพร้อมเพรียง “บ่าวพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าสองคนมาถึงพร้อมกันอย่างนั้นรึ”
ข้าหลวงตอบรับพร้อมกันเป็นครั้งที่สอง
“ไหนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังซิ”
ข้าหลวงทั้งสองหันมาสบตากันก่อนที่หนึ่งในนั้นเป็นคนอธิบาย “ตอนนั้นกระหม่อมได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือขององค์หญิงสิบสี่จึงรีบวิ่งมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ…”
ฮองเฮาขมวดคิ้วพลางเอ่ยแทรกทันควัน “แน่ใจหรือว่าเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือขององค์หญิงสิบสี่”
ข้าหลวงผงกศีรษะรับพลางตอบ “กระหม่อมแน่ใจ เพราะว่า…เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นร้องว่า มีคนจะทำร้ายองค์หญิงฝูชิง ช่วยด้วย…”
ฮองเฮาตัวสั่นสะท้าน สีหน้าของนางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เจ้าไม่ได้ฟังพลาดไปใช่ไหม”
ข้าหลวงสั่นหัว “กระหม่อมมิได้ฟังพลาดพ่ะย่ะค่ะ คาดว่าคนอื่นๆ ที่วิ่งตามมาก็คงได้ยินเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาสอดส่ายสายตาไปรอบๆ คนอื่นๆ ล้วนพยักหน้าเห็นพ้อง
สีหน้าของฮองเฮาย่ำแย่เกินจะกล่าว แต่มิวายถามต่อ “มีอะไรอีกไหม”
ข้าหลวงอีกคนเอ่ยเสริม “ตอนที่พวกกระหม่อมมาถึง พวกกระหม่อมเห็นขันทีอีกคนกำลังวิ่งหนีไป ท่าทางน่าสงสัย แต่เพราะองค์หญิงทั้งสองพระองค์กำลังจมน้ำ พวกกระหม่อมจำต้องกระโดดลงไปช่วยก่อนพ่ะย่ะค่ะ…”
ฮองเฮานิ่งเงียบในขณะที่ใบหน้าของนางเจือไปด้วยความโทสะ มือกำแน่นจนกระดูกลั่น
มีคนจะทำร้ายฝูชิงอีกแล้ว!
ใครกันที่โหดเหี้ยมอำมหิตหมายจะเอาชีวิตฝูชิงครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าสิบสี่ช่วยฝูชิงจนตัวเอง…
ใจของฮองเฮาสั่นรัว นางหันไปมองผิวน้ำสีเขียวมรกตของทะเลสาบปี้ปัวอย่างอดไม่ได้
ฝูชิงและสิบสี่กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใดอยู่กันนะ คงต้องรอให้ฝูชิงฟื้นก่อนถึงจะได้คำตอบ
“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ห้ามไปไหนทั้งนั้น และห้ามผู้ใดแตะต้องจุดเกิดเหตุเป็นอันขาด!” ฮองเฮาจัดแจงแล้วจึงรีบตรงไปที่ห้องบรรทมขององค์หญิงฝูชิงทันที
……
จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทรงพระอักษรกำลังสาละวนอยู่กับวิกฤตแล้งของบ้านเมือง
ขันทีสองคนยืนประกอบซ้ายขวาคอยไกวพัด เผื่อว่าลมเย็นจะช่วยปัดเป่าความกังวลใจของฮ่องเต้ได้
ห่างออกไปไม่ไกล จี๋เสียงกำลังนอนเยียดกายรับลมพลางเลียอุ้งเท้าของมันอย่างเกียจคร้านโดยมิได้รับรู้ความรู้สึกของเจ้าของเลยแม้แต่น้อย
พานไห่เข้ามาเติมน้ำชาเป็นระยะพลางคอยสอดส่องรอบๆ
ในตอนนั้น เสี่ยวเล่อจื่อเดินมายืนอยู่ที่หน้าประตูพลางส่งสายตาร้อนใจให้พานไห่
พานไห่เห็นท่าก็รีบเดินออกไปหาพลางกระซิบถาม “มีอะไร หากมิใช่เรื่องสำคัญก็อย่าเพิ่งรบกวนฝ่าบาท!”
ฝ่าบาททรงอารมณ์ไม่ดี ไม่ควรไปกระตุ้นอารมณ์ตอนนี้
เสี่ยวเล่อจื่อกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “ท่านอาจารย์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
เขากล่าวพลางดันตัวขันทีอีกคนออกมาข้างหน้า
ขันทีเอ่ยเสียงสั่น “ฮองเฮาให้มาทูลเชิญฝ่าบาทให้เสด็จไปบัดนี้เลย เนื่องจากองค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่ตกน้ำ…”
พานไห่พุ่งพรวดเข้าไปในห้องพร้อมกับสายลมที่แรงกว่าลมจากพัดของขันที จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างอดไม่ได้
“มีอะไร”
พานไห่ยิ้มเจื่อน “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งตกพระทัยไปนะพ่ะย่ะค่ะ…”
“อย่าเยิ่นเย้อ รีบพูดมา!” จิ่งหมิงฮ่องเต้รับรู้ได้ถึงลางร้ายจากท่าทีของพานไห่
ไอ้คนนี้ทำท่าแบบนี้ทีไรเป็นต้องมีเรื่องทุกที แม่นยิ่งกว่าหนังตากระตุกเสียอีก
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงทูลเชิญให้พระองค์เสด็จไปพ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าองค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พุ่งตัวออกไปไวยิ่งกว่าตอนพานไห่เดินเข้ามา
……
ณ ตำหนักคุนหนิง องค์หญิงฝูชิงค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง ภาพแรกที่ปรากฏผ่านเข้ามาในลานสายตาของนางคือภาพของฮองเฮาที่มองมาด้วยความห่วงหาอาทร
“เสด็จแม่…” องค์หญิงฝูชิงพูดด้วยเสียงในลำคอ
ฮองเฮาจับมือองค์หญิงฝูชิงไว้แน่นพลางเอ่ยเสียงสั่น “อาเฉวียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
องค์หญิงฝูชิงกะพริบตาพลางพยักหน้าแผ่วเบา แต่มือของนางกลับเกี่ยวรั้งมือของฮองเฮาไว้แน่น “เสด็จแม่ มีคนทำร้ายลูก!”
ในใจของฮองเฮาเหมือนมีเสียงสะเทือนเลือนลั่น นางรีบถาม “คนที่ทำร้ายเจ้าเป็นใคร”
แววตาขององค์หญิงฝูชิงแลดูสับสน “ขันทีผู้นั้นบอกว่าเขามาจากตำหนักฉือหนิง ตอนนั้นลูกและน้องสิบสี่กำลังเดินไปที่พระตำหนักคุนหนิง เขาก็วิ่งตามมาแล้วบอกว่าเสด็จย่ามีเรื่องจะตรัสกับลูก ให้ลูกกลับไป…”
องค์หญิงฝูชิงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฮองเฮาฟัง สุดท้ายนางขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เสด็จแม่ ลูกคิดว่าขันทีผู้นั้นต้องไม่ได้มาจากตำหนักฉือหนิง เขาเพียงแต่อ้างตัว หลังจากที่ลูกถูกปิดปาก ลูกก็จำอะไรไม่ได้เลยเพคะ…จริงสิ แล้วน้องสิบสี่ล่ะเพคะ”
สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อถูกถามเช่นนั้น
องค์หญิงฝูชิงมองไปที่ฮองเฮาแล้วรู้สึกร้อนใจ “ตอนนั้นลูกบอกให้น้องสิบสี่ไปกราบทูลเสด็จแม่ เสด็จแม่ถึงได้ส่งคนมาช่วยลูก...”
องค์หญิงฝูชิงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ไม่สิ หากเป็นเช่นนั้น เสด็จแม่ก็ต้องทราบ…เสด็จแม่ น้องสิบสี่ล่ะเพคะ น้องสิบสี่อยู่ไหนเพคะ”
ฮองเฮาเห็นท่าทีของบุตรสาว ใจของนางก็ว้าวุ่นเป็นทุกข์หนัก แต่กระนั้นสีหน้าของนางยังคงนิ่งเรียบ “สิบสี่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นางถึงได้วิ่งกลับไปช่วยเจ้า คาดว่านางน่าจะถูกผลักตกน้ำเช่นกัน…แต่เจ้าวางใจได้ ตอนนี้สิบสี่อยู่อีกห้องหนึ่ง หมอหลวงกำลังตรวจดูอาการของนาง”
องค์หญิงฝูชิงลุกพรวด “ลูกอยากไปดูน้องสิบสี่เพคะ”
ฮองเฮาพยายามรั้งตัวนางไว้ “เจ้าอาการหนักถึงขนาดนี้จะไปได้อย่างไร แค่นี้เรื่องก็ยุ่งมากพอแล้ว เจ้าอยากให้แม่เป็นห่วงด้วยอีกคนงั้นรึ”
“ฮ่องเต้เสด็จ…”
เมื่อฮองเฮาได้ยินเสียงนั้น นางรู้สึกราวกับว่าความทุกข์ทั้งหมดถูกปลดเปลื้องออกจากร่าง นางหันไปกำชับนางในให้ดูแลองค์หญิงฝูชิงให้ดีก่อนที่ตัวเองจะออกไปต้อนรับฮ่องเต้
“พวกนางทั้งสองเป็นอย่างไรบ้าง” จิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าฮองเฮา
ฮองเฮากล่าวเสียงเบา “ฝูชิงฟื้นแล้ว ส่วนสิบสี่…หมอหลวงแจ้งว่านางเสียชีวิตแล้วเพคะ…”
หน้าของจิ่งหมิงฮ่องเต้คล้ำหม่นโดยพลันก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “พาข้าไปหานาง!”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยืนนิ่งอยู่หน้าร่างองค์หญิงสิบสี่เนิ่นนานโดยมิได้เอื้อนเอ่ยคำใด
จากนั้นข้าหลวงก็เข้ามารายงาน “เยี่ยนอ๋องและพระชายาเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”