บทที่ 609 ขอลูกสักคน (1)
องค์หญิงซิ่นหยางกัดฟันกรอดตรัส “สามคำนี้อีกแล้ว! นอกจากจะพูดว่าข้าไม่เชื่อแล้ว เจ้าพูดคำอื่นไม่เป็นเลยรึ!”
เซวียนผิงโหวตั้งอกตั้งใจครุ่นคิดพลางเอ่ย “เจ้าปากแข็ง”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…!!” อีกแล้วรึ
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หากไม่โดนเขายั่วโมโหตาย ก็เป็นตัวเองนี่แหละที่จะอาเจียนตายไป
เหมือนว่าสองอย่างนี้จะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
องค์หญิงซิ่นหยางเดินหนีไปอย่างโมโห
นางมาหาลูกชายจริงๆ แต่ดันถูกเซวียนผิงโหวยั่วโมโหจนเลอะเลือน แม้แต่ตัวเองมาทำอะไรที่นี่ก็ลืมไปเสียสิ้น คิดแต่จะอยากอยู่ให้ห่างคนผู้นี้ นางหันหลังกลับหมายจะขึ้นรถม้ากลับถนนใหญ่จูเชวี่ย
เซวียนผิงโหวมองเงาหลังนางไกลออกไป เดาะลิ้นพลางเอ่ย “ยังมาบอกว่าไม่ได้มาหาข้าอีกแหน่ะ”
…
คดีฆาตกรรมเหล่าเหลียงอ๋อง และการตายของเหล่าเหลียงอ๋องเฟยเรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยจากทั้งเมืองหลวงและเมืองผิงเล่อ ว่ากันว่าเหล่าเหลียงอ๋องถูกฆ่าเพราะความแค้น พอนึกถึงตอนที่คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ได้รับเสียงวิจารณ์ในทิศทางที่ดี นิสัยก็อ่อนโยน และยังใจบุญสุนทาน จะไปมีศัตรูอาฆาตได้อย่างไร
ส่วนการวายชนของเหล่าเหลียงอ๋องเฟยยิ่งมีลับลมคมในเข้าไปใหญ่ นึกไม่ถึงว่าจะถูกฟ้าผ่าตาย
โบราณมีความเชื่องมงายกันมาก คนเราต้องทำบาปมหันต์เพียงใดจึงได้โดนฟ้าผ่าเช่นนี้ได้
“คงไม่ใช่เหล่าเหลียงอ๋องเฟยฆ่าเหล่าเหลียงอ๋องเองหรอกกระมัง”
ณ โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง มีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ขึ้นมา
หนุ่มน้อยคนหนึ่งเอ่ย “เหล่าเหลียงอ๋องเฟยรึ จะให้เล่าจากตรงไหนดีล่ะ”
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนเอ่ย “เจ้าไม่เคยแต่งงานหรือไร มีสามีภรรยามากมายที่มองผิวเผินรักใคร่กันดี แต่ในที่ลับกลับกลายเป็นศัตรูกันไปนานแล้ว ข้าว่านะ บนโลกนี้คนที่อยากให้ข้าตายที่สุด ย่อมเป็นยายแก่บ้านข้าแน่ๆ !”
สำหรับประโยคดังกล่าว ผู้คนในโรงน้ำชาจำนวนไม่น้อยรู้ซึ้งดีเหมือนโดนเสียเอง โดยเฉพาะสตรีที่มาซื้อใบชาให้สามี นางอยากจะทุบไอ้แก่บ้านตัวเองให้ตายอยู่เมื่อทุกเชื่อวันจริงๆ
แต่อีกนัยหนึ่งนั้น โมโหมันก็ส่วนโมโห แต่ให้ไปทำจริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากเหล่าเหลียงอ๋องบีบคั้นให้เหล่าเหลียงอ๋องเฟยลงมือฆ่าเขาจริง อย่างน้อยๆ เหล่าเหลียงอ๋องก็ต้องทำเรื่องที่ทำให้นางทนไม่ไหวสิ
บัณฑิตอายุกว่าสามสิบปีที่น่าสังเวชคนหนึ่งถือไหสุราเดินมาหาอย่างเมากรึ่ม ก่อนจะนั่งลงริมโต๊ะพวกเขา “นี่ ข้าได้ยินมาว่า เหล่าเหลียงอ๋องรักลูกสายรอง อยากจะถอดตำแหน่งอ๋องของลูกชายคนโต แล้วให้สายรองมาเป็นเหลียงอ๋องแทน”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ” หนุ่มน้อยคนเมื่อครู่ถามขึ้น
บัณฑิตดื่มสุราไปอึกหนึ่ง แล้วล้วงพัดด้ามจิ๋วออกมาพัดไปมา ก่อนจะเล่าเป็นตุเป็นตะ “เหล่าเหลียงอ๋องไม่ลงรอยกันกับภรรยาคนแรก เพื่อคนนอกเพียงคนเดียว เขาถึงขนาดทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกชายคนโตเชียวนะ ทุกคนยังจำองค์หญิงซิ่นหยางได้หรือไม่ ตอนเด็กๆ นางเคยอาศัยอยู่ในจวนเหลียงอ๋อง ก็เพราะลูกชายคนโตคนนั้นนั่นแหละทะเลาะกันกับนาง เหล่าเหลียงอ๋องจึงซ้อมลูกชายคนโตจนปางตาย เหล่าเหลียงอ๋องเฟยจะไม่แค้นได้อย่างไร จะไม่อาฆาตได้หรือ นี่เขากำลังออกหน้าให้องค์หญิงซิ่นหยางใช่หรือไม่ ไม่ใช่! เขากำลังตบหน้าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยอยู่ต่างหาก!”
“จริงหรือนี่” ชายวัยกลางคนถามขึ้น
บัณฑิตเก็บพัดด้ามจิ้วไป เอ่ยด้วยสีหน้จริงจัง “จริงแท้แน่นอน! หลายปีมานี้หากมิใช่เพราะเหล่าเหลียงอ๋องเฟยปกป้องเขามาตลอด สองคนแม่ลูกไม่รู้ว่าจะตายไปกี่หนแล้ว!”
หนุ่มน้อยถาม “เช่นนั้นเหล่าเหลียงอ๋องจะยังใช่คนดีอยู่อีกหรือ”
บัณฑิตเอ่ย “เป็นคนดีสิ แต่ไม่ใช่บุรุษที่ดี เขาโปรดปรานอนุและคิดจะกำจัดภรรยานะ! เมื่อสิบปีก่อนก็ล้มป่วยหนัก ป่วยใกล้ตายแล้วยังจะคิดหาวิธีมอบตำแหน่งอ๋องให้ลูกชายสายรองของตัวเองอีก ข้ายังได้ยินมาอีกว่า เขาอาศัยตอนที่เหล่าเหลียงอ๋องเฟยพาลูกชายคนโตเข้าเมืองหลวง แอบเรียกพ่อบ้านในจวนมาหา ให้พ่อบ้านเขียนจดหมายแทนฉบับหนึ่ง เพื่อจะยื่นกราบทูลถอดถอนตำแหน่งอ๋องของลูกชายคนโต ให้ลูกชายคนรองเป็นเหลียงอ๋องแทน เหล่าเหลียงอ๋องเฟยบังเอิญทราบเรื่องนี้เข้าก็อับอายกลายเป็นโกรธ จึงได้ฆ่าเขา!”
พ่อค้าวัยกลางคนอีกคนเอ่ย “พูดเช่นนี้ก็เหมือนว่าจะถูกนะ หากไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับจวนเหลียงอ๋องเป็นอย่างดีลงมือ เหตุใดจึงตรวจสอบร่องรอยใดๆ ไม่เจอเลยเล่า”
คนข้างๆ รีบเออออขึ้น “ก็นั่นน่ะสิ!”
ข้างล่างโรงน้ำชาผู้คนพลุกพล่าน เรื่องของเหล่าเหลียงอ๋องยิ่งลือยิ่งห่างไกลความเป็นจริง จี้จิ่วอาวุโสที่อยู่ชั้นบนกำลังจะส่งบทให้นักเล่าเรื่องพลันชะงักค้างไปแล้ว
จินตนาการของพวกเจ้าช่างล้ำเลิศจริงๆ แต่งได้เก่งเสียยิ่งกว่าข้าอีก!
เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าบทของตัวเองหน่อมแน้มไปทันที
นักเล่าเรื่องคว้าอีกด้านของบทนิทานเอาไว้ ดึงอยู่นานก็ดึงไม่ได้ จึงยิ้มแหยๆ เอ่ย “ท่านผู้เฒ่าท่านนี้ นิทานเล่มนี้จะขายหรือไม่”
จี้จิ่วอาวุโสดึงเกร็ดประวัติเหล่าเหลียงอ๋องในมือกลับไปอย่างรวดเร็ว “มะ…ไม่ขายแล้ว!”
ให้พวกสอดรู้สอดเห็น สนใจเรื่องชาวบ้านได้เปิดความคิดสร้างสรรค์พิสดารๆ แย่งงานเขาไปแล้วกัน!
…
เนื่องจากไร้หลักฐาน คดีของเหล่าเหลียงอ๋องจึงจบลงทั้งอย่างนั้น
พูดให้เข้าใจก็คือในพระทัยของฮ่องเต้ค่อนข้างเชื่อคำวิพากษ์วิจารณ์ปั้นน้ำเป็นตัวของพวกชาวบ้านไปแล้ว
คนเราหากไม่ได้ทำเรื่องน่าละอาย จะโดนฟ้าผ่าตายได้อย่างไร
ไม่แน่ว่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยอาจจะเป็นคนทำจริงๆ ก็ได้
ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ตรวจสอบภายในจวนเหลียงอ๋องให้หมด ไม่ตรวจสอบก็แล้วไป พอตรวจดู เรื่องอื้อฉาวหลายปีมานี้ของเหล่าเหลียงอ๋องอย่างการรับสินบน สมคบคิดกับขุนนางท้องถิ่น แอบทำเหมืองโดยพลการ ข่มขืนสตรีและปล้นสะดมชาวบ้านก็ถูกรื้อออกมาหมด
ยามนี้ดีนัก จะต้องอับอายไปอีกหลายพันปีแน่
ฮ่องเต้ยึดจวนเหลียงอ๋อง ทายาทลูกหลานของเหล่าเหลียงอ๋องล้วนถูกถอดถอนเป็นสามัญชน ตั้งแต่นี้ไปไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์อีก
วันนี้กู้เจียวกำลังตากสมุนไพรในลานบ้าน พวกขุนนางทหารพาคู่สามีภรรยาอายุยี่สิบกว่าๆ มาหาถึงบ้าน
ขุนนางทหารมาจากศาลาว่าการเมืองผิงเล่อ คนที่นำหน้าสุดคำนับให้กู้เจียว “ไม่ทราบว่าใช่บ้านของหมอกู้หรือไม่”
“ใช่ พวกเจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรรึ” กู้เจียวหยุดตากยา
ขุนนางทหารคนหน้าสุดรีบเอ่ย “หมอกู้ ข้าน้อยแซ่หลิว หมอกู้เรียกข้าน้อยว่าหลิวเฉวียนก็ได้”
หลิวเฉวียนอีกคนแล้ว
“ใครเรียกข้ารึ” หลิวเฉวียนถือทัพพีเดินออกมาจากประตูเชื่อมบ้านข้างๆ ที่เพิ่งทำใหม่
กู้เจียวหันกลับมาเอ่ย “ไม่ใช่หรอก ท่านลุงหลิว แค่ชื่อเหมือนกัน เขาก็ชื่อหลิวเฉวียนเช่นกัน”
“อ้อ” หลิวเฉวียนเคยชินแล้ว ชื่อนี้มีดาษดื่นไปหมด หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าจะคนชื่อซ้ำกันไปแล้วเท่าใด
เขากลับไปทำกับข้าวต่อ
อาจเพราะการเข้าใจผิดเรื่องชื่อนี้ ขุนนางหลิวเฉวียนจึงรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาหลายส่วน เขาแย้มยิ้ม พาสองสามีภรรยาด้านหลังเขามา ก่อนเอ่ย “พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้านซีสุ่ย พวกเขามาแจ้งความที่ศาลาว่าการว่าลูกของพวกเขาหายไป พวกเขาถามสถานการณ์ของลูกแล้ว เหมือนกับเด็กที่เซวียนผิงโหวกับใต้เท้าเซียวช่วยออกมาจากบ่อน้ำมาก ทางศาลาว่าการบันทึกไว้ว่าเด็กถูกอุ้มกลับมาที่ตรอกปี้สุ่ย ให้หมอกู้รักษาตัวอยู่”
กู้เจียวพยักหน้า “ข้ากำลังรักษาอยู่ แต่ทางพวกข้าคนไม่พอ หลังจากเขาหายดีแล้วจึงอุ้มไปให้ทางองค์หญิงซิ่นหยางแล้ว พวกเจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะให้คนไปทูลองค์หญิงซิ่นหยางให้”
ได้ยินมาถึงตรงนี้ สองสามีภรรยาก็แทบจะคุกเข่าให้
ลูกชายของพวกเขาถูกอุ้มมาให้องค์หญิงเลี้ยงหรือ
องค์หญิงรึ
องค์หญิง!
สวรรค์!
ควันเขียวผุดจากหลุมศพบรรพบุรุษ[1]พวกเขาแล้วหรือนี่
[1] ควันเขียวผุดจากหลุมศพบรรพบุรุษ หมายถึง บรรพบุรุษขึ้นสวรรค์เป็นเซียน ย่อมอวยพรลูกหลานให้โชคดี