บทที่ 609-2 ขอลูกสักคน (2)
สองสามีภรรยาอายุไม่ได้มาก แต่สมัยโบราณแต่งงานกันเร็ว ด้วยเหตุนี้ทายาทของทั้งคู่จึงมีห้าคนแล้ว ทารกคนนั้นเป็นคนสุดท้อง
เหตุใดจึงทิ้งเด็กไว้ในหมู่บ้าน ไม่ได้หักใจทอดทิ้ง แต่พวกเขาพลาดเองต่างหากเล่า
สตรีออกเรือนโทษตัวเองเล่าต้นสายปลายเหตุให้กู้เจียวฟัง “วันนั้นคนในศาลาว่าการมาอย่างเร่งด่วนมาก บอกว่าจะมีพายุฝนหนัก อาจจะมีภูเขาถล่ม และอะไรนะน้ำท่วม…”
ดินโคลนถล่มต่างหาก แต่ก็ช่างเถิด ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย
กู้เจียวฟังนางเล่าต่ออย่างใจเย็น
“บอกว่าให้รีบอพยพ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
นกพิราบสื่อสารมาถึงหอส่งสารตอนเที่ยงวันนั้น หอส่งสารไปรายงานศาลาว่าการท้องถิ่น บอกว่าคืนวันที่สองจะเกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้น ให้รีบพาชาวบ้านอพยพ
คนในศาลาว่าการอันที่จริงไม่ค่อยจะเชื่อว่าจะเกิดภัยพิบัติจริงๆ แต่เพราะฮ่องเต้ทรงรับสั่ง จึงไม่กล้าชักช้า
ขุนนางไปที่หมู่บ้านตอนบ่ายให้ชาวบ้านอพยพ ตอนนั้นพายุฝนกระหน่ำลงมาแล้ว
พวกชาวบ้านแรกๆ ไม่ยอมไป โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ที่อายุมากแล้ว บอกว่ายอมตายอยู่ที่นี่ดีกว่าย้ายออกไป
ขุนนางใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง สุดท้ายเกลี้ยกล่อมชาวบ้านทั้งหมู่บ้านให้อพยพได้ในตอนกลางดึก
ฟ้ามืดลง ฝนเทกระหน่ำไม่ขาดสาย พวกขุนนางคุ้มกันชาวบ้านให้อพยพกันตลอดทั้งคืน
ตอนนั้นลูกชายพวกเขานอนด้วยกันกับแตงลูกใหญ่ พวกเขาอุ้มแตงไป ทิ้งลูกชายไว้…
“ก็เพราะ…ก็เพรามันวุ่นวายมาก…อุ้มขึ้นมาวางไว้ในตะกร้า ก็นึกว่าลูกชาย…พวกเราทั้งครอบครัวตั้งแต่หัวหงอกหัวดำ มีทั้งหมดสามบ้าน หลังจากถึงที่ปลอดภัยแล้วแต่ละบ้านก็แยกย้ายกัน ตะกร้าถูกปู่ย่าของเด็กๆ หิ้วไป พวกเราก็นึกว่าเด็กมากับพวกปู่ย่า ปู่ย่าก็นึกว่าเด็กมาด้วยกันกับพวกเรา…พอหลังจากนั้นข้าบอกว่าให้อุ้มลูกมา ปู่ย่าอายุมากแล้ว…ไปถึงจึงได้รู้…”
สตรีออกเรือนเล่ามาถึงตรงนี้ก็ร้องห่มร้องไห้ไปนานแล้ว
กู้เจียวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เจอพ่อแม่เลอะเลือนกันเช่นนี้ ก็โชคดีนักที่เด็กดวงแข็ง
เด็กคนนั้นน่าจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่บ้านหายไป คลานไปหาคนรอบๆ แล้ว สุดท้ายไม่ระวังคลานไปบนฝาบ่อน้ำ
เด็กหนึ่งขวบสามารถยืนได้แล้ว เดินก็เดินได้ไม่กี่ก้าว ทั้งปากบ่อก็ไม่สูง ปีนขึ้นไปไม่ได้ยาก
องครักษ์ลับรวดเร็วมาก เพียงไม่นานก็ไปทูลองค์หญิงซิ่นหยางแล้ว
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะพาอวี้จิ่นกับเด็กมาหาด้วยพระองค์เอง
เด็กถูกอวี้จิ่นอุ้มอยู่ในอก
“ท่านนี้คือองค์หญิงซิ่นหยาง” กู้เจียวแนะนำ
คนทั้งคณะรีบคำนับให้องค์หญิงซิ่นหยาง
สองสามีภรรยามองเด็กในอ้อมแขนอวี้จิ่น ก่อนจะรีบโผเข้าไปหาอย่างดีอกดีใจ
องค์หญิงซิ่นหยางถามทั้งคู่ว่าเกิดอะไรขึ้น สีพระพักตร์ค่อนข้างเรียบนิ่ง “แน่ใจหรือไม่ว่าเป็นลูกของพวกเจ้า ลูกพวกเจ้าหน้าตาเป็นเช่นไร”
สองสามีภรรยาบอกลักษณะพิเศษของลูกให้ฟังสองสามอย่าง รวมถึงนิ้วเท้าของเขาแน่นกว่าทารกปกติด้วย
อวี้จิ่นพยักหน้าให้องค์หญิงซิ่นหยาง ไม่ผิดเลยสักอย่าง
องค์หญิงซิ่นหยางดูแลเด็กน้อยมาหลายวัน ย่อมรู้ว่าที่พวกเขาบอกมาล้วนถูกต้องทั้งหมด ถึงขนาดไม่ต้องถามให้มากความด้วยซ้ำ แววตามารดาที่มองลูกนั้นเสแสร้งแกล้งทำไม่ได้หรอก
องค์หญิงซิ่นหยางสีพระพักตร์เรียบนิ่งมองสองสามีภรรยาขอบตาแดงก่ำ ตรัสโดยปราศจากโทสะ “ต่อไปนี้ก็อย่าสะเพร่าเช่นนี้อีก ลูกตัวเองยังอุ้มผิดได้ ซ้ำยังตกบ่อน้ำ ทั้งยังเป็นโรคปอดอักเสบ หากไม่มีใครไปหมู่บ้านพวกเจ้าจะทำเช่นไร ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของเขา ไม่มีผู้ใดรักษาโรคให้เขา พวกเจ้า…”
ตรัสได้ครึ่งทาง องค์หญิงซิ่นหยางก็คล้ายรู้ตัวว่าตัวเองผสมอารมณ์ลงไปด้วย นางหยุดไว้ได้ทัน สุดท้ายมองเด็กคนนั้นแวบหนึ่ง ข่มใจอดกลั้นเอาไว้ไม่ยื่นมือไปอุ้ม ทำเพียงเอ่ยกับอวี้จิ่น “อุ้มไปเถิด”
“เพคะ” อวี้จิ่นขานรับ อุ้มเด็กเดินไปหาสตรีนอกเรือน
ยามนี้เด็กน้อยกำลังหลับ จึงไร้ปฏิกิริยาใด
องค์หญิงซิ่นหยางมองเด็กน้อยอยู่นานโดยไม่เป็นที่สังเกตเห็นได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าวาดหวังให้เขาตื่นขึ้นมาหรือไม่
สองสามีภรรยาได้ลูกกลับคืนมาก็ซาบซึ้งใจจนร่ำไห้ หลังจากขอบคุณคราแล้วคราเล่าก็อุ้มลูกจากไปโดยมีขุนนางนำออกไป
กู้เจียวตากสมุนไพรต่อ อวี้จิ่นช่วยนาง
องค์หญิงซิ่นหยางไปดูลูกชาย
อันที่จริงเซวียนผิงโหวกับเซียวเหิงเป็นคนช่วยเด็กกลับมา สองสามีภรรยาอยากขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างมาก จนใจที่พวกเขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้ จึงอยู่แต่ในห้องไม่ออกมา
องค์หญิงซิ่นหยางเพิ่งจะเข้าห้องโถงมา ก็เห็นรถเข็นเซวียนผิงโหวขวางอยู่ตรงหน้านาง
องค์หญิงซิ่นหยางเดี๋ยวนี้แค่เห็นคนผู้นี้ก็มีน้ำโหขึ้นมาแล้ว ไม่อยากพบเขาเป็นที่สุด
เซวียนผิงโหวเลิกคิ้วคมเอ่ย “เป็นอะไรไปรึ อาลัยอาวรณ์เด็กคนนั้นหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางคร้านจะสนใจเขา เดินตรงไปต่อ
ดวงตาเซวียนผิงโหวมองตามนางไป พลางเอ่ย “อยากได้ลูก เจ้าก็คลอดอีกสักคนสิ”
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงเฮอะ ตรัส “คลอดกับใครเล่า เจ้ารึ”
เซวียนผิงโหวเอ่ยโดยไม่เขินไม่อายสักนิด “ยามนี้ข้าไม่ได้สนใจอะไรเจ้ามากมาย เจ้าอยากมีลูกกับข้าเกรงว่าจะไม่ได้ง่ายเพียงนั้น”
ใครอยากจะมีลูกกับเจ้ากัน!
นั่นข้าประชดต่างหาก!
ประชดน่ะเจ้าเข้าใจหรือไม่!
องค์หญิงซิ่นหยางสูดหายใจลึก นางเป็นองค์หญิง นางไม่อยากเสียกิริยา นางต้องสงบนิ่ง เขาเป็นคนบ้า เขากำลังผายลม
องค์หญิงซิ่นหยางเดินไปข้างหน้าไม่แม้แต่หันมามอง
เซวียนผิงโหวยืดขาที่เข้าเฝือกของเขาเหยียดยาวอย่างชั่วร้าย
อ๊ะ ขวางข้ารึ
องค์หญิงซิ่นหยาง “…!!”
องค์หญิงซิ่นหยางโมโหขึ้นมาทันควัน บังเอิญบนโต๊ะข้างๆ เซวียนผิงโหวมีกระเป๋ายาใบน้อยของกู้เจียววางอยู่ นางจึงคว้ากระเป๋ายาน้อยโยนใส่เซวียนผิงโหว!
เซวียนผิงโหวยกแขนเข้าเฝือกขึ้นสองข้าง หนีบกระเป๋ายาใบน้อยเอาไว้อย่างมั่นคง
อ๊ะ ขวางข้าอีกแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางอยากดึงกระเป๋าใบน้อยออกมา ดึงอยู่สองทีก็ไม่ขยับ
เซวียนผิงโหวลำพองใจใหญ่
องค์หญิงซิ่นหยางโมโหจนเตะเขาไปที!
ทั่วทั้งร่างเซวียนผิงโหวแม้แต่ลำคอก็ใส่เฝือก นางหาตำแหน่งเหมาะๆ เตะไม่ได้
ทันใดนั้น สายตานางก็ไปตกอยู่ตรงที่บางอย่างซึ่งพูดออกมาโต้งๆ ไม่ได้
เซวียนผิงโหวใจพลันกระตุก รีบเอากระเป๋ายาใบน้อยมาบังไว้ทันที!
องค์หญิงซิ่นหยางจึงเตะเข้ากระเป๋ายาใบน้อยไปเต็มๆ เปา ยาด้านในหกกระเด็นออกมา
องค์หญิงซิ่นหยางคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สีหน้านางพลันเปลี่ยน รีบนั่งย่อตัวลงเก็บ
ยาพวกนี้ล้ำค่ามาก นางจะมาทำเสียของไม่ได้
ยากระเด็นเต็มตัวเซวียนผิงโหว องค์หญิงซิ่นหยางจำต้องลูบๆ คลำๆ เก็บยาที่อยู่บนตัวเขาทีละอัน
เซวียนผิงโหวมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างมีเหตุผลถูกต้อง “ฉินเฟิงหว่าน เจ้าอย่าใช้วิธีเช่นนี้มาแต๊ะอั๋งข้าจะได้หรือไม่”
องค์หญิงซิ่นหยาง ขอมีดข้าที ข้าฆ่าเขาได้ตอนนี้เลย!
หลังจากที่นางเก็บกระเป๋ายาใบน้อยแล้ว ก็ลุกขึ้นมากดตามองต่ำไปยังเซวียนผิงโหว สุดท้ายก็ตัดสินใจจะไม่ลดตัวไปขุ่นเคืองกับคนพรรค์นี้!
กู้เจียวตากสมุนไพรเสร็จกลับมาถึงห้องโถง เซวียนผิงโหวกับองค์หญิงซิ่นหยางก็ไม่อยู่แล้ว นางหยิบกระเป๋ายาใบน้อยกลับไปที่ห้องตะวันออกเพื่อจัดยา
จากนั้นนางก็พบว่ามีบางอย่างแปลกไป
“ขวดสีฟ้าพวกนี้มันยาอะไร”
ดูเหมือนจะเป็นยาน้ำแคลเซียมกลูโคเนตที่นางเคยให้เสี่ยวจิ้งคงกินเลย ทว่าเมื่อนางหยิบขึ้นมาดูแล้ว เกือบจะเขวี้ยงกระเป๋ายาใบน้อยทิ้ง!
ยาหลอนประสาทหมายเลขหนึ่ง!
นี่มัน…ยาพรรค์นั้นที่ผลิตโดยสถาบันวิจัย โบราณเรียกว่ายาปลุกกำหนัด!
ทั่วทั้งรุ่นยาหลอนประสาทล้วนเป็นยาพรรค์นั้นหมด แต่หมายเลขหนึ่งให้ผลลัพธ์สุดยอดที่สุด!
“ใครต้องการของพรรค์นี้กัน”
“ขะขะขะ…ข้าผลักสามีข้าลงเตียงยังต้องใช้เจ้านี่อีกรึ!”
“หากยังเป็นเฒ่าหัวงูอีก ข้าจะเผาเจ้าซะ!”
ลมราตรีพัดผ่าน กระเป๋ายาใบน้อยแน่นิ่ง
*************************