ตอนที่ 1519 แย่งตัว (1) / ตอนที่ 1520 แย่งตัว (2)
ตอนที่ 1519 แย่งตัว (1)
สิ่งที่สิบสองตำหนักคิด จวินอู๋เสียไม่ได้ใส่ใจมากนัก
จวินอู๋เสียยังคงแสดงความโดดเด่นเป็นเป้าสายตาของผู้คนทุกวันที่สนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด ตลอดหลายวันที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ดำเนินไป นางได้ผ่านเข้ารอบโดยไม่มีความหวาดหวั่นผู้ตัดสินเลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกัน สถานการณ์อีกด้านของพวกเฉียวฉู่ก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่สามารถบรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นนั้นหายากมากแม้แต่ในสามโลกชั้นกลาง
อาจเป็นเพราะคำเตือนของซูจิ่งเหยียนที่สร้างความกดดันให้กับสิบสองตำหนัก หลังจากนั้นจวินอู๋เสียก็ไม่รู้สึกว่ามีคนจากสิบสองตำหนักตามนางเลย
ผู้เยาว์ทั้งหลายต่างพยายามดิ้นรนแย่งชิงกันเพื่อให้ผ่านเข้ารอบ จวินอู๋เสียกับพวกของเฉียวฉู่ผ่านเข้ารอบไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศในที่สุด
ในวันสุดท้ายของงานชุมนุมเทพยุทธ์เป็นวันตัดสินผลการแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผลการแข่งขันงานชุมนุมเทพยุทธ์จะไม่จัดอันดับผู้ชนะเป็นรายบุคคลว่าเป็นที่หนึ่งหรือที่สอง แต่จะรวบรวมสิบอันดับแรกเข้าด้วยกันเป็นกลุ่ม และพวกเขาจะถูกเลือกโดยคนจากสิบสองตำหนัก
หลังจากจวินอู๋เสียเข้ารอบเป็นสิบอันดับแรกได้สำเร็จ จำนวนคนในสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดก็เบาบางลงมาก ตลอดการแข่งขันที่มีทั้งเข้ารอบและตกรอบมากมาย ผู้เยาว์ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะจากไป สำหรับคนที่ตกรอบก่อนจบการแข่งขัน ถ้าพวกเขาได้รับความสนใจจากคนของสิบสองตำหนัก พวกเขาก็จะได้รับคำเชิญในวันเดียวกับที่ตกรอบ ทำให้พวกเขาสามารถอยู่บนภูเขาฝูเหยาต่อได้ สำหรับคนที่ตกรอบและไม่ได้รับคำเชิญใดๆ พวกเขาก็ทำได้แค่เก็บข้าวของและจากไป
บนยอดเขาฝูเหยาที่ตอนแรกคึกคักวุ่นวาย ในตอนนี้เหลือคนอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น เทียบกับทะเลผู้คนที่ไม่มีที่สิ้นสุดในช่วงเริ่มการแข่งขันแล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกหนาวเย็นและน่าหดหู่เล็กน้อย
ในฐานะหนึ่งในผู้ชนะรอบสุดท้ายของการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด จวินอู๋เสียกับผู้เยาว์อีกเก้าคนยืนหยัดอยู่จนจบ เมื่อการแข่งจบลง อีกเก้าคนแทบจะน้ำตาไหลด้วยความดีใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ตราบใดที่อยู่ในสิบอันดับแรกของการแข่งต่างๆ ก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้รับคำเชิญจากสิบสองตำหนัก นั่นหมายความว่าเส้นทางที่นำไปสู่อนาคตของพวกเขาจะราบรื่นและกว้างขวางกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด
จวินอู๋เสียยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่แยแส ไม่มีความรู้สึกใดๆ บนใบหน้าเนียนใสนั่นเลยแม้แต่น้อย เทียบกับอีกเก้าคนที่เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจแล้ว ความเฉยเมยของนางทำให้ผู้คนประหลาดใจเล็กน้อย
ภายในสถานที่กว้างใหญ่ของสนามแข่งขัน ศิษย์ที่ได้รับคำเชิญจากสิบสองตำหนักแล้วมองคนทั้งสิบด้วยความอิจฉา แม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำเชิญจากสิบสองตำหนัก แต่คุณค่าของการได้เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนตกรอบอย่างพวกเขาจะหวังเทียบได้เลย พวกเขาออกจากสนามแข่งไปอย่างเงียบๆ ด้วยความอิจฉาอย่างท่วมท้น
ทั้งสนามแข่งเหลือเพียงผู้เยาว์สิบคนเท่านั้น
งานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งนี้กินเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดก็เปิดออกในตอนนี้เอง!
คนยี่สิบกว่าคนปรากฏตัวต่อหน้าจวินอู๋เสียและอีกเก้าคนในพริบตา ในขณะที่คนเหล่านั้นปรากฏตัว บรรยากาศของทั้งสนามแข่งก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
มีคนประมาณสองสามคนเดินออกจากห้องส่วนตัวแต่ละห้อง สายตาคมกริบของพวกเขามองไปที่อีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง
ผู้เยาว์หลายคนที่ยืนอยู่ในสนามแข่ง เมื่อเห็นคนเหล่านั้นปรากฏตัว ก็พากันหน้าแดงด้วยความประหม่าและวิตกกังวล พวกเขาต่อสู้โลหิตตากระเด็นมาจนถึงตอนนี้เพื่อให้ได้รับเกียรตินี้!
กลุ่มคนตรงหน้าพวกเขาคือเป้าหมายที่พวกเขาตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็น สุดยอดฝีมือชั้นหัวกะทิของสิบสองตำหนัก!
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียกลับสงบนิ่งมาก ตรงข้ามกับพวกผู้เยาว์ที่กระวนกระวายใจอย่างมาก สายตาของนางลดต่ำลงขณะใช้พลังวิญญาณของตัวเองลอบตรวจสอบคนจากสิบสองตำหนักโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น และทำให้นางได้รู้เรื่องที่น่าสนใจทีเดียว
ในบรรดายี่สิบกว่าคนนั้น มีสิบสองคนที่พลังถึงขั้นสี่วงขั้นสาม!
ตอนที่ 1520 แย่งตัว (2)
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสาม มีเพียงผู้อาวุโสของสิบสองตำหนักที่มีพลังถึงขั้นนั้น และครั้งนี้สิบสองตำหนักก็ส่งผู้อาวุโสมาที่นี่ทุกตำหนักเลย!
เสียงหัวเราะเย้ยหยันเย็นชาดังขึ้นในใจของจวินอู๋เสีย
พวกเขาติดเบ็ดอย่างที่คาดเอาไว้
การปรากฎของทักษะเสริมวิญญาณทำให้สิบสองตำหนักนั่งไม่ติด
และในกลุ่มคนพวกนั้น จวินอู๋เสียเห็นร่างที่คุ้นเคย
ซูจิ่งเหยียนที่มีรอยยิ้มคล้ายสุนัขจิ้งจอกเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสของสิบสองตำหนักพากันมองซูจิ่งเหยียนด้วยสายตาระแวง
“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่ได้ผ่านเข้ามาเป็นสิบอันดับแรกในการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นคนที่เก่งที่สุดในการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด และพวกเจ้าจะมีอนาคตที่สมควรได้รับในไม่ช้านี้” บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะมองผู้เยาว์ทั้งสิบคนตรงหน้า แม้ว่าปากเขาจะกล่าวถึงสิบอันดับแรก แต่สายตาของเขาเอาแต่มองอยู่ที่จวินอู๋เสีย
ผู้เยาว์อีกเก้าคนสูดหายใจเข้าลึก หลังจากถูกชม ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความยินดีและภูมิใจที่ไม่อาจระงับได้ พวกเขายืดอกราวกับว่ากำลังยืนรอให้อนาคตที่สดใสมาถึง
จวินอู๋เสียเหลือบมองบุรุษวัยกลางคนอย่างเฉยเมย บุรุษคนนี้ออกมาจากห้องส่วนตัวและมีบุรุษที่อายุน้อยกว่าสองคนตามหลัง จากท่าทางเคารพและคล้อยตามที่พวกเขาแสดงต่อบุรุษคนนี้ ก็สรุปได้ไม่ยากว่าเขามีสถานะและตำแหน่งที่สูงกว่า
บุรุษคนนี้ต้องเป็นผู้อาวุโสของหนึ่งในสิบสองตำหนักอย่างแน่นอน
ตำแหน่งของผู้อาวุโสจากสิบสองตำหนักนั้นเป็นรองแค่จ้าวตำหนักเท่านั้น ไม่ว่าใครที่ได้พบเจอพวกเขา ทุกคนต้องให้ความเคารพอย่างสูง
อย่างไรก็ตาม…
ในบรรดากลุ่มคนที่มาที่นี่วันนี้ เขาไม่ใช่คนเดียวที่เป็นผู้อาวุโส
เมื่อสิ้นเสียงของบุรุษคนนั้น บุรุษวัยกลางคนที่ตัวเล็กกว่าก็ก้าวออกมายืนตรงหน้าผู้เยาว์ทั้งหลาย และพูดว่า “ความสามารถที่โดดเด่นของพวกเจ้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ข้าคือผู้อาวุโสจากตำหนักคลื่นมรกต ตำหนักคลื่นมรกตต้องการคนมีพรสวรรค์เช่นพวกเจ้าทุกคน”
ตำหนักคลื่นมรกต!
เมื่อได้ยินชื่อนั้น เหล่าผู้เยาว์ก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น
แม้ว่าตำหนักคลื่นมรกตจะไม่ได้มีอำนาจมากที่สุดในสิบสองตำหนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นตำหนักที่มีอำนาจมาก
“เฮอะ พูดได้น่าสนใจดีนี่ ตำหนักคลื่นมรกตไม่ใช่ผู้เดียวที่แสวงหาผู้มีพรสวรรค์เสียหน่อย” บุรุษอีกคนก้าวออกมาข้างหน้าเช่นกัน เขาไม่ได้ใช้คำพูดที่ฟังยิ่งใหญ่เหมือนผู้อาวุโสทั้งสองตรงหน้าเขา แต่กลับเดินตรงไปที่จวินอู๋เสียแทน
“เจ้าหนู ข้าดูการแสดงของเจ้าในการแข่งครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว ในฐานะผู้อาวุโสของตำหนักคงฉาน ข้าขอเชิญเจ้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกของตำหนักคงฉานกับเรา”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
คำพูดของผู้อาวุโสจากตำหนักคงฉานทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นที่ตั้งใจจะค่อยเป็นค่อยไปเปลี่ยนสีหน้าทันที
จวินอู๋เสียเป็นผู้แข่งขันที่พวกเขาทุกคนจับตามอง ไม่อย่างนั้นจะเกิดการรวมตัวของผู้อาวุโสจากทุกตำหนักอย่างใหญ่โตในสนามแข่งแห่งเดียวนี้ได้อย่างไร งานชุมนุมเทพยุทธ์จะสิ้นสุดลงในวันนี้ และทุกคนรู้ว่าถึงเวลาเริ่มต้นการต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว ในอดีตผู้อาวุโสของตำหนักต่างๆ มักจะรวมตัวกันที่สนามแข่งพลังวิญญาณหรือสนามแข่งภูติวิญญาณเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่งของผู้อาวุโส จะได้โน้มน้าวให้ผู้แข่งขันที่มีพรสวรรค์มากๆ มาเข้าร่วมกับพวกเขา
แต่ในครั้งนี้ สนามแข่งที่มีการแย่งชิงอย่างดุเดือดที่สุดกลับเป็นสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด เพราะจวินอู๋เสียเพียงคนเดียว
“ตำหนักคงฉานช่างใจร้อนจริงๆ สิ่งที่พวกเขาพูดก็เหมือนที่พวกเรา ตำหนักเสวียนเทียน อยากจะพูด” ผู้อาวุโสจากตำหนักเสวียนเทียนกล่าวด้วยเสียงเยาะเย้ยพร้อมกับเดินออกมาเช่นกัน
ผู้อาวุโสจากตำหนักคงฉานหันไปจ้องผู้อาวุโสจากตำหนักเสวียนเทียนด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
“ดูเหมือนว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่หมายตาคุณชายน้อยผู้นี้เอาไว้” บุรุษหน้าตาดีและดูค่อนข้างร่าเริงพูดพลางหัวเราะขณะเดินออกมา “บังเอิญเหลือเกินที่ตำหนักมังกรสวรรค์เราก็ตั้งใจที่จะเชิญคุณชายผู้นี้เข้าร่วมกับเราเช่นกัน”