ตอนที่ 210-2 หมิงซิวลงมือ

เฉียวเวยเรียกนางไว้ “ค่าตรวจ หนึ่งตำลึง”

โจวมามาอึ้ง “ไม่ใช่ว่าไม่คิดเงินหรือ”

“ตรวจคนอื่นไม่คิดเงิน ตรวจเจ้า คิดเงิน”

โจวมามาหน้าดำทะมึน ล้วงเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากอกเสื้อกระแทกลงบนโต๊ะ!

ปี้เอ๋อร์ทำหน้ายักษ์ใส่แผ่นหลังของนาง

รอจนโจวมามาเดินอกจากบ้านชิงเหลียนแล้ว ปี้เอ๋อร์ก็หยิบเงินก้อนนั้นขึ้นมาเก็บใส่ถุงเงินของตนเอง แล้วหยิบเงินหนึ่งตำลึงอีกก้อนหนึ่งออกมาจากถุงเงินวางไว้บนโต๊ะ “อย่าให้มือของฮูหยินสกปรกเลยเจ้าค่ะ!”

เฉียวเวยขำท่าทางเป็นจริงเป็นจังของสาวน้อยคนนี้ “ข้าเคยทำนามาก่อน หาบน้ำใส่ปุ๋ยสิ่งใดไม่เคยทำบ้าง จะรังเกียจว่าเงินสกปรกได้หรือ แต่มีจุดหนึ่งที่เจ้าพูดไม่ผิด มือไม้ของนางไม่สะอาดจริงๆ”

มือไม้ไม่สะอาดก็หมายความว่า…ปี้เอ๋อร์กะพริบตา “นางขโมยของไปหรือ”

“ไม่ถึงขั้นขโมย แต่ถ้าบอกว่ายัดของไว้ก็ไม่แน่” เฉียวเวยก้มตัวลง ดูใต้ไม้กระดานเตียงที่โจวมามานอน แล้วก็เห็นของชิ้นหนึ่งดังคาด นางเอื้อมมือดึงมันออกมา มันคือถุงเงินสีแดงใบหนึ่ง ด้านนอกถุงเงินมีบางสิ่งเหนียวๆ ที่ติดหนึบมากทาเอาไว้

ปี้เอ๋อร์ตาค้างเล็กน้อย เมื่อครู่นางประคองโจวมามานอนลงบนเตียง เหตุไฉนนางจึงมองไม่ห็นว่าโจวมามาติดถุงเงินใบหนึ่งไว้ใต้ไม้กระดานเตียง

เฉียวเวยชั่งน้ำหนักถุงเงิน “ดูสิว่าผู้อื่นมือไวมากเพียงใด เรียนรู้ไว้สักหน่อย”

ปี้เอ๋อร์กัดลิ้นตัวเอง นางไม่เที่ยวไปขโมยของเสียหน่อย ต้องมือไวเช่นนั้นไปทำอันใด

เฉียวเวยเปิดถุงเงิน กลิ่นหอมเย็นเข้มข้นสายหนึ่งโถมเข้าใส่จมูก

ปี้เอ๋อร์สูดจมูก “อะไรเจ้าคะ หอมเช่นนี้”

เฉียวเวยหยิบของที่อยู่ด้านในออกมาดม “ชะมดเชียง”

“ชะมด ชะมดเชียงหรือเจ้าคะ” ปี้เอ๋อร์แย่งของมาทันควัน แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้จนมิด จากนั้นหาห่อผ้าห่อหนึ่งใส่เข้าไปอย่างวุ่นวาย “ของสิ่งนี้ดมมากเข้า จะมีลูกไม่ได้นะเจ้าคะ”

เฉียวเวยหลุดหัวเราะ “ไม่ร้ายแรงเช่นนั้นหรอก”

ชะมดเชียงมีฤทธิ์ช่วยสลายเลือดคั่ง ทำให้เลือดไหลเวียนดี ชะล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย หากหญิงตั้งครรภ์ดมมากเข้าจะไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่แตะนิดแตะหน่อยแล้วจะแท้งหรือจะตั้งครรภ์ไม่ได้ตลอดชีวิต หากมันมหัศจรรย์ปานนั้นจริง ก็สมควรเอามันไปเป็นยาทำแท้งอย่างจริงจังไปแล้ว

ปี้เอ๋อร์หนาวสะท้าน “โจวซื่อเอาของน่ารังเกียจเช่นนี้มาวางไว้ในบ้านของพวกเรา คิดจะทำสิ่งใดกันแน่ นางอยากทำร้ายฮูหยินให้มีลูกไม่ได้หรือ จิตใจนางเหตุไฉนจึงชั่วร้ายเช่นนี้ ฮูหยิน พวกเรารีบไปรายงานเหล่าฮูหยินกันเถิด! โจวซื่อทำเกินไปแล้ว! ไม่ถูกๆ สวินซื่อทำเกินไปแล้ว! ของราคาแพงเช่นนี้ โจวซื่อซื้อไม่ไหว จะต้องเป็นสวินซื่อแน่!”

“อย่าเพิ่งร้อนรน” เฉียวเวยหยิบห่อผ้าขึ้นมา แล้วดึงชะมดเชียงชิ้นหนึ่งออกมาดม “ชะมดเชียงชั้นเยี่ยม ดียิ่งนัก เอาไปให้บิดาข้า เขาได้ดีใจอีกหนแน่”

“นี่มันเวลาใดแล้ว เหตุไฉนท่านยังจะสนใจกิจการของนายท่านอีก” ปี้เอ๋อร์ร้อนใจจะตายแล้ว

“ชะมดเชียงหนึ่งชิ้น มีความสามารถเท่านี้เองหรือ” เฉียวเวยเลิกคิ้ว เก็บชะมดเชียงเรียบร้อยก็เดินออกจากห้อง

ปี้เอ๋อร์ไล่ตามไป “ฮูหยิน ท่านจะทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

เฉียวเวยไม่ตอบ แต่เดินเตร่เข้าไปในสวน

ปี้เอ๋อร์ไม่เข้าใจสาเหตุจึงไล่ตามไปอย่างมึนงง

ในสวนด้านหน้าปลูกต้นซานฉาไว้พุ่มหนึ่ง ดอกซานฉาแย้มกลีบบานงดงาม ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

เฉียวเวยหยุดเท้าหน้าพุ่มซานฉา สายตาจับจ้องพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม จากนั้นใช้เท้าเหยียบพื้นเบาๆ “ดอกไม้พุ่มไม้พวกนี้ผู้ใดเป็นคนจัดการ”

“ดอกไม้ล้วนเป็นเยียนเอ๋อร์จัดการด้วยตนเอง” ปี้เอ๋อร์ตอบ

“คนทำความสะอาดเล่า” เฉียวเวยถามอีก

ปี้เอ๋อร์ตอบว่า “อู๋มามาเจ้าค่ะ”

เฉียวเวยบอกว่า “เรียกอู๋มามามา”

“เจ้าค่ะ”

ปี้เอ๋อร์เรียกอู๋มามาผู้กำลังงีบกลางวันมา

อู๋มามาคำนับ “ฮูหยินน้อย “ท่านเรียกหาบ่าวหรือเจ้าคะ”

เฉียวเวยถามว่า “วันนี้เจ้าพรวนดินให้ดอกไม้แล้วหรือยัง”

อู๋มามาพยักหน้า “พรวนแล้วเจ้าค่ะ”

เฉียวเวยสั่ง “เอาพลั่วมาสิ”

อู๋มามาไม่เข้าใจว่าฮูหยินน้อยต้องการสิ่งใด แต่นางก็ยังทำตามอย่างว่าง่าย นางหยิบพลั่วอันเล็กมาจากห้องเครื่องมือ ใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดมันจนสะอาดแล้วจึงส่งให้เฉียวเวย “ฮูหยินน้อย นี่เจ้าค่ะ”

เฉียวเวยนั่งยองๆ ลงไป ขุดเอากล่องใบน้อยใบหนึ่งออกมาจากดินที่ร่วนซุย พอเปิดออกดูก็พบตุ๊กตาตัวน้อยที่ถูกเข็มเงินปักไว้ตัวหนึ่ง เสื้อผ้าของตุ๊กตาคนแต่งตัวเหมือนสวินหลันยิ่งนัก ด้านหลังเขียนวันเวลาตกฟากเอาไว้

คนโง่ก็ยังมองออกว่าสิ่งนี้คือสิ่งใด ราชวงศ์ต้าเหลียงมีอารยธรรมจึงสั่งห้ามมนตร์ดำไสยศาสตร์

อู๋มามาตะลึงทันที “นี่ นี่มัน ตรงนี้มีของสิ่งนี้ได้เช่นไร”

ปี้เอ๋อร์ก็มองตาค้างเช่นเดียวกัน นางหยิบตุ๊กตาคนตัวน้อยมาดูวันเวลาตกฟาก ไม่ใช่ของเฉียวเวย นางก็พรูลมหายใจยาวออกมา

ตั้แต่เล็กนางมักจะได้ยินมารดานางบอกว่าหากใช้เข็มเงินแทงตุ๊กตาคน จะทำให้คนที่ถูกแทง ตายไปทั้งอย่างนั้น ในตรอกที่พวกนางอาศัยอยู่มีท่านป้าคนหนึ่งนามว่าท่านป้าจาง แทงตุ๊กตาเก่งที่สุด ผู้ใดล่วงเกินนางล้วนถูกนางใช้เข็มทิ่มตุ๊กตาตัวแทนจนตาย นับจากนั้นเป็นต้นมาก็มิมีผู้ใดกล้าหาเรื่องนางอีก

อู๋มามาตกใจจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก “ฮูหยินน้อย มิใช่บ่าวนะเจ้าคะ! บ่าวไม่รู้เรื่อง! บ่าวไม่ทำเรื่องพรรค์นี้!”

“ไม่ได้บอกว่าฝีมือเจ้า” เฉียวเวยมองตุ๊กตาตัวน้อยในมือ “เมื่อครู่ยังมีผู้ใดผ่านมาทางนี้อีก”

“เมื่อครู่หรือเจ้าคะ” ปี้เอ๋อร์จับความนัยในคำพูดของเฉียวเวยได้ “ฮูหยินสงสัยว่ามีคนมาฝังไว้เมื่อครู่หรือเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นไม่ใช่โจวมามาหรือ!”

เฉียวเวยตอบว่า “นางมาฝังของไว้ในสวนของข้าจะสะดุดตาเกินไป นางคงเป็นคนนำของเข้ามา แต่นางไม่ได้เป็นคนลงมือฝังเอง”

กล่าวเช่นนี้ ปี้เอ๋อร์ก็เข้าใจแล้ว นางก็ว่าแล้ว ยัยเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนั้น เห็นฮูหยินของนางขัดหูขัดตามาตลอด เหตุไฉนจึงมาเยือนถึงประตูให้ฮูหยินของนางตรวจอาการได้ ที่แท้ก็ตั้งใจจะทำร้ายฮูหยินของนางนี่เอง!

“ชะมดเชียงไม่พอ ยังมีตุ๊กตาคนมาอีก!” ปี้เอ๋อร์กระทืบเท้า

เฉียวเวยกล่าวอย่างเฉยเมย “ชะมดเชียงเป็นเพียงตัวหลอก ฝั่งนั้นคงคิดได้ว่าพวกเราไม่มีทางเชื่อว่าโจวมามามารักษาโรคด้วยใจจริง จึงทิ้งชะมดเชียงไว้ให้พวกเราคิดว่าอุบายของโจวมามาคือจะทำร้ายให้ข้ามิอาจตั้งครรภ์ได้ตลอดชีวิต แต่ความจริงสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นอุบายที่แท้จริงของพวกนาง”

ปี้เอ๋อร์อ้าปากกว้าง “ช่างเป็นอุบายที่ลึกล้ำนักเชียว! แต่…แต่ฮูหยิน ท่านทราบได้อย่างไรเจ้าคะว่าโจวมามาซื้อคนไว้เล่นเล่ห์กลอย่างอื่นอีก”

เฉียวเวยเลิกคิ้ว “เพราะในเรือนของข้ามีสายตาของเรือนถงคอยดูอยู่ตลอดน่ะสิ”

ปี้เอ๋อร์ตกใจมาก “หา มีหรือเจ้าคะ”

เฉียวเวยพยักหน้า ทุกครั้งที่นางกับหมิงซิวเข้าหอกัน ฝั่งโน้นเป็นต้องก่อความวุ่นวาย จังหวะเวลาเหมาะเจาะปานนี้ ผู้ใดจะคิดว่าไม่มีคนแจ้งข่าวให้ฝั่งนั้นบ้างเล่า

เฉียวเวยหันไปมองอู๋มามา “นึกออกหรือไม่ หากนึกไม่ออก ความผิดนี้ เจ้าคงต้องแบกไว้เองแล้ว”

“นึกออกเจ้าค่ะๆ!” อู๋มามาตอบ “เมื่อครู่ยัยแก่โจวนั่งทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนี้ ข้าถามนางว่าทำอันใด นางบอกว่ากำไลของนางหายไป กำลังหากำไลอยู่! ข้าถามนางว่าต้องการให้ข้าช่วยนางหาหรือไม่ นางก็บอกว่าไม่ต้อง ข้าจึงกลับห้องไปนอน”

“แม่เฒ่าโจวหรือ” เฉียวเวยทำท่าครุ่นคิด “หญิงรับใช้ที่เฝ้าประตูคนนั้นหรือ”

อู๋มามาตอบทันที “นางนั้นแหละเจ้าค่ะ! ฮูหยินน้อย! ให้บ่าวไปเรียกนางมาหรือไม่!”

เฉียวเวยตอบเรียบๆ “ไม่ต้อง เรื่องนี้อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก”

อู๋มามางุนงง แล้วตอบว่า “เจ้าค่ะ บ่าวจำไว้แล้ว”

เฉียวเวยชะงักครู่หนึ่ง “เจ้าหยุดงานก่อนสักสองสามวัน ไม่หักเบี้ยของเจ้า”

“เจ้าค่ะ!” อู๋มามายิ้มแย้มตอบรับ

ตกบ่าย อู๋มามาก็เก็บข้าวของกลับไปยังบ้านของตนเอง

ปี้เอ๋อร์ถามว่า “เหตุใดให้นางหยุดเล่าเจ้าคะ ฮูหยินกังวลว่านางจะสมคบกับแม่เฒ่าโจวหรือ”

เฉียวเวยส่ายหน้า “ไม่ใช่ นางไม่ใช่คนจิตใจชั่วร้าย ไม่มีทางขายข้า ข้าเพียงกลัวว่านางจะซื่อตรงเกินไปจนเผยพิรุธให้แม่เฒ่าโจวจับได้”

ปี้เอ๋อร์เข้าใจแล้ว “แต่ ต่อให้ถูกจับได้ พวกเหล่าฮูหยินจะเชื่อหรือเจ้าคะ เหล่าฮูหยินรักฮูหยินปานนั้น ฮูหยินทำหรือไม่ทำเรื่องเช่นนี้ เหล่าฮูหยินจะไม่ทราบเชียวหรือ”

เฉียวเวยลูบเข็มเงินที่อยู่บนท้องของตุ๊กตาคน “ข้าสืบหาหลักฐานความผิดของสวินหลันออกมากองแล้ว สวินหลันยังไม่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจี ข้าย่อมเป็นคนที่โมโหที่สุด ข้าจึงใช้ไสยศาสตร์ทำให้นางแท้ง ให้นางไม่มีข้ออ้างจนต้องถูกไล่ออกจากตระกูล ไม่ใช่ว่าฟังดูสมเหตุสมผลดีหรือ”

ปี้เอ๋อร์พยักหน้า พอคิดอะไรขึ้นมาได้ก็ถามอย่างระมัดระวัง “ฮูหยิน ข้าขอพูดมากสักประโยค เรื่องนี้…ท่านยังจะปิดบังท่านเขยต่อไปอีกหรือเจ้าคะ ท่านปิดบังเขามาตลอด แบกทุกสิ่งไว้คนเดียว จะดีจริงหรือเจ้าคะ”

เฉียวเวยชะงัก

ทุกสิ่งเป็นดังที่เฉียวเวยคิดเอาไว้ คืนวันนั้นสวินหลันไม่ค่อยสบายนักจึงเรียกหมอหลูเข้ามาในจวน เขาสั่งเทียบยาไว้เทียบหนึ่ง จีเหล่าฮูหยินใส่ใจหลานที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของตนเอง จึงมาเยี่ยนเยียนที่เรือนถงด้วยตนเอง ก่อนจากไปก็พบว่าปิ่นไข่มุกที่ตนประดับศีรษะหายไปแล้ว

ปิ่นมุกเล่มนั้นเป็นของที่หมิงซิวมอบให้เหล่าฮูหยิน ทั้งหมดมีอยู่ห้าเล่ม เหล่าฮูหยินจะประดับวันละเล่ม ไม่เคยหล่นมาก่อน จู่ๆ หายไป เหล่าฮูหยินจึงร้อนใจนัก ส่งคนออกตามหาในเรือนลั่วเหมย เรือนถงรวมถึงตามทางอย่างละเอียด แต่จนปัญญาด้วยหาไม่พบ

โจวมามาทราบเรื่อง กลัวว่าสาวใช้คนใดจะมือสกปรก ขโมยเอาไปแต่ไม่กล้าสารภาพแล้วเอาไปโยนทิ้งไว้ที่ใดสักแห่ง จึงเสนอว่าให้ค้นทุกเรือนสักรอบจะดีกว่า

การค้นหาหนนี้ ย่อมหามาถึงบ้านชิงเหลียนด้วย

โจวมามาไม่มีท่าทีประจบประแจงเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกต่อไปแล้ว นางกุมไม้เท้าพาสาวใช้ของเหล่าฮูหยินตรงดิ่งมาใต้พุ่มดอกซานฉา ใช้ไม้เท้าคุ้ยดินอันร่วนซุ่ย แต่นางคุ้ยจนเป็นหลุมกลับไม่พบสิ่งใดทั้งสิ้น!

นางถลึงตาใส่แม่เฒ่าโจวทันควัน แม่เฒ่าโจวทำท่าบอกว่าตนเองไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ฝังไว้ตรงนั้นชัดๆ

แม่เฒ่าโจวชี้ไปตรงอื่นอีก

โจวมามาจึงไปคุ้ยใต้ต้นเหมย คุ้ยอยู่นานก็คุ้ยไม่เจออะไรสักอย่าง!

โจวมามาโกรธจัด!

สุดท้ายได้ยินว่าหาปิ่นไข่มุกของจีเหล่าฮูหยินพบแล้ว ปิ่นติดอยู่ตรงรอยจีบกระโปรงของท่านแม่เฒ่านั่นเอง

จีหมิงซิวกลับมาจากวังหลวง ปี้เอ๋อร์กับสาวใช้ทั้งหลายกำลังเก็บกวาดสวนที่ระเนระนาดอยู่

“เกิดอะไรขึ้น” เขาถาม

ปี้เอ๋อร์แค่นเสียงดังเหอะ “มาหาของน่ะสิเจ้าคะ! แทบจะพลิกดินที่บ้านชิงเหลียนขึ้นมาสามฉื่ออยู่แล้ว!”

จีหมิงซิวเดินเข้าไปในบ้าน เฉียวเวยหลับไปแล้ว บนโต๊ะจุดตะเกียงน้ำมันเอาไว้ดวงหนึ่ง ใต้ตะเกียงน้ำมันคือตุ๊กตาคนตัวน้อยสารพัดแบบหลากหลายสีสันเรียงเป็นทิวแถว แต่ละตัวล้วนแต่งตัวเหมือนสวินซื่อ บนท้องมีเข็มเงินปักอยู่เต็มไปหมด

จีหมิงซิวนั่งลง พลิกดูวันเวลาตกฟากบนหลังของตุ๊กตาคนตัวน้อย เขามองตุ๊กตาคนในมือ แล้วมองเฉียวเวยที่นอนตะแคงข้างหันหลังให้เขาอยู่ สีหน้าเย็นชาขึ้นมาในทันใด