War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2108
ตอนที่ 2,108 : มีบางอย่างเกิดขึ้น!

เมื่อตัดสินใจได้ หลูเถี่ยจ้าวแท่นบูชามังกรครามก็ไปถอนฟ้องต้วนหลิงเทียนเรื่องทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงศิษย์เอกของมันที่หอคุมกฏทันที

ด้วยการแทรกแซงของรองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้น ทำให้เรื่องนี้รู้กันแต่ในหอคุมกฏเท่านั้น หลูเถี่ยเองก็เข้าใจดีว่าไฉนต่งหยวนจิ้นถึงจัดการปิดข่าวเรื่องราวได้เงียบขนาดนี้

เพราะสุดท้ายแล้วหากเรื่องราวนี้แพร่ออกไปในลัทธิบูชาไฟ ไม่เพียงไม่ทราบว่าจะทำให้ทั้งลัทธิแตกตื่นขนาดไหน กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็คงรู้ตัวแน่! และคงไม่คิดย้อนกลับมาที่ลัทธิบูชาไฟอีก แน่นอนว่าต่งหยวนจิ้น เองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นมากกว่าใคร

อย่างไรก็ตามวันนี้อยู่ๆหลูเถี่ยมาถอนฟ้องแบบนี้ แม้จะไม่ทำให้ลัทธิบูชาไฟแตกตื่นอะไรเพราะไม่มีใครรู้ ทว่ากลับทำให้หอคุมกฏแปลกใจยกใหญ่แล้ว!

เพราะการกระทำนี้ของหลูเถี่ย แทบไม่ต่างอะไรจากใส่ร้ายผู้อื่นและแจ้งความเท็จ ซึ่งขัดต่อกฏของลัทธิบูชาไฟเช่นกัน ทำให้หลูเถี่ยมีความผิดติดตัว และต้องถูกลงโทษตามกฏ! ทว่าผู้ที่รับแจ้งเรื่องราวและทราบเรื่องนี้เป็นแค่อาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะกล้าตัดสินใจทำอะไร

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต่งหยวนจิ้น จำต้องออกโรงเอง “จ้าวแท่นหลู่ ท่านต้องการถอนฟ้องต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ?”

ต่งหยวนจิ้นมองถามหลูเถี่ยด้วยความสับสน มันไม่เข้าใจจริงๆ “ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเพราะอะไร?”

ต่งหยวนจิ้นย่อมไม่เชื่อข้ออ้างของหลูเถี่ย ที่บอกว่าปู้หงบ่มเพาะพลังผิดพลาดจนพลั้งเผลอทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองได้ลงคอ ยังรู้สึกว่าเรื่องราวครั้งนี้สมควรมีเหตุผลบางประการซ่อนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ และครั้งนี้นับว่าต่งหยวนจิ้นเดาได้ถูกต้องแล้วจริงๆ หากแต่กระทั่งหลับมันยังไม่อาจฝันถึง ว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวนี้คืออะไร!

“รองจ้าวหอต่ง ที่ต้องกล่าวข้าก็กล่าวออกไปหมดสิ้นแล้ว เชิญท่านตัดสินเรื่องราวเถอะ”

เผชิญกับการจี้ถามด้วยสงสัยของต่งหยวนจิ้น หลูเถี่ยประพฤติตัวปานหมูตายไม่กลัวน้ำเดือด!

มันเองก็รู้ดีว่าไฉนต่งหยวนจิ้นถึงจี้ถามเรื่องนี้ นั่นเพราะหากมันถอนฟ้องต้วนหลิงเทียน ต่งหยวนจิ้นก็จะเสียโอกาสล้างแค้นต้วนหลิงเทียนให้ลูกชายอย่างต่งหลิน

“จ้าวแท่นหลูท่านสมควรคิดให้ดีๆ…หากท่านถอนฟ้องย่อมหมายความว่าท่านกำลังยอมรับผิดข้อหาแจ้งความเท็จและใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น! ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะไม่อยู่ในลัทธิบูชาไฟ แต่หอคุมกฏเราจำต้องลงโทษทางวินัยท่านตามหน้าที่!”

ต่งหยวนจิ้นกล่าวออกเสียงเข้ม เจตนาขู่ขมหลูเถี่ยในระดับหนึ่ง

หากแต่เรื่องเท่านี้ยังจะเอามาข่มขู่หลูเถี่ยได้หรือ?

“รองจ้าวหอต่ง ที่ท่านกล่าวข้าล้วนทราบดี แต่เท่าที่ข้ารู้มาหากมายอมรับผิดกับหอคุมกฏด้วยตัวเองก่อนที่จะสร้างความเสียหายอันใด โทษทัณฑ์ที่ข้าจักได้รับสมควรลดลงกึ่งหนึ่งใช่หรือไม่?”

แต่ต้นจนจบหลูเถี่ยกล่าวออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน เหมือนกับว่าโทษของหอคุมกฏไม่นับเป็นอะไรสำหรับมัน

และมันก็ไม่นับเป็นอะไรจริงๆ

โทษที่ลดลงกึ่งหนึ่ง ทำให้มันไม่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง แค่ไม่ถูกโบยหลังก็ไม่พ้นถูกทุบตีทรมาณเท่านั้น แต่อาศัยร่างเนื้อของเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน บาดแผลภายนอกยังจะนับเป็นอะไรได้?

เมื่อเห็นว่าหลูเถี่ยตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ต่งหยวนจิ้นก็คร้านกล่าวใดให้มากความสืบต่อ

หากแต่ลึกลงไปในใจ เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้ถูกหว่านไว้แล้ว มันรู้สึกว่าความเคลื่อนไหวของหลูเถี่ยครั้งนี้สมควรมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มันไม่ทราบบางประการ

“อะไรนะ! จ้าวแท่นหลูถอนฟ้องต้วนหลิงเทียนแล้ว?!”

ไม่นานต่งหลินก็ได้ทราบเรื่องราวจากปากบิดา หน้ามันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ยากยอมรับความจริง

อนิจจาความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ไม่อยากแค่ไหนก็จำต้องยอมรับ

สุดท้ายมันก็ทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมผิดหวังเท่านั้น

แน่นอนว่าแม้มันจะยอมรับชะตากรรม หากแต่ในใจก็ไม่คิดจะเลิกราแต่เพียงเท่านี้!

สุดท้ายก็มีโอกาสจัดการกับต้วนหลิงเทียนอย่างถูกต้องเสียที ไหนเลยมันจะปล่อยให้โอกาสดีๆเช่นนี้หลุดลอยออกไปได้?

ไม่กี่วันต่อมา การมาเยือนของแขกคนหนึ่ง ก็ทำให้ความสงบของลัทธิบูชาไฟพังทลายทันที

และผู้มาเยือนคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น มันคืออาวุโส 5 วังอุดรไพศาลหยางชง สหายสนิทของอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ หลี่อัน

หยางชงนั้นแน่นอนว่าคิดมาหาหลี่อัน

แต่เมื่อมันไปถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬก็พบว่าหลี่อันไม่อยู่

และด้วยคำร้องขอของมัน อาวุโสเพลิงเงินคนอื่นๆก็จำต้องพามันไปดูแท่นเก็บลูกแก้ววิญญาณ และในที่สุดมันก็พบว่าลูกแก้ววิญญาณของหลี่อันได้แตกไปแล้วจริงๆ!

“เกิดเรื่องกับมันจริงๆด้วย…! เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ!!”

เมื่อเห็นลูกแก้ววิญญาณของหลี่อันแหลกเป็นเสี่ยง สีหน้าหยางชงก็มืดคล้ำดำลง

“อาวุโสหยางชง นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!?”

อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ถงชาน มองถามหยางชงเสียงหนัก

กัวฉง เมิ่งจินอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่มาด้วย ก็มองจ้องไปที่หยางชงเช่นกัน ใบหน้าของทั้งหมดยังเต็มไปด้วยความงุนงง ด้วยไม่ทราบว่าหยางชงพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ ที่ว่า ‘เกิดเรื่องขึ้นแล้ว’

และแน่นอนว่าการตายของหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ก็ทำให้ใจของพวกมันเสมือนมีมรสุมก่อเกิด!

“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้สักพักแล้ว…”

เผชิญกับการมองจี้ถามของอาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3 หยางชงย่อมไม่กล้าไม่พูด

แน่นอนว่ามันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่หลี่อันพายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของมันลงไปหาภูมิหลังของต้วนหลิงเทียนที่ภูมิภาคเบื้องล่าง แต่เพียงบอกว่าหลี่อันมาหยิบยืมกำลังพลของมันลงไปทำธุระที่ภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมันพบว่าเนิ่นนานแล้วหลี่อันกับคนของมันก็ได้ขาดการติดต่อไป ที่สำคัญลูกแก้ววิญญาณคนของมันกลับแตกออกอย่างพร้อมเพรียง!

ทำให้มันตระหนักได้ทันทีว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่อันและคนของมัน

มันจึงมุ่งหน้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคด้วยหมายจะลงไปดูเรื่องราวที่ภูมิภาคเบื้องล่างทันที

ทว่าพอมันมาถึงสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคมันก็พบว่า…ไม่อาจเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายได้อีกสืบไป!

ตอนนั้นมันคิดว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจุดนี้สมควรมีปัญหา

หากแต่เมื่อมันไปยังจุดขนส่ง ที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคแห่งอื่น มันก็พบว่าค่ายกลทั้งหมดล้วนใช้การไม่ได้อย่างน่าฉงน

และมันยังได้ยินผู้คนที่ประจำการจุดเคลื่อนย้ายกล่าวบ่นออกมาว่า

ไม่ทราบเป็นอะไร หากแต่พักหลังมานี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับไม่อาจใช้การได้เลย

“เช่นนั้นข้าจึงมาลัทธิบูชาไฟเพื่อตรวจสอบความเป็นไปของหลี่อัน…สุดท้ายกลับเกิดเรื่องกับมันแล้วจริงๆ”

สีหน้าหยางชงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก กล่าวว่า “ข้าได้ยินปรมาจารย์จารึกเซียนที่ประจำจุดเคลื่อนย้ายกล่าวว่า…หากเกิดเรื่องใดขึ้นกับค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ภูมิภาคเบื้องล่าง ค่ายกลเคลื่อนย้ายของภูมิภาคเบื้องบนทั้งหมดจักใช้การไม่ได้!”

“แต่หากเกิดเรื่องใดขึ้นค่ายกลของภูมิภาคเบื้องบนค่ายกลเบื้องล่างยังทำงานอยู่ ขอเพียงซ่อมแซมค่ายกลด้านบนเสร็จก็ยังเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้อีกครั้ง…เพราะค่ายกลเบื้องล่างนั้นไม่ต้องพึ่งค่ายกลด้านบน ทุกครั้งมันจะส่งผู้คนมาแบบสุ่มตลอด”

หยางชงกล่าวอธิบาย

เป็นเช่นเดียวกับพวกต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และจูลู่ฉี ครั้งแรกที่ทั้ง 3 มายังภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งหมดก็ไปสุ่มโผล่เอาสวนสมุนไพรของราชันเม็ดยา ไม่ได้ถูกส่งมาใกล้ๆตำแหน่งที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายของภูมิภาคเบื้องบนเลย

“เช่นนั้นจากการวิเคราะห์ของปรมาจารย์ทั้งหลาย…ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่างสมควรมีปัญหาแล้ว!”

หยางชงกล่าวต่อเสียงหนัก

“ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่างมีปัญหางั้นหรือ?”

สีหน้าท่าทีกัวฉงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที

“จากที่ข้าทราบมาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่างนั้นแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งกว่าค่ายกลที่ภูมิภาคเบื้องบนของพวกเรามาก เพราะมันได้ผสานเข้ากับมหาค่ายกลปิดผนึกกั้นเขตแดนระหว่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรากับแดนเนรเทศ จึงทำให้มันได้รับพลังป้องกันจากมหาค่ายกลปิดผนึกนั่นด้วย…”

“อีกทั้งมหาค่ายกลปิดผนึกนั้นจัดเป็นค่ายกลต้องห้ามที่เหล่าบรรพจารย์ในอดีตสละชีวิตร่วมกันสร้างขึ้น ให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนยังมิอาจทำลายได้…แล้วผู้คนในภูมิภาคเบื้องล่างที่ไม่แม้แต่จักบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์จักทำให้เกิดปัญหาได้อย่างไร…”

กัวฉงนั้นนอกจากจะเป็นอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬแล้ว มันยังเป็นผู้อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬอีกด้วย เรียกว่ามีความรู้มากที่สุดในแท่นบูชาเต่าทมิฬก็ว่าได้

มันเองก็เคยศึกษาเรื่องค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค และเรื่องราวในอดีตเช่นกัน

ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่เบื้องล่างนั้นผสานเข้ากับมหาค่ายกลปิดผนึก ที่ทำหน้าที่ฉาบม่านพลังมิติกั้นแดนระหว่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากับแดนเนรเทศ…

เรียกว่าด้วยมีมหาค่ายกลปิดผนึก ช่องทางมิติระหว่างแดนเนรเทศกับดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจึงถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์

เผ่าพันธุ์ปีศาจไม่อาจบุกรุกเข้ามาได้อีกในช่วงเวลาสั้นๆ!

พลังอำนาจของมหาค่ายกลปิดผนึกดังกล่าว สามารถดำรงอยู่ได้ถึงล้านปี! เช่นนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ามันมีความแข็งแกร่งแค่ไหน!

ต้องทราบด้วยว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นในอดีตมีน้อยนักที่จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เพราะสภาพแวดล้อมบ่มเพาะอันย่ำแย่ของแดนเนรเทศ แต่แน่นอนว่ายังมีผู้ที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอยู่บ้าง

แต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลวในการก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์!

ด้วยเหตุนี้กัวฉงจึงมั่นใจ

ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจร่วมมือกัน ก็ไม่อาจทำลายมหาค่ายกลปิดผนึกได้ จึงไม่อาจทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้

“หากค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่เบื้องล่างถูกทำลายแล้วจริงๆ…เช่นนั้นมิได้หมายความว่ามหาค่ายกลปิดผนึกนั่นถูกทำลายลงแล้วหรอกหรือ?”

ทันทีที่คิดถึงจุดนี้หน้ากัวฉงก็มืดลงทันที

ณ นครแห่งบาป

ปงงง!

ภายในห้องหับของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เม็ดฝุ่นที่แลดูไร้สำคัญที่มุมหัวเตียงยังคงตั้งอยู่อย่างเงียบงันยากจะแลเห็น หากแต่ด้านในตอนนี้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง คลื่นพลังมหาศาลขุมหนึ่งกวาดซัดไปทั่วชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตที่ย่อขนาดจนเล้กเท่าไรฝุ่น!!

“ฮ่าๆๆๆ!!”

ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น

เป็นต้วนหลิงเทียนที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังกล่าว และคลื่นพลังที่ระเบิดออกมาก็ปะทุออกจากร่างกายเขา!

ทะลวงผ่านแล้ว!

หลังผ่านไป 2 เดือนในที่สุดเขาก็ทะลวงด่านได้สำเร็จ!!

“เซียนนภาขั้นต้น!”

หัวเราะไปสักพักต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง ก่อนจะเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันขึ้นมาให้ปกคลุมไปทั่วร่าง ตอนนี้เขาตระหนักได้ชัดว่าพลังเซียนสุริยันของเขาได้ยกระดับพัฒนาเรียบร้อย “ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน…แต่พลังเซียนสุริยันของข้าก็เทียบได้กับพลังเซียนต้นกำเนิดของเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน!”

‘ให้ตายเถอะ แค่รากวิญญาณสีครามก็ทำให้ข้ามีความเร็วในการบ่มเพาะขนาดนี้แล้ว หากพรสวรรค์รากวิญญาณของข้ายกระดับกลายไปเป็นสีม่วง แล้วมันจะรวดเร็วถึงขนาดไหนกัน!?’

พอคิดถึงเรื่อีน้ขึ้นมา ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความตื่นเต้นนัก

หากแต่ความตื่นเต้นดังกล่าวก็คงอยู่ได้ไม่นาน

เพราะหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกจากโรงเตี๊ยม เขาพลันได้ยินข่าวลือเรื่องหนึ่ง ที่ผู้คนกล่าวถึงกันหนาหูในช่วงนี้

ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคทั้งหมดของภูมิภาคเบื้องบน ใช้การไม่ได้แล้ว…บัดนี้ไม่อาจมีใครหวนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าโดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้อีก!