War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2109
ตอนที่ 2,109 : ยุคมนุษย์ปีศาจหวนกลับมาอีกครั้ง?
‘อะไรนะ ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเสียหาย ไม่อาจขนส่งผู้คนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีก!?’
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปใหญ่หลวงเมื่อได้ยินเรื่องนี้
กระทั่งความตื่นเต้นยินดีในใจที่พึ่งบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา ก็สลายหายไปไม่เหลือหลอ!
บางทีข่าวนี้อาจไม่นับเป็นเรื่องอะไรสำหรับผู้คนที่ตั้งรกรากถิ่นฐานในภูมิภาคเบื้องบนกันมานาน
ทว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วประหนึ่งฟ้าถล่มลงมาก็ว่าได้!
นั่นเพราะครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายของเขาล้วนอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องล้างทั้งสิ้น!
‘เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่…หรือค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคด้านล่างเกิดเหตุขัดข้อง’
ต้วนหลิงเทียนพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ตีตนไปก่อนไข้ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันเกินจริงไปอยู่บ้าง! ไฉนอยู่ๆค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคจะเกิดเหตุขัดข้องได้? หนทางของสองภูมิภาคจะขาดลงง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ?
เขาไม่เชื่อ
รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่! หรือไม่ก็ผู้ที่กำลังกล่าวนั้นเพียงกล่าวเพ้อเจ้อไปเรื่อยไร้มูลความจริง!!
อย่างไรก็ตามพอเขาได้ยินผู้คนกล่าวถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหูมากเข้า และไม่มีทีท่าว่าจะเป็นการล้อเล่น ความเชื่อมั่นดังกล่าวก็เริ่มสั่นคลอน
‘หรือค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่เบื้องล่างจะมีปัญหาแล้วจริงๆ?’
จังหวะนี้ใบหน้าต้วนหลิงเทียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
หากไร้หนทางย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีกต่อไป ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าบิดามารดา ภรรยาและลูกน้อยรวมถึงสหายทั้งหลายอีกต่อไปแล้วหรือ?
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ใจต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าได้ยินมาว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่างสมควรเกิดเรื่องบางประการ ทำให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เบื้องบนเราหยุดชะงักการขนส่งทั้งหมดเพราะขาดการระบุจุดหมายปลายทาง…การเดินทางอันใดล้วนเป็นอัมพาตหมดสิ้น”
“ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน…การเชื่อมต่อระหว่างเบื้องบนกับเบื้องล่าง ค่ายกลเบื้องล่างนั้นมีความสำคัญกว่า เพราะเบื้องบนต้องพึ่งการกำหนดและชี้นำเป้าหมายปลายทางจากค่ายกลเบื้องล่าง ทว่าค่ายกลเบื้องล่างสามารถส่งผู้คนมายังเบื้องได้โดยไม่ต้องกำหนดเป้าหมาย”
“ตอนนี้เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…หมายความว่าผู้คนจากเบื้องล่างมิอาจขึ้นมายังเบื้องบน และเบื้องบนยิ่งไม่อาจย้อนกลับไปเบื้องล่าง”
“ไปไม่ได้ก็ช่างปะไร สถานที่ๆกระทั่งนกยังไม่อยากแวะเวียนไปขับถ่ายเช่นนั้นยังมีดีอันใด? จ้างให้ข้ายังมิอยากลงไปเหยียบด้วยซ้ำ เช่นนั้นค่ายกลจะพังไม่พังล้วนไร้สำคัญสำหรับข้า!”
…
วาจาทำนองดังกล่าวดังขึ้นทั่วนครแห่งบาป
สำหรับผู้คนส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องนี้ ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเองมาก การไม่อาจลงไปในสถานที่ๆพวกมันไม่ได้อยากจะไปแต่แรก ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อชีวิตพวกมันเลย
อย่างไรก็ตามวาจาไม่อนาทรร้อนใจดังกล่าวในที่สุดก็ถูกความจริงประการหนึ่งตบหน้าอย่างแรง
“พวกเจ้าคิดว่าเรื่องราวมันจะง่ายดายเพียงแค่พวกเราไม่อาจลงไปยังภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้นรึไง?”
ไม่ทันไรก็มีเรื่องราวหนึ่งแพร่ไปทั่วนครแห่งบาป และเรื่องนี้ก็มาจากผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือสูง ทำให้เรื่องราวมันแพร่ไปทั่วนครแห่งบาปว่องไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งและฝูงตั๊กแตนบุก!
และในเวลาไม่นานข่าวเรื่องราวอันน่าตื่นตระหนกที่ว่าก็กระจายไปทั่ว จนผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายทราบกันถ้วนหน้า ยังเริ่มแพร่ออกไปเมืองข้างเคียงอีกด้วย
“อะไรนะ!? หากเกิดปัญหาขึ้นกับค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่าง นั่นหมายความว่ามหาค่ายกลปิดผนึกมิติกั้นแดนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเราเมื่อแสนกว่าปีก่อนที่เหล่าบรรพจารย์ทิ้งไว้เกิดปัญหาแล้ว!?”
“ช้าก่อนผู้อาวุโส! มหาค่ายกลปิดผนึกมิติกั้นแดนเมื่อหลายแสนปีก่อนที่ท่านว่ามันคืออะไร?”
“มันเป็นมหาค่ายกลที่กางม่านพลังฉาบทับมิติกั้นแดนระหว่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกเรากับ ดินแดนเนรเทศของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!”
“หือ แดนเนรเทศอะไร? ปีศาจอะไร? นี่มันเรื่องอันใดกันแน่พี่ชาย โปรดเล่าให้ข้าน้อยทราบด้วย…”
“เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปครั้งจุดเริ่มต้นของยุคมนุษย์ปีศาจเมื่อหลายแสนปีก่อน…”
…
ยุคมนุษย์ปีศาจ
แดนเนรเทศ
เผ่าพันธุ์ปีศาจ!
เรื่องราวที่หลายคนไม่เคยได้ล่วงรู้ ถูกนำมาเล่ากันอย่างแพร่หลาย ความจริงที่แทบจะลบเลือนไปตามกาลเวลาและจมหายไปในประวัติศาสตร์ได้ผุดโผล่ขึ้นมาปรากฏชัดแก่ใจผู้คนทั้งหลายกันอีกครั้ง! และนั่นก็ก่อเกิดความตื่นตระหนกไปทั่วนครแห่งบาป!!
จังหวะนี้ทุกผู้คนได้รับทราบแล้ว…
ที่แท้เมื่อกว่าแสนปีที่แล้ว ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเคยตกอยู่ในห้วงกลียุค ที่เป็นดั่งยุคมืดของเผ่าพันธุ์มนุษย์…ยุคมนุษย์ปีศาจ!
ในยุคนั้นอยู่เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ได้บุกรุกเขามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผ่านช่องโหว่ของกำแพงมิติกั้นแดน พวกมันได้บุกเข้ามาสังหารหมู่ผู้คนไปมากมาย กลืนกินชีวิตและเลือดเนื้อมนุษย์ดั่งอาหาร จนผู้ฝึกตนมากมายกลายเป็นซากร่างแห้งกรัง
เพราะเหล่าปีศาจกว่า 9 ส่วนนั้น อาศัยการกลืนกินแก่นแท้และสารัตถะของผู้อื่นเพื่อยกระดับพลัง พลังฝึกปรือที่บ่มพสั่งสมมาชั่วชีวิต พลังชีวิต และแก่นแท้โลหิตล้วนไม่ต่างอาหารเลิศรสของพวกมัน!
“ยุคมนุษย์ปีศาจ?”
“แดนเนรเทศ?”
“เผ่าพันธุ์ปีศาจ?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อแสนกว่าปีก่อนเช่นกัน แดนเนรเทศ ยุคมนุษย์ปีศาจ และเผ่าพันธุ์ปีศาจ “ในยุคนั้นผู้ฝึกตนมนุษย์ไม่ขาดเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนงั้นหรือ? เผ่าพันธุ์ปีศาจมีก็เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเช่นกันแต่น้อยกว่า?”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้อาศัยมหาค่ายกลปิดผนึก? หากเกิดเรื่องกับค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเบื้องล่าง นั่นหมายความว่ามหาค่ายกลปิดผนึกมีปัญหา?”
พอได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ย่ำแย่ลงไม่น้อย
ก่อนหน้านี้พอได้รู้ว่าเขาไม่อาจกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีก เขาก็ตกใจและกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าครอบครัวอีกต่อไป
ทว่าใจเขาไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของทุกคนเลย
เพราะด้วยมีบิดาที่เป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนไม่กลัวว่าจะมีใครกล้าสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเขา!
ทว่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งอยู่ในสมมติฐานที่ไร้ซึ่งการรุกรานของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“หากเป็นแบบนั้นจริง…หมายความว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศสามารถบุกรุกเข้ามาที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อีกครั้ง! กล่าวให้ชัดคือพวกมันสามารถบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”
“ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเมื่อแสนกว่าปีที่แล้วยังไม่มีการแบ่งเป็นสองภูมิภาค ยังมียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคอยคุมสถานการณ์…แต่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างในปัจจุบัน กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนนภายังหายากปานเขามังกรขนหงส์ ยังจะนับประสาอะไรกับขอบเขตเซียนสวรรค์!”
“หากเผ่าพันธุ์ปีศาจมันบุกเข้ามาจริง…น่ากลัวที่ภูมิภาคเบื้องล่างคงไม่มีใครรอดแล้ว!!”
นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนก็กระวนกระวายใจจนแทบบ้า!
นั่นเพราะครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายของเขายังอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง!
หากเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาจริง ทุกคนย่อมไม่มีพลังที่จะต่อต้านพวกมันได้เลย!!
“พี่ชายท่านนี้เช่นนั้นหมายความว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังจะบุกรุกเข้ามาที่ภูมิภาคเบื้องล่างงั้นหรือ…ทว่าเพียงแค่ภูมิภาคเบื้องล่างใช่หรือไม่ ภูมิภาคเบื้องบนของเรายังเป็นไร? เพราะแม้จะเรียกดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเช่นกัน แต่ที่นี่มันเป็นพื้นที่อิสระที่แยกตัวออกจากกันโดยสมบูรณ์นี่นา ที่ๆพวกเราอยู่เรียกกันว่าระนาบเทียมใช่หรือไม่?”
“ใช่ นี่หมายความว่าพวกปีศาจก็ไม่มีทางรุกรานขึ้นมาได้น่ะสิ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้…งั้นข้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วสิ?”
“ใช่ หากปีศาจมันบุกรุกเข้ามายังภูมิภาคเบื้องล่างผ่านช่องทางที่เคยถูกปิดผนึกจริง เมื่อมหาค่ายกลพังทลาย ค่ายกลเคลื้อนย้ายข้ามภูมิภาคด้านล่างก็สมควรถูกทำลายไปด้วย ทีนี้พวกมันก็ได้แต่ติดแหง็กอยู่ด้านล่าง มิอาจขึ้นมาเบื้องบน!”
“ไม่นานมานี้ข้าคิดว่าจะแวะไปหาอนุภรรยาที่ข้าพานางไปซ่อนตัวที่ภูมิภาคเบื้องล่างสักหน่อย มาตอนนี้ช่างโชคดีนักที่ข้าไม่ทันได้ไป”
…
บทสนทนาทำนองนี้ดังระงมไปทั่วนครแห่งบาป
อย่างไรก็ตามหลังเรื่องนี้กล่าวถึงไปได้ไม่นาน วาจาจากผู้รู้ก็ทำลายความสงบของทุกคนไปหมดสิ้น
“ไม่ส่งผลต่อพวกเราในภูมิภาคเบื้องบน? ติดแหง็กมิอาจขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบน? พวกเจ้าฝันหวานเกินแล้ว!!”
“มิผิด พวกเจ้าทั้งหลายคิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจล้วนเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้หรือ? พวกเจ้าคิดว่าเรื่องที่พวกมันเกือบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเราทั้งที่บุกรุกเข้ามาอย่างไม่ได้ตระเตรียมความพร้อมให้ดีเป็นเรื่องล้อเล่น? ผ่านมากว่าแสนปีแล้ว เผลอๆตอนนี้พวกมันสมควรไม่ขาดเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเช่นกัน ไหนยังจะปีศาจที่มีความสามารถด้านค่ายกล พวกเจ้าคิดว่าพวกมันทำอะไรกันไม่เป็นจริงๆ?”
“กล้าคิดว่าปีศาจไม่นับเป็นอะไร? พวกเจ้าช่างไร้เดียงสานัก! ข้าจักบอกอันใดให้ฟัง คราวนี้เผลอๆพวกมันจะสั่งสมกำลังพลรอให้กองทัพพร้อมพรั่งแล้วเค่อยปิดค่ายกลยกทัพขึ้นมาด้วยซ้ำ! พวกเราได้ฉิบหายกันหมดแน่!!”
…
เมื่อความจริงอันโหดร้ายนี้แพร่สะพัดออกมา ผู้ฝึกตนในนครแห่งบาปก็ใจเสียกันหมด มาตอนนี้พวกมันจึงได้รู้แล้วว่ากระทั่งอยู่ภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย
ไม่ช้าก็เร็ว ปีศาจ ต้อบุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนด้วยแน่!
“ตอนนี้ข้าเพียงหวังว่าเหตุผลที่พวกเรามิอาจเคลื่อนย้ายไปภูมิภาคเบื้องล่าง สมควรเป็นเพราะค่ายกลด้านล่างเกิดเหตุขัดข้องบางประการเท่านั้น มิใช่ถูกทำลายไปแล้ว…หาไม่แล้วพวกเราก็เสมือนหนูติดจั่น พอภูมิภาคเบื้องล่างกลายเป็นฐานของพวกมันโดยสมบูรณ์เมื่อไหร่ พวกเราก็มิอาจหลีกหนีสงครามได้อีก!”
“ยุคมนุษย์ปีศาจที่เป็นดั่งฝันร้ายนั่นกำลังจักกลับมาอีกแล้วหรือ…เพียงคิดก็ขู่ขวัญผู้คนแทบตาย ขออย่าได้เกิดขึ้นมาจริงๆเลย”
“ปีศาจพวกนั้น แค่ได้ยินก็ทำให้ผู้คนตกใจ…ข้าเองก็ไม่อยากจะสู้กับพวกมัน! หากเป็นไปได้มิขอพบเจอพวกมันเลยเสียจักประเสริฐกว่า!”
…
บรรยากาศในนครแห่งบาปเริ่มเปลี่ยนเป็นอึมครึมหดหู่
และไม่นานบรรยากาศดังกล่าวก็กวาดซัดไปทั่วภาคกลาง
เพียงเวลาอันสั้นก็กระจายไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน ทำให้เหล่าผู้คนในภูมิภาคเบื้องบนรู้สึกเสมือนชีวิตกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
หลายคนถึงกับเดินทางไปยังจุดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค เพื่อดูว่ามันข้ามไปไม่ได้จริงหรือไม่
ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีต้วนหลิงเทียนรวมอยู่ด้วย
ต้วนหลิงเทียนเร่งรุดเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดตลอดทั้งเดือน เพื่อตระเวนไปยังจุดจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างๆ ที่อยู่ใกล้นครแห่งบาปมากที่สุด
ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นดุจเดียวกัน ไม่อาจใช้งานได้ พวกมันไม่อาจส่งผู้คนไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีกต่อไป
‘หรือ…จะเกิดเรื่องขึ้นกับค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่เบื้องล่างจริงๆ?’
‘ปีศาจมันบุกรุกเข้ามาแล้ว?’
‘ยุคมนุษย์ปีศาจเมื่อแสนกว่าปีก่อนกำลังจะหวนกลับมา?’
ระหว่างเดินทางใจต้วนหลิงเทียนแทบจะมอดไหม้ไปด้วยไฟกังวล ความคิดเลวร้ายมากมายผุดขึ้นในใจไม่หยุดหย่อน อารมณ์ไม่คงที่ยากสงบ
อนิจจาแม้เขาจะกังวลร้อนรนให้ตาย ก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหมือนมีระเบิดห่าใหญ่ถล่มลงกลางใจ รู้สึกอ่อนแอไร้พลังอย่างถึงที่สุด
“ผู้เฒ่าหั่ว…ไม่มีวิธีอื่นใดแล้วจริงๆหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วด้วยความขื่นขม
นี่ยังเป็นคำถามเดิมที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วเมื่อหลายวันก่อน
และวันนั้นผู้เฒ่าหั่วก็ได้ตอบเขามาว่า
มีเพียงทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน และข้ามผ่านภัยพิบัติจากอัสนีสวรรค์ให้ได้เสียก่อน เขาถึงจะมีพลังอำนาจมากพอฉีกเปิดห้วงมิติ และสามารถย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อไปจัดการเรื่องราวทั้งหลายได้ ก่อนที่ อำนาจเซียนอมตะ จะสาดส่องลงมาจากสวรรค์ฉุดดึงเข้าให้ขึ้นไปยังแดนสวรรค์
ทว่าเรื่องราวนี้เป็นอะไรที่เป็นได้แค่ฝันสำหรับเขาในตอนนี้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณในปัจจุบันของเขายังเป็นแค่สีคราม ต่อให้เป็นสีม่วงและมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติช่วยเหลือ ก็ยังต้องใช้เวลาสักพักในการทะลวงไปให้ถึงขอบเขตสูงล้ำขนาดนั้น
น้ำไกลย่อมไม่อาจดับกระหายตอนนี้
ถึงตอนนั้นเกรงว่าภูมิภาคเบื้องล่างคงร้างผู้คนไปแล้ว…ตกตายหมดสิ้นไม่เหลือรอด!