บทที่ 645 สหายเต๋าตี้จั้งไม่ได้หลอกลวงข้า (1)
สำนักตู้เซียนเต็มไปด้วยการยั่วยุเยาะหยันหรือไม่?
ในฐานะที่เป็นสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเมื่อมองผิวเผินแล้ว ดูอ่อนแอที่สุด เขาจะตกเป็นเป้าหมายง่ายๆ ได้อย่างไร?!
หลี่ฉางโซ่วมองไปยังสถานการณ์ที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาได้ตรวจพบ
มีกองทัพปีศาจจำนวนมากกำลังเดินทัพอยู่ใต้ดิน พวกมันผ่านช่องว่างระหว่างบรรดาสำนักเซียนต่างๆ ในดินแดนเทวะบูรพาและรวมตัวกันอย่างมั่นคงแน่นหนาเพื่อตรงไปยังสำนักตู้เซียน…
ในขณะที่เขารู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย
แน่นอนว่า ในเวลานี้ ปีศาจแสนตนนั้นไม่ได้ยากจนเกินไปที่จะรับมือด้วยกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วได้รวบรวมเอาไว้นอกสำนักตู้เซียน มันย่อมเพียงพอที่จะให้เขาจัดการกับพวกมันส่วนใหญ่ได้
ทว่าหากกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต่อสู้ “ความพิเศษ” ของสำนักตู้เซียนก็จะถูกเปิดเผยโดยตรง
เมื่อรวมกับความสัมพันธ์เชื่อมโยงมากมายของบรรดาเซียนในสำนัก มันย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะเปิดเผยความจริงที่ว่า ร่างที่แท้จริงของเทพวารีอยู่ในสำนักตู้เซียน
เขาต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนสนามต่อสู้ หรือทำให้บรรดาเซียนในสำนักหมดสติไป…
ความจริงแล้ว ทันทีที่ค้นพบกองทัพปีศาจ หลี่ฉางโซ่วก็สรุปได้ว่า เหตุการณ์ในวันนี้นั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้กำลังคิดการณ์อันใดอยู่
มันง่ายมาก แค่คิดจากมุมมองของสำนักบำเพ็ญประจิม
ในขณะนี้ เขาย่อมคิดได้ว่า ผู้บงการเบื้องหลังเรื่องนี้คือ ผู้บงการเบื้องหลังของเหตุการณ์ในทะเลบูรพา นั่นคือ ตี้จั้งแห่งภูเขาวิญญาณ
ดูเหมือนว่า ตี้จั้งจะเสี่ยงอันตราย แต่จริงๆ แล้วเขารวบรวมกำลังพลและใช้ยุทธศาสตร์ในการทำสงครามอย่างมั่นคง
ตี้จั้งต้องเชื่อมโยงศาลสวรรค์กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และใช้ผู้บงการเบื้องหลังที่ทำลายภูเขาเหยาเซิง ซึ่งคือ เทพวารีแห่งศาลสวรรค์เป็นเป้าหมาย
เขาได้ยุยง และปลุกระดมเผ่าปีศาจให้ลงมือโจมตีสำนักเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และบอกพวกเขาว่า พวกเขาสามารถใช้เรื่องนี้เพื่อบีบให้ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินปรากฏตัวขึ้นและทำการปิดล้อม สังหารพวกเขาได้
แต่ตี้จั้งต้องรู้และเข้าใจอยู่ในใจแล้วว่า เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น เผ่าปีศาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพียงลำพังคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะพลิกสถานการณ์ของสงครามที่นี่ได้
แม้แต่จักรพรรดิปีศาจก็ยังไม่อาจเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีสมบัติเซียนเทียนขั้นสูงสุดคอยช่วยเหลือด้วย
ทว่าความพ่ายแพ้ของปีศาจในวันนี้ ก็สามารถเพิ่มความเกลียดชังระหว่างปีศาจ ศาลสวรรค์ และสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ นอกจากนี้ยังสร้างแรงกดดันให้เผ่าปีศาจได้อีกด้วยเช่นกัน
เมื่อมองไปข้างหน้า จะมีเรื่องอื่นของเผ่าปีศาจที่ไปขอความช่วยเหลือจากวังเซิ่งหมู่ของพระมารดาศักดิ์สิทธิ์หนี่วาและถูกพระมารดาศักดิ์สิทธิ์หนี่วาทำร้าย
หากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเริ่มตอบโต้ แก้แค้นเผ่าปีศาจ หรือสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินโจมตีเผ่าปีศาจ เกินเหตุ เผ่าปีศาจจะต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน
ในเวลานั้น พวกมันก็ทำได้เพียงเอนเอียงไปทางสำนักบำเพ็ญประจิมและลี้ภัยไปเข้าร่วมกับจอมปราชญ์ทั้งสองเท่านั้น และพวกมันจะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมหลอกใช้ได้อย่างง่ายดาย
นั่นน่าจะเป็นแผนการหลักของตี้จั้ง
และน่าจะมีแผนการอื่นๆ เช่น การฉวยโอกาสนี้เพื่อค้นหาดูว่า มีสายลับจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอยู่ในสำนักบำเพ็ญประจิมหรือไม่
เขาพยายามจะโจมตีและสังหารศิษย์ของศาลสวรรค์และพิสูจน์ยืนยันส้นเท้า[1]ของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์
เขาต้องการโจมตีสำนักเทพทะเล ซึ่งเป็นเครื่องมือในการควบคุม การถวายเครื่องสักการะ การระงับโชคชะตาของศาลสวรรค์ และอื่นๆ
มีอย่างน้อยๆ ก็ข้อควรพิจารณาลึกๆ มากมายนับสิบ
โดยไม่คำนึงถึงว่าเผ่าปีศาจจะชนะหรือแพ้ และทำสำเร็จหรือไม่ ความสูญเสียของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ภัยพิบัติที่สำนักเทพทะเลต้องเผชิญ และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมากต่อเผ่าปีศาจ สำนักบำเพ็ญประจิมก็จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของชาวประมง[2]จากมัน
โดยรวมแล้ว มันฉลาดยอดเยี่ยมกว่านับร้อยเท่าเมื่อเทียบกับยามที่จินฉานจื่อไปหาเทพแห่งท้องทะเล และบอกอย่างไม่ใส่ใจว่า เขาต้องการแยกเผ่ามังกรกับศาลสวรรค์!
แม้ว่าการวิเคราะห์ปัญหาในตอนนี้คือ…
“ข้าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างไร”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำและก้าวเดินไปมาต่อไป
ทันใดนั้นเสียงของปู่เจดีย์ก็ดังขึ้นในใจของเขา
“ไม่ต้องกลัว โจมตีเลย! ปล่อยให้พวกมันสับตามใจชอบ! เมื่อมีข้าคอยปกป้องเจ้าอยู่ เจ้าก็ทำเพียงแค่นั่งต่อหน้าพวกมันและฟื้นฟูพลังเซียนของเจ้าได้!”
“มันมีจำนวนมากเกินไป? นั่นเป็นปัญหาที่ต้องอดทนมาโดยตลอด!”
หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอธิบาย แต่ทันใดนั้น เขาก็เห็นแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาบนยอดเขาพิชิตสวรรค์ แล้วเจ้าสำนักรีบบินมาอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วรีบเปิดค่ายกลใหญ่ด้านนอกเพื่อให้เจ้าสำนักผ่านเข้ามาและออกจากหอโอสถเพื่อไปต้อนรับเขา
ในขณะนั้น เจ้าสำนักไม่จำเป็นต้องปกปิดร่างของตัวเขาเองบนยอดเขาหยกน้อยอีกต่อไป เพราะพวกเขาได้สร้างเวทลวงตาด้านนอกค่ายกลเวทของยอดเขาหยกน้อยไว้มากพอแล้ว
“ฉางโซ่ว! แค่กๆ! แค่กๆ!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนักไม่ต้องกังวล ข้าได้จัดการเรื่องนี้แล้ว”
จี้อู๋โหย่วที่ดูกังวล พลันตกตะลึงเช่นกัน เขาถามว่า “เจ้ารู้หรือว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
หลี่ฉางโซ่วมักจะเลือกตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า เขาประสานมือคารวะและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนักโปรดบอกข้าก่อน ดูว่ามันตรงกับสิ่งที่ข้ารู้มาหรือไม่ขอรับ?”
จี้อู๋โหย่วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “มีพวกเผ่าปีศาจจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในบริเวณรอบนอกของสำนักเซียนเซียวเหยา มันมีอย่างน้อยหนึ่งแสนตน
นอกจากนี้ ในหมู่พวกมัน ยังมีปีศาจใหญ่ที่ทรงพลังแข็งแกร่งจำนวนมาก และยังมีปรมาจารย์เผ่าปีศาจอีกหลายตนที่อยู่ในขอบเขตต้าหลัว!
สำนักเซียนเซียวเหยาจะไม่สามารถยืนหยัดต้านทานต่อไปได้อย่างแน่นอน
พวกเขาได้ส่งจดหมายไปขอความช่วยเหลือที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินแล้ว หากข้าพาคนรีบเร่งไปในตอนนี้ บางที พวกเขาก็อาจไม่สามารถรั้งสถานการณ์เอาไว้ได้! ข้าควรทำอย่างไรดี?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้ว “สำนักเซียนเซียวเหยา? ปีศาจนับแสน?”
โอ สวรรค์ เผ่าปีศาจถูกตี้จั้งหลอกถึงเพียงนั้นแล้วจริงๆ!
จากนั้นข้อกังขามากมายของหลี่ฉางโซ่วก็ได้รับการแถลงไขอย่างง่ายดาย
บัดนี้แผนการโดยรวมของอีกฝ่ายได้ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ในใจของเขาแล้ว
มันเป็นไปตามที่คาดไว้ ในเวลานี้ มีพวกปีศาจน้อยจำนวนมากได้ซ่อนตัวอยู่บนชายฝั่งทะเลทักษิณและทะเลบูรพาแล้ว พวกมันเตรียมพร้อมที่จะเปิดการโจมตีเมืองต่างๆ ที่อยู่ในอาณาเขตอิทธิพลของสำนักเทพทะเลเพื่อยับยั้งกองกำลังของศาลสวรรค์…
ต่อจากนี้ หากเขาปรากฏตัวในฐานะเทพวารี ก็จะต้องมีสัตว์ร้ายบรรพกาลที่สำนักบำเพ็ญประจิมส่งมาเพื่อโจมตีอย่างแน่นอน นั่นจะทำให้เผ่าปีศาจรู้สึกว่า พวกมันมีศัตรูร่วมกันกับสำนักบำเพ็ญประจิม
จี้อู๋โหย่วพบว่า มีบางอย่างผิดปกติและถามด้วยเสียงทุ้มต่ำเบาๆ ว่า “ฉางโซ่ว เกิดอันใดขึ้น?”
“ในครั้งนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมได้ทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ พวกเขามีแผนการมากมาย” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
“ท่านเจ้าสำนัก ยังมีกลุ่มทหารปีศาจอยู่นอกสำนักตู้เซียนเช่นกัน เผ่าปีศาจไม่ต้องการใช้กองกำลังมากเกินไป
ข้าเกรงว่าพวกเขาเพียงเลือกเฉพาะสำนักตู้เซียน และสำนักเซียนเซียวเหยาเป็นเป้าหมายเพื่อแก้แค้นเรื่องภูเขาเหยาเซิงเท่านั้น”
จี้อู๋โหย่วตื่นตกใจยิ่ง
………………………………………………………………..
[1] ภูมิหลัง
[2] ผู้เขียนปรับมาจากนกปากส้อมกับหอยต่อสู้กัน ชาวประมงได้รับผลประโยชน์ คือ ผู้อื่นต่อสู้กันจนไม่เป็นผลดีเฉกเช่น นกปากส้อมกับหอยต่อสู้กัน และสุดท้าย คนนอกก็ได้ผลประโยชน์ไป เปรียบดั่งคนตกปลาหรือชาวประมงที่รอเวลาตักตวงผลประโยชน์ ซึ่งคนที่ได้รับผลประโยชน์ หรือโชคลาภโดยไม่ต้องทำอะไรในที่นี้ ก็คือ สำนักบำเพ็ญประจิม