บทที่ 814 ความฝันหรือความจริง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 814 ความฝันหรือความจริง?

บทที่ 814 ความฝันหรือความจริง?

ซูอันเริ่มปวดหัวทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการแยกจากเพ่ยเหมียนหมานอีกและนางก็เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนได้ตรวจสอบสถานการณ์อย่างรอบคอบ และสรุปว่านี่อาจเป็นอีกส่วนหนึ่งของการทดสอบ ในท้ายที่สุดเพ่ยเหมียนหมานจึงได้อาสาตัวเองอีกครั้ง

สำหรับซูอัน เขาต้องอยู่แนวหลังที่เมืองอิน มันยังผ่านไปไม่นานเท่าไรตั้งแต่เขาได้จัดการกับเจ้ากรมพิธีการ ดังนั้นบรรดาลูกน้องเก่าของเหลียนซึ่งเป็นคนทรยศหลายคนจึงยังคงมีความอันตรายอยู่

ถ้าชายหนุ่มจากไป เมืองหลวงอาจตกอยู่ในความโกลาหล ยิ่งไปกว่านั้นปัจจัยเสริมที่จะช่วยให้ความแข็งแกร่งของกองทัพและแม่ทัพเพิ่มมากยิ่งขึ้นในการทำสงครามนั้นก็คือการได้รับจัดส่งเสบียงและการสนับสนุนด้านอื่นอย่างต่อเนื่องไม่มีขาด ชัยชนะและความพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของการขนส่งเหล่านี้

ซูอันต้องเป็นคนดูแลการสนับสนุนเหล่านี้ซึ่งชายหนุ่มทำได้เฉพาะตอนที่อยู่ในเมืองอินเท่านั้น

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ซูอันรู้สึกค่อนข้างแปลก ทุกคนเคยชินกับการได้ยินเกี่ยวกับผู้ชายที่ออกไปทำงานในขณะที่ผู้หญิงทำงานบ้าน

แต่ในกรณีนี้ บทบาทเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้คัดค้าน เนื่องจากการทดสอบ เขาไม่ต้องการให้ศักดิ์ศรีความเป็นชายของตัวเองกลายมาเป็นตัวขัดขวางเป้าหมายของพวกเขา

หลังจากประสบกับสงครามกับแคว้นเชียง ทั้งเพ่ยเหมียนหมานและซูอันต่างก็ชัดเจนในบทบาทและความรับผิดชอบของพวกเขา

และสามเดือนต่อมาเพ่ยเหมียนหมานได้รับชัยชนะอีกครั้ง…

ซูอันคิดว่าพวกเขาสามารถหันความสนใจไปที่เผ่าโจวได้แล้ว แต่เวลาผ่านไปไม่นาน จู่ ๆ ผู้ปกครองของแคว้นถังกลับร้องขอความช่วยเหลือ คราวนี้เป็นเผ่าก่งโข่วที่บุกรุกข้ามฝั่งทางเหนือของแม่น้ำเหลือง

เมื่อพวกเขาจัดการกับเผ่าก่งโขว่ได้แล้ว เผ่าผีที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้เดินขบวนข้ามที่ราบสูงมองโกเลียมาเพื่อท้าทายพวกเขา

ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานยุ่งจนหัวปั่นและไม่สามารถสละเวลาแม้เพียงครู่เพื่อจัดการกับเผ่าโจวทางตะวันตก

เพ่ยเหมียนหมานนำทหารเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง และใช้เวลานานกว่าที่จะขับไล่ได้ในที่สุด

น่าเสียดายที่พวกเขาทำได้แค่ขับไล่ออกไป แต่ไม่สามารถจัดการกวาดล้างได้เบ็ดเสร็จ ชนเผ่าเร่ร่อนเหล่านี้เคลื่อนที่และปรับตัวได้เร็ว ถึงแม้การรบกับเผ่าเหล่านี้จะค่อนข้างง่าย แต่การกำจัดพวกมันทั้งหมดแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ในบางครั้ง ชนเผ่าเร่ร่อนเหล่านี้วกกลับมาโจมตีพวกเขา บังคับให้เพ่ยเหมียนหมานออกไปเป็นผู้นำทัพและดับไฟสงครามอีกรอบ

ซูอันไม่สามารถทนต่อการพลัดพรากเป็นเวลานานขนาดนี้ได้ และเริ่มเลือกขุนนางเพื่อเข้ารับตำแหน่งแทนเพ่ยเหมียนหมาน

การต่อสู้อย่างต่อเนื่องหลายปีนี้เป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบสำหรับชายหนุ่มในการแสดงความสามารถของพวกเขา มีแม่ทัพมากมายที่ถูกซูอันเลื่อนขั้นตำแหน่งที่สูงขึ้น

ทว่าในบรรดาผู้ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หนึ่งในนั้นร่างสูงเหนือคนอื่น เขาคือหยาจาง!

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่ทัพศพแห้งในสุสานที่นำทางพวกเขามาสู่การทดสอบนี้

เดิมทีหยาจางเป็นนายน้อยของตระกูลจางซึ่งอยู่ทางใต้ ตระกูลจางรับใช้ราชวงศ์ซาง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาถูกส่งมายังเมืองอินและได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ชายผู้นี้ไม่พอใจที่จะทำหน้าที่อย่างเชื่อฟัง แต่เขากลับขโมยความลับเกี่ยวกับทักษะการปั่น การทอ และโลหะวิทยาของเมืองอิน เขาต้องการนำความรู้นี้กลับบ้านเพื่อปรับปรุงชีวิตในตระกูลของเขา

น่าเสียดายที่หยาจางถูกจับได้และกำลังจะถูกประหารชีวิต โชคดีสำหรับเขาที่ซูอันผ่านไปพบพอดี เมื่อได้ยินชื่อของหยาจาง ซูอันมองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกประหลาดแต่ก็ยังก้าวเข้าไปเพื่อไว้ชีวิต

หยาจางน้ำตาไหล และเต็มใจเสนอตัวต่อสู้ในแนวหน้าเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเอง

ผลก็คือหยาจางสร้างผลงานในสนามรบมากมายจนตำแหน่งในกองทัพของเติบโตขึ้นขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาอยู่เหนือแม่ทัพคนอื่น ๆ และเกือบจะถึงระดับของฟู่ห่าว

ซูอันพยายามหาเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับการทดสอบนี้จากหยาจางอย่างลับ ๆ

แต่ท้ายที่สุด ซูอันตระหนักได้ว่าหยาจางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการทดสอบอย่างแน่นอน อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลมิติลับในภายหลังเท่านั้น

หลังจากใช้เวลาหลายปีในการจัดการกับพวกชนเผ่าก่งโขว่และกุ้ยฟาง ราชวงศ์ซางก็พบกับศัตรูที่ทรงพลังอีกเผ่าหนึ่งคือเผ่าผี

เผ่าผีอาศัยอยู่ตามที่ราบสูงมองโกเลีย และมีแนวโน้มว่าจะเป็นบรรพบุรุษของชาวฮั่น คนของเผ่าผีแข็งแกร่งกว่าเผ่าก่งโขว่และเผ่ากุ้ยฟางอย่างชัดเจน

โชคดีที่หลังจากหลายปีภายใต้การปกครองของซูอันสถานการณ์ทางการเมืองในราชวงศ์ซางนั้นมีเสถียรภาพแล้ว และอาณาจักรของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ร่วมกับกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและความก้าวหน้าของแม่ทัพคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นที่เพ่ยเหมียนหมานจะต้องเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเองอีกแล้ว

สงครามนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายปี ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานถูกกดดันอย่างหนักในการสนับสนุนด้านการส่งเสบียง

ท่ามกลางความโหดร้ายของสงคราม ทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายอย่างหนัก และแม้แต่ผู้บัญชาการที่ช่ำชองอย่างหยาจางก็ถูกสังหารในสนามรบ

เนื่องจากความโหดร้ายในสนามรบ หลังจากทหารชาวซางเก็บศพของหยาจางได้ ทุกคนต่างพบว่าร่างกายของหยาจางเต็มไปด้วยบาดแผลจากอาวุธมากมาย แขนข้างหนึ่งของเขาได้ถูกตัดขาดและสูญหายไป

ซูอันตกตะลึง เมื่อระลึกถึงแขนเทียมทองสัมฤทธิ์ที่เขาเห็นในสุสาน เขาจึงสั่งให้ช่างฝีมือทำแขนเทียมที่เหมือนกันเพื่อฝังไว้กับร่างของหยาจาง คำสั่งนี้ได้รับการยกย่องจากทุกระดับของชนชั้น ทุกคนต่างยกย่องซูอันเป็นจักรพรรดิที่มีเมตตาธรรมอย่างแท้จริง

ทว่าซูอันกลับยังสับสนกับการตัดสินใจของตนเอง เขาไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ตนเองออกคำสั่งสร้างแขนเทียมนี้เป็นเพราะเคยได้เห็นแขนทองสัมฤทธิ์บนศพของหยาจาง หรือว่าเป็นเพราะเขากลัวว่าหากไม่ออกคำสั่งให้สร้างมัน โลกแห่งความเป็นจริงของเขาจะไม่มีแขนเทียมนี้ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มเริ่มสับสนในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

บางครั้งเขารู้สึกเหมือนกับว่าการทดสอบครั้งนี้เป็นโลกแห่งความจริง ในขณะที่โลกที่เขาจากมาอาจเป็นโลกในจินตนาการ

เมื่อพวกเขากำจัดเผ่าผีได้ในที่สุด อาณาจักรซางก็ต้องการเวลาอย่างมากในการฟื้นฟูหลังสงครามหลายปี

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้รับโอกาสเพราะเผ่าปาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้เริ่มรุกล้ำเข้ามาในดินแดน

ซูอันโกรธมาก “ไอ้พวกบัดซบ!…พวกเผ่าสารเลวพวกนี้คิดว่าอาณาจักรของข้าคือส้วมสาธารณะหรืออย่างไร!? พวกเจ้าคิดว่าจะมาและไปได้ตามต้องการอย่างนั้นเหรอ!?!”

การถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่องทำให้เขาแทบคลั่ง ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตอนนี้อาณาจักรมีเสถียรภาพแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางร่วมกับเพ่ยเหมียนหมาน

ทั้งสองคนวางแผนและร่วมมือกันอย่างแยบยลในสนามรบ ซูอันล่อกองทัพของเผ่าปาไปยังที่เพ่ยเหมียนหมานรออยู่ และประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการซุ่มโจมตีเป็นครั้งแรก

ถึงตอนนี้ทศวรรษผ่านไปแล้ว และซูอันรู้สึกว่าเริ่มหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไป

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขาเป็นผู้ปกครองอาณาจักร และการดูมันเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของเขาก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ภายในสมองจึงไม่มีที่ว่างสำหรับความทรงจำเก่าแก่ที่ไม่ได้ใช้งาน

ไม่เพียงแต่มีเพ่ยเหมียนหมานเท่านั้น แม้แต่เสี่ยวถู่วก็คอยรับใช้อยู่เคียงข้าง เขามีความสุขไปกับการใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้

ผ่านไปอีกพักใหญ่ข่าวดีบังเกิด

เพ่ยเหมียนหมานตั้งครรภ์!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะตั้งครรภ์หลังจากร่วมเตียงกันมาสิบปี ที่ผ่านมาเพ่ยเหมียนหมานอยู่ห่างออกไปในแนวหน้า ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถใช้เวลาร่วมกันมากเท่าที่ต้องการ เมื่อไม่นานมานี้เองที่พวกเขาทั้งสองได้เริ่มใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นในฐานะคู่รัก

ทั้งคู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าวการตั้งครรภ์ เป็นไปได้อย่างนั้นเหรอที่วิญญาณจะตั้งครรภ์ได้?

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความคิดชั่วขณะและถูกแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยความปีติยินดี

พวกเขาใช้เวลาอยู่ในมิติลับนี้นานเกินไปแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวสมจริงมากจนพวกเขาชินกับมันแล้ว เป็นเรื่องง่ายที่มันจะกลับกลายเป็นว่าพวกเขาคิดว่าโลกภายนอกมิติลับเป็นโลกที่อยู่ในความฝันเท่านั้น

เพ่ยเหมียนหมานอุ้มท้องอยู่สิบเดือนเต็มและซูอันก็ดูแลนางอย่างดีในช่วงเวลาทั้งหมด

แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น…!