บทที่ 751 เปลี่ยนครูฝึก

บทที่ 751 เปลี่ยนครูฝึก

“โอ้ งั้นบอกผมทีสิว่าทำไมถึงมั่นใจในตัวน้องสาวนัก?” เฉียวกวางหย่วนไม่เคยเห็นซูอู่ร่างตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย

เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างใคร่สนใจเพื่อรอฟังว่าเด็กคนนี้จะพูดอะไรน่าฟังหรือเปล่า

“เพราะน้องสาวผมเก่งครับ!” ซูอู่ร่างยืดอกแล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

“แล้วเก่งแค่ไหนล่ะ?” เฉียวกวางหย่วนเหลือบมอง มุมปากกระตุกยิ้มจาง ๆ

ตอนแรกที่ได้รับรายงานยังห่วงอยู่เลยว่านักเรียนเขาจะมีความรักหรือเปล่า แต่ฝ่ายนั้นก็ได้อธิบายเรื่องของซูเสี่ยวเถียนให้ตนเองฟัง ก่อนจะรู้ว่าเด็กสาวเป็นนักเรียนจากห้องพิเศษสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เธอสอบได้อันดับหนึ่งด้วยผลการสอบในระดับที่ดีมาก

แต่เธอยังเด็กเกินไป เด็กหญิงอายุแค่ 13 ปีเอง เขาเลยเชื่อได้อย่างสบายใจว่าซูอู่ร่างไม่ได้ตกหลุมรักเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นน้องสาวของซูอู่ร่างเสียอย่างนั้น อันที่จริง ตั้งแต่ได้รู้เรื่องเขารู้สึกจริง ๆ ว่าสองพี่น้องคู่นี้โดดเด่นมาก

แต่ไม่ว่าเด็กอายุ 13 จะเก่งมากแค่ไหน หากเทียบกับคนอื่น ๆ แล้วยังด้อยกว่านัก โดยเฉพาะเรื่องการฝึกทหารที่เกี่ยวข้องกับสมรรภภาพทางกาย ยังไงผู้ใหญ่ก็แข็งแกร่งกว่าเด็กอยู่แล้ว

เมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมรับและไม่เชื่อของหัวหน้า ซูอู่ร่างพลันวิตกกังวล ถ้าบอกว่าเขาไม่เก่งไม่ว่า แต่จะมาบอกว่าน้องสาวของเขาไม่เก่งไม่ได้ เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ผู้บังคับบัญชา

“ท่านไม่ควรพูดเช่นนี้นะครับ!”

เฉียวกวางหย่วนผงะ

“ไอ้หนุ่ม กลับไปยืนดี ๆ อย่ามาทำตัวไร้วินัย!”

ซูอู่ร่างยิ้มเจื่อน ๆ แล้วกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง

“ท่านครับ ถ้าน้องสาวผมเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ รางวัลที่ผมได้รับมาทั้งหมดเธอจะเป็นคนคว้าไปเองครับ” เขาเอ่ยออกไปไม่คิดลังเล จนอีกฝ่ายตะลึงพรึงเพริด

เฉียวกวางหย่วนก็เหลือบมองเด็กหนุ่มตรงนั้นขึ้นลง ราวกับกำลังจะถามว่าเขาโกหกอยู่หรือเปล่า ซูอู่ร่างเป็นคนเก่งมาก อย่างน้อยในหมู่นักเรียนเขาโดดเด่นที่สุด แต่ตอนนี้กลับพูดประโยคนั้นออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดหรอกหรือ?

“อู่ร่าง ไม่ว่าน้องสาวคุณจะเก่งแค่ไหน แต่เธอยังเป็นแค่เด็กอยู่ดี!” ไอ้หมอนี่จะคลั่งรักน้องสาวแบบไม่มีขอบเขตแบบนี้ไม่ได้นะ!

“ตอนน้องสาวอายุ 10 ขวบผมไม่เคยสู้ชนะเธอได้เลย แม้จะฝึกที่โรงเรียนทหารมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้วก็ตาม ตอนปีใหม่กลับไปก็ยังเอาชนะไม่ได้เลยครับ!” ซูอู่ร่างยิ้มภูมิใจ

เฉียวกวางหย่วนมองอีกฝ่าย จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าทำไมเด็กคนนี้ไร้ประโยชน์นัก มันน่าภูมิใจนักหรือไงถ้าเอาชนะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่ได้?

ดูท่าทางขึงขังอย่างกับผู้ชนะนั่นสิ น่ารังเกียจเหลือเกิน!

“ไร้ค่า! โดนเด็กผู้หญิงทุ่มลงพื้นได้ยังมีหน้ามาภูมิใจอีก ไว้กลับไปเมื่อไรจะฝึกให้หนักเลย!”

เฉียวกวางหย่วนเอ่ยเสียงดังลั่น นี่เป็นทหารที่เก่งกาจที่สุดของเขาหรือ?

ไร้แววนัก!

ซูอู่ร่างไม่สนใจคำขู่ แต่ยังตอบด้วยความภูมิใจอีกครั้ง “เป็นเรื่องธรรมดาครับ ครอบครัวเรามีลูกหลานสิบคน น้องสาวผมเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมที่สุด เรียนดี สู้เก่ง สองปีก่อนทำงานเป็นล่าม และทางกระทรวงยังชอบน้องสาวผมมากครับ!”

ผู้บังคับไม่รู้จะตอบอะไรเลย มีพี่น้องตั้งสิบคน แต่น้องสาวกลับเก่งที่สุด ไม่ว่าจะฟังยังไงก็เหมือนเล่าเรื่องตลกให้ฟังอยู่ มันสร้างความสงสัยให้เขาไม่น้อย ต่อให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเก่งมาก แต่จะเก่งได้รอบด้านขนาดนั้นเชียวหรือ?

เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอาการของพี่ชายที่รักน้องโดยไม่คิดตริตรอง

ได้ยินคนประเภทนี้มักจะรักน้องสาวแบบไม่มีขอบเขต ซูอู่ร่างจะต้องเป็นคนแบบนั้นแน่นอน

“กลับไปซะ! ไอ้คนไร้ประโยชน์ ถ้าฉันรู้ว่าแกเอาชนะเด็กผู้หญิงไม่ได้อีกล่ะก็ น่าดู!” เฉียวกวางหย่วนจ้องเขม็ง แล้วตวาดลั่น

ซูอู่ร่างมุ่ยหน้า ไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกมา เหอะ ต่อให้เป็นต่อให้คุณเป็นผู้บังคับการกองร้อยก็อาจเอาชนะน้องสาวผมไม่ได้เลยด้วยซ้ำมั้ง!

ในเมื่อเป็นคำขอของซูอู่ร่าง ผู้บังคังเฉียวจึงจัดการสลับกลุ่มสอนกับครูฝึกคนอื่นให้

เช้าวันต่อมา เสี่ยวเถียนไม่ได้ผิดหวังเมื่อเห็นว่าคนสอนไม่ใช่พี่ชาย พวกเราคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เรื่องนี้กลับสร้างความแปลกใจให้คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังหมิ่นหมิ่นที่กระตุกยิ้ม

เหอะ อยากจะรู้นักว่าซูเสี่ยวเถียนจะเชิญครูฝึกคนนี้ไปกินข้าวได้อีกหรือเปล่า? ถังหมิ่นหมิ่นรู้ดี หลังจากฝึกจบ คนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเรียนดีเด่นจะได้รับประโยชน์ไม่รู้จบ!

ซูเสี่ยวเถียนนับรายชื่อ ก่อนจะพบว่าอิ่นหรูอวิ๋นมาถึงแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริง ๆ แต่เธอไม่อยากยุ่งกับคนแบบนั้น และมุ่งความสนใจไปที่การฝึกดีกว่า

เธอยังคงสปิริตอันแรงกล้าและคอยฝึกฝนอยู่ตลอด จนลู่หยางครูฝึกคนใหม่ประหลาดใจมากเขาเอ่ยชมครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าสาวน้อยคนนี้เก่งจริง ๆ เป็นคนที่มีความสามารถโดยแท้

ด้วยการนำทีมของซูเสี่ยวเถียน ทำให้นักศึกษาเสร็จสิ้นการฝึกไปได้ด้วยดี

อิ่นหรูอวิ๋นที่เข้าร่วมในวันนี้ ประพฤติตัวดีมาก ถึงจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่ผลงานโดยรวมดีกว่าเมื่อวานแน่นอน

เย็นวันนั้นเฉียวกวางหย่วนไปหาลู่หยางโดยเฉพาะเพื่อถามสถานการณ์ของเสี่ยวเถียน

ลู่หยางประหลาดใจมากที่ผู้บังคับให้ความสนใจกับนักเรียนเป็นพิเศษ เขาเล่าไปตามความเป็นจริง เป็นปกติที่คำชมเชยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้เขายังเอ่ยซ่ำ ๆ ว่าเสี่ยวเถียนไม่ได้ทำการฝึกของตัวเองได้เสร็จสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังดูแลคนอื่น ๆ อีกด้วย

“เจ้าซูอู่ร่างได้พูดอะไรกับคุณไหม?” เฉียวกวางหย่วน

ผู้บังคับคิดว่าเด็กทั้งสองน่าจะเตี๊ยมกันไว้แล้ว เพราะพวกเขาสนิทกันมาก

“ซูอู่ร่างบอกอะไรผมหรือครับ?” ลู่หยางสับสน

เมื่อเห็นท่าทางไม่เหมือนเสแสร้ง เฉียวกวางหย่วนจึงตัดสินใจที่จะเชื่อ

“ขอบคุณมากครับผู้บังคับกองร้อย เพราะการโยกย้ายในครั้งนี้ทำให้ผมได้มีโอกาสโต้กลับซูอู่ร่างแล้ว!” ลู่หยางหน้าตาชื่นบาน

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” เฉียวกวางหย่วนใคร่สนใจ

“ท่านคงยังไม่รู้เรื่องนี้ ตั้งแต่ที่ท่านเปลี่ยนให้ผมมาประจำตำแหน่งที่กองร้อย 13 ถึงกองนี้จะมีผู้ญิงเยอะกว่า แต่พวกเธอกระฉับกระเฉงกว่าผู้ชายเสียอีก”

ก่อนหน้านี้ลู่หยางไม่ค่อยยินดีเท่าไรที่ต้องมาดูแลกองร้อย 13 แต่ตอนนี้ละอายใจเกินกว่าจะพูดมันออกมา และระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ได้เลย ทำยังไงดีล่ะ?

“งั้นแสดงว่าก็ไม่เชิงว่าอยากสอนเท่าไร?” เฉียวกวางหย่วนเหลือบมอง

“เพราะกองร้อยนี้มีจำนวนนักเรียนหญิงมากกว่าผู้ชายถึงสองในสามครับ ผมก็เลยไม่ยินดีที่ได้เป็นครูฝึกพวกเขา แต่ว่าพอพูดถึงเด็กที่ชื่อซูเสี่ยวเถี่ยน เธอเป็นผู้ขับเคลื่อนของทุกคนเลยนะครับ”

ลู่หยางยิ้มจนตาปิด

“ท่านครับ ผมอยากขออนุญาตจากท่านครับ ผมสามารถเชิญซูเสี่ยวเถียนมาร่วมทานอาหารเพื่อแสดงความความขอบคุณได้หรือเปล่าครับ!”