บทที่ 752 ขุดตีนกำแพง

บทที่ 752 ขุดตีนกำแพง

เฉียวกวางหย่วนนึกห่วงเมื่อได้ยินเรื่องกินข้าวอีกครั้ง แต่ละคน ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากกินข้าวแล้วหรือ? ซูอู่ร่างก็ไปกินข้าวด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นพี่น้องกัน แล้วถ้าลู่หยางเอาด้วยอีกคน เขาพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไร

“หยุดเลย รอจนกว่าการฝึกจะเสร็จแล้วค่อยมาพูดเรื่องนี้!” เฉียวกวางหย่วนคัดค้าน

ตลกแล้ว เราจะเปลี่ยนครูฝึกทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกันไม่ได้มั้ง?

ลู่หยางไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บังคับถึงค้านขนาดนั้น

“ท่านครับ ซูอู่ร่างคงไม่ใช่เพราะมีความสามารถเชิญสาวน้อยไปกินข้าวด้วยได้จึงเปลี่ยนตัวออกใช่ไหมครับ?”

ลู่หยางแค่พูดเฉย ๆ แต่ดันไม่คิดว่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริง

“กลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้หลังจากอาหารเย็นมารายงานผมด้วย!” เฉียวกวางหย่วนจ้องเขม็ง

ลู่หยางถูจมูกก่อนหมุนตัวจากไป! เขาสงสัยนักว่าทำไมต้องจับตามองขนาดนั้น? นี่ไม่ใช่การฝึกทหารของเราเสียหน่อย ทำไมต้องมารายงานตัวทุกวันด้วยล่ะ

จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?

แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่ทำด้วย?

ในขณะเดียวกันทางฝั่งห้อง 314 ทุกคนกำลังสงสัยว่าทำไมครูฝึกถึงโดนเปลี่ยนตัวกะทันหัน ครูคนเมื่อวานหน้าตาดีทีเดียวเชียว เห็นแล้วเจริญหูเจริญตาเป็นที่สุด

“ทำไมถึงเปลี่ยนตัวครูฝึกสุดหล่อเสียล่ะ? น่าเสียดายจัง!” จ้าวหงเหมยท้าวคางถามขณะนอนอยู่บนเตียง

“ที่จริงครูฝึกลู่ที่มาใหม่วันนี้ก็หน้าตาดีนะ” เฉียนเสี่ยวเป่ยหน้าแดง

“ฉันไม่อยากเปรียบเทียบกันเลย!” เด็กสาวคนแรกส่ายหัวพรืด “ดั่งคำพูดที่ว่า มนุษย์กับสิ่งของไม่ได้ต่างกันเลย*[1]! ถ้าไม่ได้เจอครูฝึกซูก่อน ครูฝึกลู่ก็ไม่แย่นะที่จริง แย่จังเลย!”

“หงเหมยพูดถูก แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีนั่นแหละว่าเปลี่ยนตัวเขาออกทำไม!”

กลับกันเป็นอิ่นหรูอวิ๋นที่คิดว่าเปลี่ยนตัวไปก็ดี เหอะ ครูฝึกซูไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาสักนิด*[2]จะเอามาสอนทำไม?

ซูเสี่ยวเถียนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเงียบ ๆ ไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนาสักนิด

“เสี่ยวเถียน ฝึกเหนื่อยขนาดนี้ยังมีแรงอ่านหนังสืออีกหรือ?” ฉู่เยว่ใคร่สงสัย

ผู้ใหญ่แบบเรา ๆ ที่ฝึกทั้งวันยังรู้สึกว่าร่างกายเริ่มไม่ไหว แล้วกับเสี่ยวเถียนที่เป็นเด็กผู้หญิงพ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้า ถ้าต้องทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบอีกจะไม่ยิ่งเหนื่อยเชียวหรือ?

“การอ่านคือสิ่งที่ฉันชอบน่ะ เป็นวิธีผ่อนคลายของฉันเอง!” เสี่ยวเถียนยิ้มแล้วอ่านต่อ

เอาล่ะ ถ้ามันทำให้คนมีความสุขและผ่อนคลายแบบนั้นก็มาเริ่มอ่านหนังสือกันเถอะ

ในไม่ช้า สาว ๆ ในห้องก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านบ้าง พวกเธออ่านหนังสือเรียนที่เพิ่งได้รับมา แม้จะเข้าใจเนื้อหาแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่ พอเจอทางตันทุก ๆ คนจึงมาช่วยกันเล่าเรื่อง

อิ่นหรูอวิ๋นเฝ้ามองคนพวกนี้ ก่อนดึงผ้าห่มมาคลุมโปงเพื่อเข้านอน มหาวิทยาลัยยังไม่ทันเปิดดี ทำเป็นเรียนไปเพื่ออะไร? ทำตัวเหมือนจะเรียนเก่ง แต่ตอนนั้นเธอลืมไปเสียสนิทว่า จากบรรดาคนในห้องเธอมีผลการเรียนต่ำที่สุด

ทางฝั่งถังหมิ่นหมิ่นกำลังแช่มชื่นจนตัวแทบลอย ขณะไปอาบน้ำยังฮัมเพลงตลอดทางเลย

ท่าทางเบิกบานใจทำให้คนอื่นสงสัย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามว่าทำไม

คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การฝึกฝนผ่านไปวันแล้ววันเล่า เสี่ยวเถียนทำได้ดีเสมอ

ด้วยแรงขับเคลื่อนของเธอ ทำให้คนอื่น ๆ ในคณะทำได้ดีเช่นกัน

ข่าวคราวที่เฉียวกวางหย่วนได้ยินมาคือ เนื้อหาการฝึกฝนของคณะภาษาจีนเสร็จสิ้นด้วยผลลัพธ์ที่ดีมาก โดยเฉพาะเด็กที่ชื่อซูเสี่ยวเถียน ถึงจะยังเด็กแต่ความสามารถไม่เลวเลย แถมยังทำได้ดีมากอีกด้วย

เฉียวกวางหย่วนฟังการรายงานจากลู่หยางทุกวัน และพบว่ามันน่าเหลือเชื่อนัก

ด้วยความสนใจจึงไปดูที่สนามด้วยตนเอง

เฉียวกวางหย่วนเฝ้ามองตลอดช่วงบ่าย มองเด็กหญิงวิ่งแบกของหนักโดยไม่บ่นอะไรสักคำ ทั้งยังมองเธอยืนทำท่าทหารที่ได้มาตราฐานด้วย

“อย่างที่ซูอู่ร่างบอกเลย น้องสาวเขาน่าทึ่งจริง ๆ!” แววตาเฉียวกวางหย่วนเป็นประกาย

เย็นวันนั้น เขาไม่รอให้เด็กหนุ่มได้กินข้าวแล้วรีบตามไปหาอีกฝ่ายทันที

ซูอู่ร่างไม่เข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย หลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ไปกินข้าวกับน้องด้วยซ้ำ ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจสักนิด

เขาในตอนนี้ดูไม่มีความสุขเลย ขนาดเห็นหน้าผู้บังคับยังไม่ยินดีเลย แต่เหมือนเฉียวกวางหย่วนจะมองไม่เห็นความขุ่นเคืองนั้น แล้วเอ่ยปากออกมา

“อู่ร่าง พอจะชักชวนให้น้องเรียนซ้ำอีกซักปีได้ไหม ปีหน้าจะได้สอบเข้าโรงเรียนทหาร?”

พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าเด็กหนุ่มพลันเปลี่ยน เขามองผู้บังคับกองร้อยด้วยความโง่เขลา

หมายความว่ายังไง?

“ท่าน…ท่านเมาหรือครับ? ต่อให้ท่านไม่ใช่ครูฝึกก็ไม่สามารถดื่มได้หรือเปล่าครับ?”

นอกจากความเป็นไปได้นี้ เขาคิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจเป็นปวดหัว ไข้ขึ้น หรือป่วยไม่สบายอะไรประมาณนี้ แต่คนตรงหน้าคือใครล่ะ?

นี่คือผู้บังคับกองร้อยผู้แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรทำเขาปวดหัวได้!

“ไอ้เด็กคนนี้นี่ พูดจาอะไร? ฉันไม่ได้เมา แค่คิดว่าน้องสาวแกเก่งจริง ๆ”

“ตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นะครับ ท่านจะให้เธอเรียนซ้ำอีกปีหรือครับ?” ซูอู่ร่างไม่อยากเชื่อ

จากนั้นเฉียวกวางหย่วนก็จำได้ว่าคำขอของเขามันดูไม่มีเหตุผลสักนิด

“อันที่จริงจะคุยก่อนก็ได้นะ แต่ถ้าไม่สมัครที่โรงเรียนทหารของเขา ดูเหมือนที่อื่นจะไม่รับน่ะสิ”

“…” ซูอู่ร่าง

เสี่ยวเถียนไม่ควรเลือกไปเรียนโรงเรียนทหารสิ

“อู่ร่าง พวกเราไปหาอธิการบดีเพื่อรับตัวน้องสาวมาโรงเรียนเราดีไหม?”

ผู้บังคับกองร้อยรู้สึกว่าถ้าพลาดเด็กที่คุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนี้ไป เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ไม่ได้การแล้ว เราต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะเชิญชวนให้เสี่ยวเถียนมาเรียนที่โรงเรียนทหารให้ได้

ทหารคุณภาพเช่นนี้หายากมากนะ!

ซู่อู่ร่างมองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจ

“ท่านครับ ผมขอเตือนท่านก่อนว่าครอบครัวเราย้ายมาอยู่เมืองหลวงเพื่อให้น้องสาวได้เรียนหนังสือครับ!”

ทุกคนในบ้านทิ้งบ้านทิ้งธุรกิจมาก็เพื่อมาคอยดูแลน้องสาวไม่ใช่หรือ? โดยเฉพาะสองปู่ย่าที่อยากดูแลหลานสาวสุดหัวใจ ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนเราอยู่ทางใต้น่ะ

สีหน้าของผู้บังคับชะงักไปชั่วขณะ อะไรนะ?

คนทั้งตระกูลย้ายบ้านเพื่อเด็กคนเดียว?

เหลือเชื่อ!

แต่ในชั่วพริบตา เฉียวกวางหย่วนรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไขได้

ส่วนเรื่องทั่ว ๆ ไปมันไม่ได้ยากอะไร

“อู่ร่าง ลองไปชวนน้องก่อนเถอะ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทางครอบครัวได้รับการดูแลอย่างดีนะ”

โรงเรียนมันไม่ใช่โรงงานนะ ที่จะส่งครอบครัวเราไปทำงานเป็นพนักงานแล้วปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายน่ะ!

ซูอู่ร่างมองผู้บังคับโดยไม่พูดอะไร เขาไม่มีทางยอมแพ้กับเสี่ยวเถียนแน่นอน

แล้วเขาก็ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย

เขาคิดว่าถ้าได้เสี่ยวเถียนมาเป็นทหารของเรา หรือได้รับการฝึกจากเขา เธออาจจะกลายเป็นทหารยอดเยี่ยมเลยก็ได้

สำหรับต้นอ่อนแบบนี้ เขาทำได้ทุกอย่าง

ถ้าพลาดไปล่ะก็ จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้!

[1] หมายถึง คนที่เก่งจะอยู่รอด สินค้าที่มีคุณภาพจะไม่ถูกคัดทิ้ง

[2] บุรุษควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี

ขุดตีนกำแพง เป็นอุบายที่ใช้โค่นล้มฝ่ายอื่นเพื่อไม่ให้สิ่ง ๆ ต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น มักกล่าวถึงการดึงคนสำคัญหรือคนที่มีความสามารถของผู้อื่นไป