ตอนที่ 1533 ห้องประหลาด (3) ตอนที่ 1534 สำนักประหลาด (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1533 ห้องประหลาด (3) / ตอนที่ 1534 สำนักประหลาด (1)
ตอนที่ 1533 ห้องประหลาด (3)

นางต้องใช้พลังวิญญาณเท่าไหร่ถึงจะสามารถวางลูกแก้วทั้งหมดลงบนชั้นวางได้

แมวดำตัวน้อยคิดจะแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายสีดำเพื่อช่วยจวินอู๋เสียวางลูกแก้วอัญมณีทั้งหมด แต่จวินอู๋เสียก็ห้ามไว้

“ข้าจะทำเอง” จวินอู๋เสียพูดพลางเดินไปหยิบลูกแก้วอัญมณีอีกลูก

หลังจากมาที่ภูเขาฝูเหยา นางไม่มีโอกาสใช้พลังวิญญาณมากนัก และนางเข้าใจว่าเพื่อที่จะเร่งการพัฒนาพลังวิญญาณของนาง นางจะต้องใช้พลังวิญญาณให้หมดเพื่อผลักดันให้ขีดจำกัดของตัวเองไปได้ไกลขึ้น

และสถานที่นี้ก็ทำให้นางมีโอกาสนั้น

เมื่อแมวดำตัวน้อยเห็นว่าจวินอู๋เสียดื้อรั้นมาก มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอยไปด้านข้างและเฝ้าดูจวินอู๋เสียวางลูกแก้วอัญมณีบนชั้นวางของอย่างเงียบๆ

พลังวิญญาณของนางถูกสูบไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากจวินอู๋เสียวางลูกแก้วไปได้สิบลูก นางก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณของนางถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยง

การใช้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากถูกแปลงเป็นพลังจิตวิญญาณ แค่แตะลูกแก้วอัญมณีพวกนั้นก็จะโดนลูกแก้วดูดพลังจิตวิญญาณไปอย่างบ้าคลั่ง!

หลังจากพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียหมดลง นางก็นั่งลงทำสมาธิ

โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากนางกับแมวดำตัวน้อย นางจึงสามารถนำอ่างบัวหิมะออกมาและใช้บัวหิมะฮ่องเต้ฟื้นฟูพลังวิญญาณของนางได้อย่างรวดเร็ว

บนภูเขาฝูเหยา อากาศเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่สามารถดูดซับพวกมันได้โดยตรง แต่นางก็สามารถใช้บัวหิมะฮ่องเต้เพื่อถ่ายโอนพลังวิญญาณมาให้นางได้

ถ้าไม่ใช่เพราะภูเขาฝูเหยามีพลังวิญญาณอยู่หนาแน่น แม้จะมีบัวหิมะฮ่องเต้อยู่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จวินอู๋เสียจะฟื้นพลังวิญญาณของนางได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

พลังวิญญาณของนางมาถึงขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่แล้ว และการฟื้นฟูพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถจินตนาการได้!

หลังจากที่พลังวิญญาณของนางฟื้นกลับคืนมา จวินอู๋เสียก็เริ่มทำภารกิจของนางต่อ

พลังวิญญาณของนางหมดลงครั้งแล้วครั้งเล่า และนางก็ลงนั่งทำสมาธิฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน

พลังวิญญาณในร่างของจวินอู๋เสียถูกใช้และฟื้นคืนหมุนเวียนกันอยู่อย่างนั้น ผลักดันขีดจำกัดของนางซ้ำแล้วซ้ำอีก

เมื่อจวินอู๋เสียวางลูกแก้วอัญมณีลูกสุดท้ายลงบนชั้นวางของ ใบหน้าของนางก็ซีดขาวแล้ว เม็ดเหงื่อของนางไหลลงมาจากหน้าผากและหยดลงบนพื้นไม้จนพื้นเปียก

การที่พลังวิญญาณของนางถูกใช้จนหมดและฟื้นกลับมาซ้ำๆ นอกจากจะทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างเต็มที่แล้ว ยังให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและแปลกประหลาด

พลังวิญญาณในร่างของนางดูเหมือนจะแตกต่างจากเมื่อก่อน แต่เป็นอย่างไรนั้น นางก็ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

นางรู้สึกว่าพลังวิญญาณคล้ายจะหนาแน่นขึ้น

แต่นั่นไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของพลังวิญญาณ

จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่ได้พลาดลูกแก้วอัญมณีลูกใดในห้อง นางก็ให้แมวดำตัวน้อยเข้าไปในร่างของนาง จากนั้นก็เดินไปที่ประตูซึ่งปิดสนิท

เอี๊ยด

ประตูบานใหญ่และหนักถูกผลักเปิดออกอย่างช้าๆ แล้วจวินอู๋เสียก็เดินหน้าซีดออกมาจากห้อง

บุรุษสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูผงะไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นจวินอู๋เสีย พวกเขามองใบหน้าซีดเซียวของนางด้วยสายตากังวลเล็กน้อย

“เสร็จแล้ว” จวินอู๋เสียพูดช้าๆ แม้ว่าร่างกายของนางจะอ่อนเพลีย แต่นางก็ยังยืดหลังตรง

บุรุษสองคนมองจวินอู๋เสียและไม่ได้พูดอะไร แค่ให้คนหนึ่งเข้าไปตรวจในห้องหนึ่งรอบ หลังจากแน่ใจว่าลูกแก้วอัญมณีทั้งหมดในห้องถูกวางไว้บนชั้นวางแล้ว พวกเขาก็ยอมรับว่าจวินอู๋เสียทำภารกิจของนางเสร็จสิ้นแล้ว

“นี่คือกุญแจห้องของเจ้า” บุรุษคนหนึ่งวางกุญแจที่เตรียมไว้ลงบนมือของจวินอู๋เสีย และบอกที่ตั้งห้องพักของนาง

ตอนที่ 1534 สำนักประหลาด (1)

ห้องพักของจวินอู๋เสียอยู่ในหอพักที่เทียนเจ๋อพาพวกเขามาในตอนแรก และอยู่บนชั้นสาม

เมื่อจวินอู๋เสียมาถึงหน้าหอพัก นางก็บังเอิญพบร่างที่คุ้นเคยเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง

“ฮ่า…น้องเสีย…” เฉียวฉู่ที่ใบหน้าซีดเซียวมองจวินอู๋เสีย ร่างที่สูงตรงอยู่เสมอของเขา บัดนี้งอเล็กน้อย เขาโบกมือให้จวินอู๋เสีย สีหน้าของเขาขมขื่นอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้

“ข้าคิดว่าจะตายแล้วเสียอีก…” เฉียวฉู่โอดครวญ แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

เทียนเจ๋อแยกพวกเขาทั้งหมดออกชั่วคราวเพื่อให้ทุกคนเข้าทดสอบการประเมินของสำนักธาราเมฆ เฉพาะผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะได้รับการพิจารณาให้เป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆอย่างเป็นทางการ และมีคุณสมบัติที่จะอาศัยอยู่ในห้องพัก

จากความสามารถและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันของพวกเขา การทดสอบที่พวกเขาได้รับจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จวินอู๋เสียเจอมาแล้ว และรู้ว่าการประเมินเข้าสำนักธาราเมฆไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อนางเห็นสภาพซีดเซียวของเฉียวฉู่ นางก็รู้ว่าเขาต้องทรมานมาไม่น้อยเช่นกัน

การทดสอบที่มอบให้เผ่าจ้าววิญญาณมีเป้าหมายที่การใช้พลังจิตวิญญาณ เช่นนั้นเป้าหมายสำหรับพวกผู้เยาว์ที่มาจากการแข่งพลังวิญญาณที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง สิ่งที่รอต้อนรับพวกเขาก็คงเป็นการทดสอบที่ใช้พลังวิญญาณของพวกเขาอย่างแน่นอน

“โอย! ไม่ไหว! น้องเสีย ช่วยพยุงข้าที” เฉียวฉู่อยากยืดหลัง แต่ก็ปวดหลังจนยืดไม่ขึ้น จึงทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียอย่างน่าสงสาร

จวินอู๋เสียมองเฉียวฉู่อย่างเงียบๆ แล้วค่อยๆ ยื่นมือออกไป

เฉียวฉู่คว้าแขนของจวินอู๋เสียราวกับคว้าฟางช่วยชีวิต

“สำนักนี้มันนรกชัดๆ! เวรเอ๊ย! อาจารย์ทุกคนอย่างกับปีศาจ ทรมานพวกเราอย่างโหดร้าย” เฉียวฉู่บ่นอย่างเจ็บปวด เขาอยู่ที่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสามแล้ว เหนือกว่าผู้เยาว์คนอื่นที่เข้าสำนักมาพร้อมกับเขามาก แต่ถึงกระนั้น การประเมินเข้าสำนักธาราเมฆก็ทำเขาหมดสภาพได้ขนาดนี้

จินตนาการได้เลยว่าผู้เยาว์คนอื่นๆ จะต้องทรมานมากขนาดไหน

เฉียวฉู่บอกจวินอู๋เสียว่าห้องพักเขาอยู่ที่ไหน บังเอิญเหลือเกินที่เขาอยู่ชั้นเดียวกับจวินอู๋เสีย และห่างกันแค่ไม่กี่ห้อง

จวินอู๋เสียช่วยพยุงเฉียวฉู่ขึ้นบันได

ตามที่เฉียวฉู่พูด การทดสอบที่พวกเขาได้รับนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณ หรงรั่วและฮวาเหยาอยู่กับเขา พวกเขามาที่นี่ก่อนหน้าเฉียวฉู่เล็กน้อย แต่ห้องของพวกเขาไม่ได้อยู่กับจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่

หลังจากส่งเฉียวฉู่กลับห้อง จวินอู๋เสียก็ไปที่ห้องของตัวเอง

ตอนแรกเฉียวฉู่อยากจะบ่นต่ออีกหน่อย แต่พอล้มลงบนเตียง ความง่วงก็เข้าครอบงำเขาราวกับท้องฟ้าร่วงหล่นลงมา กระทั่งแรงจะอ้าปากพูดยังไม่มี เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกความคิดนั้น

แม้ว่าการประเมินเข้าสำนักธาราเมฆจะทรมานจนน่ารังเกียจ แต่สภาพของที่พักก็ไม่เลวเลย

ข้าวของจำเป็นทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้ และห้องก็ค่อนข้างกว้างขวาง สามารถมองเห็นวิวภายนอกจากหน้าต่างห้องได้

จวินอู๋เสียนั่งอยู่ในห้องสักพักก็เริ่มง่วง นางเอนหลังลงบนเตียงและหลับสนิท

สิ่งที่จวินอู๋เสียไม่รู้ก็คือ การทดสอบนี้นางใช้เวลาถึงสามวันเต็ม

แต่เทียบกับคนอื่นๆ แล้ว เวลาที่จวินอู๋เสียใช้นับว่าเร็วทีเดียว

ตอนที่จวินอู๋เสียตื่นขึ้นมา ที่หอพักยังมีคนกลับมาไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ ความจริงพวกฟ่านจัวมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว แต่หลังจากมาที่นี่ พวกเขาพูดแค่ไม่กี่คำก็ตะกายกลับห้องไปนอนกรนเสียงดัง ดูท่าทางแล้วคงถูกทรมานมาไม่น้อยเช่นกัน