บทที่ 650 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์? (3)
เข็มเงินเหล่านี้อาบยาพิษ ซึ่งหล่อหลอมมาจากโอสถพิษที่หลี่ฉางโซ่วสกัดมาจากราชามังกรทะเลประจิม
มันเป็นพิษที่เกือบจะทำลายราชามังกรทะเลประจิมให้วางวายไปแล้ว
“เข็มเงิน” เหล่านี้ ทำมาจาก “หินอู้เซียน[1]”อันล้ำค่าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถทะลวงผ่านแสงเซียนที่ปกป้องร่างกายได้
มันดูเหมือนเป็นการโจมตีทั่วไป แต่ใช้ต้นทุนจริงสูงทีเดียว และยากที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
ทว่ามันก็ได้ผลดีจริงๆ
ในชั่วพริบตานั้น ครึ่งหนึ่งของเหล่าปีศาจใหญ่ที่กำลังโจมตี ก็ถูกเข็มเงินเหล่านั้นทิ่มแทง
ในตอนแรก เหล่าปีศาจใหญ่ไม่ได้ตระหนักว่าตัวพวกมันเองมีพลังอันใด แต่เมื่อพวกมันเริ่มโคจรพลังเซียน ทันใดนั้นดวงตาของพวกมันก็มืดมิดลงกะทันหัน
นอกจากนี้ยังมีปีศาจใหญ่สองสามตนที่แทบจะไม่ได้รับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเซียนเทียน พวกมันค่อยๆ กลายร่างเป็นร่างจริงของพวกมันในอากาศแล้วสิ้นชีพไป
จากนั้นวิญญาณปีศาจของพวกมันก็กลายเป็นควันดำและสลายไปทันที
ภาพเหตุการณ์นั้น ทำให้เหล่าปีศาจต่างก็มีสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปในทันที
ปีศาจเฒ่าตนหนึ่งร้องคำรามและเรียกให้เหล่าปีศาจทั้งหมดมาโจมตีพร้อมกัน ในขณะนั้น เงาปีศาจจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนบิน ตรงเข้าหาหลี่ฉางโซ่ว
หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็เข้าปิดล้อมหลี่ฉางโซ่ว แล้วใช้พลังเวทและสมบัติเวทของพวกมันทั้งหมดเข้าสู่การต่อสู้
แต่ในขณะที่เหล่าปีศาจล้อมรอบกายเขา จู่ๆ ก็มีสายฟ้าสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้าและเข่นฆ่าเหล่าปีศาจที่ล้อมรอบเขาให้แพ้พ่ายไปในทันที!
บรรดาทหารถั่วเซียนบนยอดเขาต่างๆ ได้ปล่อยการโจมตีออกมาอีกครั้งในขณะที่เหล่าปีศาจ ซึ่งแต่เดิมอยู่รอบๆ สำนักนั้นก็ได้รับคำสั่งให้โจมตี และบัดนี้ การต่อสู้ที่ดุเดือดก็ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นในสำนักตู้เซียนแล้ว
ในขณะนั้น เจดีย์เสวียนหวงที่อยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉางโซ่วได้พุ่งตัวจากซ้ายไปขวา แล้วปล่อยทั้งเวทสายฟ้า ผงพิษ และเพลิงสมาธิแท้ กระจัดกระจายออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
จากนั้น ชิ้นส่วนของเหล่าทหารปีศาจมากมายก็ร่วงหล่นลงไปกับพื้นและแตกกระจายไปทั่วทั้งสำนักตู้เซียน
ในหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย
เวลานี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าและหลิงเอ๋อร์ต่างก็มองดูภาพในกระจกโดยไม่รู้ว่าจะเอื้อนเอ่ยวาจาใดในขณะนั้น
เมื่อได้มองเห็นเทพเซียนชรากำลังเข่นฆ่าไปทั่วทุกที่ ราวกับว่าได้เข้าไปสู่ดินแดนที่ไร้ผู้คน แล้วทำลายการต่อต้านทั้งหมด และพวกนางก็ยังมีภาพลวงตาบางอย่างที่พวกนางสามารถทำได้
ในขณะนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่ากระซิบว่า “ศิษย์พี่ คนนี้คือ…”
หลิงเอ๋อร์พึมพำว่า “เขามาจากศาลสวรรค์ ข้าก็ไม่รู้”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “อย่าได้ดูเบาพวกปีศาจเหล่านี้ พวกมันจะทำลายสำนักตู้เซียนของเราได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย
ปีศาจเฒ่าสองสามตนที่นี่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนต้าหลัวจินที่อ่อนแอกว่าเผ่ามนุษย์เล็กน้อย
เหตุที่คิดว่าสามารถจัดการกับมันได้ง่ายก็เพียงเพราะมีเจดีย์ที่อยู่เหนือศีรษะ
เจดีย์นี้ มีชื่อเรียกว่า เจดีย์วิจิตรเสวียนหวงเทียนตี้ ซึ่งปรมาจารย์จอมปราชญ์ได้มอบให้ข้า เพื่อช่วยข้าจัดการกับศัตรูที่ทรงพลังเหล่านี้”
หลิงเอ๋อร์และโหย่วฉินเสวียนหย่ามองหน้ากันเงียบๆ แต่ละคนต่างเอื้อนเอ่ยไม่ออกเล็กน้อย
หลิงเอ๋อร์ถามเบาๆ ว่า “แต่ศิษย์พี่ คนที่อยู่ด้านนอกนั่น ไม่ใช่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของท่านหรอกหรือเจ้าคะ?”
“เจ้ารับรู้ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสองอย่าได้ทิ้งยันต์หยกที่ข้ามอบให้พวกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ เผื่อว่าหากมีผู้ใดสอดแนมความคิดจิตใจของพวกเจ้าได้ เช่นนั้น ส้นเท้า[2]ของข้าก็จะถูกเปิดเผยออกไปโดยตรง”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนน้ำเสียงกล่าวอย่างจริงจังว่า “วันนี้ที่ข้าปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองคนได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้นั้น ไม่ใช่เพื่อให้พวกเจ้าได้พบความความสนุก ตื่นเต้นเท่านั้น หลิงเอ๋อร์ วันนี้เจ้าเห็นถึงอันตรายของโลกบรรพกาลแล้วหรือไม่?
หลิงเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“ศิษย์น้องโหย่วฉิน” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้ในใจของเจ้า
หลังจากที่เจ้าฝ่าทะลวงด่านขึ้นไปสู่ขอบเขตเซียนเทียนแล้ว ข้าจะจัดเตรียมเส้นทางให้เจ้า
หากเจ้าต้องการสังหารปีศาจเพื่อปล่อยให้คุณธรรมในใจของเจ้าได้สงบลง”
โหย่วฉินเสวียนหย่าประสานมือคารวะพลางก้มศีรษะลงและกล่าวว่า “เสวียนหย่าจะไม่ทำให้ศิษย์พี่ผิดหวังเจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์ยกมือเล็กๆ ของนางขึ้นมาจากด้านข้างอย่างอ่อนแรงและกล่าวว่า “แต่ศิษย์พี่… จะเกิดอันใดขึ้น หากปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยืนหยัดต่อสู้กับสมบัติของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราเช่นนี้?
แล้วหากมันถูกฉกฉวยเอาไปได้ จะเป็นอย่างไรเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “สมบัติชิ้นนี้เป็นของปรมาจารย์ไท่ชิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรา แม้แต่ปรมาจารย์จอมปราชญ์คนอื่นๆ ก็ไม่อาจฉกฉวยเอามันไปได้
อืม? มีปรมาจารย์กำลังมาที่นี่ คอยเฝ้าดูสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเจ้าให้ดีๆ ข้าจะคืนจิตกลับไปที่ร่างหลักของข้าก่อนและจัดการกับพวกเขาสักหนึ่งหรือสองคน”
กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็หยุดโบกพัดปู๋ซ่านในมือทันที เขาหลับตาและตั้งสมาธิเพ่งจิตจดจ่อเงียบๆ โดยไม่มีเสียงใดๆ เลย
โหย่วฉินเสวียนหย่าถามเบาๆ ว่า “ร่างหลักของศิษย์พี่ฉางโซ่วอยู่ที่ใดหรือ?”
“อืม ข้าก็พูดไม่ถูก บอกแน่นอนไม่ได้เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์พึมพำ
“ทว่าโดยปกติแล้ว ศิษย์พี่ก็จะอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด…
ดูสิ!”
จู่ๆ หลิงเอ๋อร์ก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน และเมื่อมองดูแล้ว นางก็อดจะรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยไม่ได้
ในขณะนั้น มีกระแสวังวนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือกระจกแก้ว และลำแสงนับสิบสายก็พุ่งออกมาจากมัน พวกมันดุร้ายและทรงพลังยิ่ง!
สัตว์ร้ายบรรพกาลแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมโจมตีแล้ว!
หลี่ฉางโซ่วซึ่งกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับปรมาจารย์เผ่าปีศาจ ในขณะนี้ จู่ๆ ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น
นั่นเป็นเพราะท่ามกลางบรรดาสัตว์ร้ายบรรพกาลที่พุ่งเข้ามานั้น มันได้ซ่อนกลิ่นอายลมปราณที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด
วิ้งๆๆ~
ทันใดนั้นเสียงของผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ดังเข้ามาอยู่ในหูของหลี่ฉางโซ่ว แต่นางก็ยิ้มออดอ้อนฉอเลาะและกล่าวว่า “ใต้เท้า ท่านช่างกล้าหาญยิ่ง บัดนี้หัวใจของบ่าวเช่นข้ากำลังเบ่งบานนัก”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “บางที ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อาจกำลังเฝ้าดูอยู่”
“แม้ท่านจะรูปงามและอ่อนโยน แต่ใต้เท้า บ่าวก็ยังเคารพท่านมากขึ้น”
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว จงทำตามที่ข้าบอก การโจมตีครั้งนี้ เป็นฝีมือของตี้จั้งหรือไม่?”
“แน่นอนเจ้าค่ะ”
ขณะกล่าว เหล่าบุรุษรูปงามและสตรีโฉมสะคราญกว่าสิบคนก็เข้าร่วมการต่อสู้ และพวกเขาก็ขับไล่พวกปีศาจให้ถอยร่นไป แต่ละคนล้วนปล่อยการโจมตีรุกไล่อย่างดุเดือด
………………………………………………………………..
[1] หินอู้เซียนคือ หินเซียนดำ อู้ในที่นี้ แปลว่า สีดำ
[2] ภูมิหลัง ตัวตน หรือร่องรอย