บทที่ 767 ไม่อยากรบกวนเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 767 ไม่อยากรบกวนเจ้า

บทที่ 767 ไม่อยากรบกวนเจ้า

กู้เสี่ยวหวานรีบบอกให้อาโม่เดินทางไปยังเมืองหลิวเจียเพื่อซื้อชุดเสื้อผ้าสำหรับสตรี หลังจากตรึกตรองดู ป้าจางเองก็ไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียงอยู่บ่อยครั้ง จึงเสริมว่าให้บอกว่าเป็นของป้าจางหมู่บ้านอู๋ซี จากนั้นให้พี่ฝูเลือกขนาดที่เหมาะสม

แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้เอ่ยสิ่งนี้ต่อหน้าป้าจาง เมื่อกระมั่งเวลาผ่านไปสักพัก กู้เสี่ยวหวานต้องดูแลป้าจางและคนอื่น ๆ เป็นอย่างแน่นอน

ทุกคนทำความสะอาดร่างกายอยู่ครู่ใหญ่ และยอมเดินออกจากห้องก็ต่อเมื่อพวกเขาคิดว่าร่างกายของตนเองสะอาดหมดจดแล้ว

อาโม่นำเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมมาให้ครอบครัวจาง

เนื่องจากนางไม่มีเสื้อผ้าให้ผลัดเปลี่ยน ป้าจางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมา ดังนั้นจึงนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่และเดินออกมา

เสื้อผ้านั้นพอดีตัวราวกับสั่งตัด

หลังจากชำระล้างร่างกายแล้ว ฉือโถวก็อุ้มลุงจางกลับเข้าไปในห้อง วางผู้เป็นบิดาลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบา และดึงผ้านวมพื้นสะอาดคลุมร่างกายบิดาเสร็จเรียบร้อยก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

ขณะนั้นยามาถึงพอดี หลังจากกินยาและโจ๊กเสร็จแล้ว ลุงจางจึงได้นอนพักผ่อน

เมื่อเห็นลุงจางหลับสนิท กู้เสี่ยวหวานก็พาป้าจางกับฉือโถวไปยังห้องทานอาหาร ขณะที่พวกเขากำลังอาบน้ำเมื่อครู่ กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือได้เตรียมอาหารสองสามอย่างเอาไว้ ป้าจางและฉือโถวไม่ได้กินอิ่มท้องมานาน ครั้งนี้พวกเขาจึงไม่เกรงใจ เมื่ออาหารวางลงบนโต๊ะ สองแม่ลูกก็ขยับตะเกียบลงมือกินอาหารทันที

หลังทั้งสองกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง เมื่อท้องอิ่ม ป้าจางก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว เล่าให้กู้เสี่ยวหวานฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวจางในช่วงที่ผ่านมา

หลังจากกู้เสี่ยวหวานได้ฟังสถานการณ์อันน่าเศร้าของครอบครัวจางที่มีต้นเหตุมาจากตนเอง หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอเบ้าจนเกือบหลั่งน้ำตา แต่น้ำเสียงปลอบโยนของป้าจางพลันดังขึ้นชะโลมจิตใจอันเศร้าสร้อย “โชคดีที่ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า ตอนนี้เราไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว!”

ป้าจางเอ่ยด้วยถ้อยคำง่าย ๆ แต่เพียงแค่นั้นจะสามารถอธิบายทุกสิ่งได้อย่างไร

ฉือโถวเองก็ฟังสิ่งที่มารดาเอ่ย แต่มารดาของตนเพียงพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ได้พูดถึงเรื่องร้ายแรงใด ๆ

เหตุผลล้วนคือ นางเกรงว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นกังวล

โชคดีที่พวกเขาทั้งหมดรอดชีวิตมาได้

ตอนนี้ครอบครัวจางจะต้องถอยออกมาตั้งหลักเสียก่อน เมื่อสุขภาพของบิดาดีขึ้น พวกเขาค่อยหาวิธีกันต่อ!

ความหมายของป้าจางเองก็เช่นเดียวกัน “เสี่ยวหวาน ข้าคงต้องรบกวนเจ้าสักพักแล้ว!”

“ท่านป้า ท่านกำลังพูดอะไร?” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยิน คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่น หัวใจของนางบีบรัดแน่นด้วยความเศร้า ป้าจางเคยเกรงใจกับตัวเองตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ถ้าท่านไม่รังเกียจ ข้ายังอยากให้ท่านอยู่กับข้าไปตลอดชีวิต!”

“เด็กโง่!” ป้าจางคลี่ยิ้มบางเบา คิดว่ากู้เสี่ยวหวานพูดเพื่อปลอบใจตน และไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

ทว่าถ้อยคำที่กู้เสี่ยวหวานเอ่ยปากไปเมื่อครู่ล้วนเต็มไปด้วยแผนการ แต่คิดว่าจะรอให้ลุงจางหายดีเสียก่อน และต้องการขอความเห็นจากเขา

“ท่านป้า ท่านมาที่เมืองหลิวเจียแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มาหาข้า?” กู้เสี่ยวหวานนึกสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ๆ ครั้งเมื่อครอบครัวนางมีชีวิตตกต่ำ พวกนางล้วนพึ่งพาความช่วยเหลือจากครอบครัวจางจนกระทั่งผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้ ครั้นป้าจางและคนอื่น ๆ พบเจอความยากลำบาก เหตุใดจึงไม่มาหาตน?

ป้าจางกระแอมไอพลางถอนหายใจ และพูดอย่างหมดหนทางว่า “พวกเราก็อยากมาหาเจ้าเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเจ้าเกือบถูกเผาตายในกองเพลิง แต่ป้าคนนี้ของเจ้าทำอะไรไม่ได้เลย ข้าจึงรู้สึกแย่มาก! ข้า… ไม่มีหน้าจะมาเจอหน้าเจ้า!”

กู้เสี่ยวหวานอาจสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของป้าจางในวันนั้น

ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ตราบใดที่เห็นเปลวไฟ ป้าจางจะนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นในหมู่บ้านอู๋ซี ภาพที่กู้เสี่ยวหวานผู้บอบบางถูกมัดไว้กับท่อนซุงไม่สามารถขยับได้ และมีไฟลุกโชนอยู่ด้านล่าง เมื่อนึกถึงมัน ป้าจางรู้สึกราวกับมีเข็มเหล็กนับร้อยทิ่มแทงหัวใจ

นางทำอะไรไม่ได้เลย นางทำได้เพียงเฝ้ามองกู้เสี่ยวหวานตายลงอย่างทำสิ่งใดไม่ได้

“ท่านป้า เรื่องนั้นข้าไม่ได้โทษท่าน!” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นป้าจางพูดถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเกือบจะโดนไฟคลอก นางก็รีบอธิบาย “นอกจากนี้ ท่านยังช่วยข้าเอาไว้อีกด้วย ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรแล้วเช่นกัน”

หลังจากหายจากอาการป่วย เถ้าแก่หลี่บอกกู้เสี่ยวหวานว่าฉือโถวมาตามหาเขาที่ร้านจิ่นฝู

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าถ้าฉือโถวไม่ไปตามหลี่ฝานในขณะนั้น แม้นางจะรอดไฟไหม้ในเวลานั้น แต่นางก็อาจจะไม่ได้รับการรักษาที่ดีเช่นนี้

“ดูข้าสิตอนนี้ ข้ายังมีชีวิตอยู่และสบายดี!” กู้เสี่ยวหวานจงใจหมุนตัวต่อหน้าป้าจางเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองมีร่างกายแข็งแรง เพื่อไม่ให้ป้าจางต้องเสียใจ!

ป้าจางยื่นมือออกไปดึงกู้เสี่ยวหวานเข้ามาใกล้ วาดแขนโอบรอบตัวกู้เสี่ยวหวาน และส่งเสียงรับคำอย่างไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีก “มันวิเศษเหลือเกินที่เจ้ายังสบายดี! วิเศษเหลือเกิน”

“ท่านป้าจาง อย่าร้องไห้ไปเลย ตอนนี้เราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เมื่อร่างกายของท่านลุงดีขึ้น ชีวิตพวกเราก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ!” กู้เสี่ยวหวานเช็ดน้ำตาจากน้ำตาบริเวณหางตาของป้าจาง ก่อนกล่าวอย่างแน่วแน่

ป้าจางย่อมเชื่อคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน และตอบรับเสียงหนักแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข

จากนั้นป้าจางก็ย้อนกลับมานึกถึงมันเทศอีกครั้ง พลางเอ่ยถามกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน แล้วมันเทศล่ะ? มันเก็บได้หรือไม่? ถ้าเก็บได้ ให้ฉือโถวกลับไปเก็บมันให้หมดเลย!”

ป้าจางรู้ว่าก่อนเกิดเรื่อง กู้เสี่ยวหวานหวงแหนมันเทศนี้มาก ดังนั้นตั้งแต่พวกนางถูกขับออกจากหมู่บ้านอู๋ซี ป้าจางจึงมักขอให้ฉือโถวไปดูแลมันเป็นระยะ ๆ รดน้ำมันเมื่อดินแห้งและถอนวัชพืชทั้งหมด ทั้งยังคอยกำจัดแมลงและใส่ปุ๋ยคอกเป็นครั้งคราวเช่นกัน

ดังนั้นหัวของมันเทศนี้จึงค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และดูไม่เหมือนมันเทศเลย

“ดีมาก ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว ท่านสามารถเก็บสิ่งเหล่านี้ไปได้!” กู้เสี่ยวหวานย่อมเข้าใจในความเมตตาของป้าจาง เดิมทีนางคิดว่าป้าจางคงจะไม่สนใจมัน แต่ตอนนี้ สิ่งนี้เติบโตมากพอแล้ว

แต่นางไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวจาง ทั้งป้าจางยังแอบขอให้ฉือโถวกลับไปดูแลสิ่งเหล่านี้เป็นระยะ ๆ เพียงเพราะนางเคยหวงแหนสิ่งนี้ราวกับสมบัติล้ำค่า

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้น ป้าจางตบต้นขาของตนแล้วพูดว่า “ดี ๆๆ เช่นนั้นบอกฉือโถวว่าตอนมืดให้ไปเก็บสิ่งเหล่านี้กลับมา!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า และขอให้อาโม่ไปกับฉือโถวหลังจากท้องฟ้ามืดลง

แม้ว่ารถม้าจะไม่ได้แล่นผ่านสถานที่แออัดในหมู่บ้านอู๋ซี แต่นางก็กลัวว่าจะกลายเป็นที่สนใจหากมีคนสังเกตเห็นว่ามีรถม้าแปลก ๆ เข้าไปยังหมู่บ้านอู๋ซี ถึงเวลานั้นจะเป็นการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น