บทที่ 754 โดนเห็นเสียแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 754 โดนเห็นเสียแล้ว

บทที่ 754 โดนเห็นเสียแล้ว

มีเพื่อนอยู่ห้าคนในห้องที่ไม่สามารถกลับบ้านได้ พวกเธอต่างมองหน้ากันแล้วส่ายหัวระรัว

“วันนี้พวกเราเหนื่อยมากเลยน่ะ อยากนอนอยู่หอมากกว่า!” จ้าวหงเหมย

คนอื่น ๆ เองก็เอ่ยสนับสนุน

“ไว้ขากลับจะเอาของอร่อย ๆ มาฝากนะ” เสี่ยวเถียนไม่ได้บังคับและคลี่ยิ้มด้วยรอยยิ้มกว้าง

คนอื่น ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องอาหาร มีแค่อิ่นหรูอวิ๋นที่ทำหน้ามุ่ย พลางเหน็บแนมในใจว่ารู้วิธีซื้อใจคนอื่นด้วยอาหารเชียวนะ! อยากรู้นักว่าซูเสี่ยวเถียนจะเอาของอร่อยแบบไหนกลับมากัน

เสี่ยวเถียนและฉู่เยว่พูดคุยกันขณะเดินออกจากห้อง ส่วนคนอื่น ๆ เตรียมตัวเข้านอน

อิ่นหรูอวิ๋นนึกถึงสิ่งที่เด็กคนนั้นพูดและคิดว่ามันมีเหตุผลไม่หยอก ถ้าเอาของอร่อย ๆ มาให้เพื่อนร่วมห้อง อาจเอาชนะใจพวกเธอได้!

แต่คนที่บ้านจะยอมเหรอ?

ถึงตอนนี้จะไม่ต้องห่วงเรื่องของกินดื่มเหมือนเมื่อสองปีก่อน แต่อย่างน้อยก็มีของดี ๆ อยู่บ้าง เธอมีแต่จะต้องสนิทกับคนที่บ้านเข้าไว้

ตอนนั้นเองที่อ้ายอวี้มาหาเพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน ถึงจะอยู่บ้านได้แค่วันเดียว แต่ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดนะ

“หรูอวิ๋น ไปเร็ว เดี๋ยวฟ้ามืดเอา!” อ้ายอวี้เร่งเพื่อนสนิท

“ไปกัน” อิ่นหรูอวิ๋นตอบทันควัน

ไว้กลับไปคุยกับที่บ้านแล้วกัน อาจจะตกลงกันได้ก็ได้นะ?

หลังจากสองเพื่อนสาวคู่แรกออกจากหอพักก็พบคนตัวสูงสองคนรออยู่ และนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากซูอู่ร่างและฉืออี้หย่วน

“ฉันไปก่อนนะเสี่ยวเถียน เจอกันพรุ่งนี้จ้า!” ฉู่เยว่ยิ้มแล้วโบกมือลา

ว่าจบก็สับเท้าออกจามหาวิทยาลัยทันทีหลังจากพูดจบ

“หนูยังไม่ทันได้บอกให้เดินทางปลอดภัยเลย จะมืดอยู่แล้วเนี่ย!” เสี่ยวเถียนกระทืบเท้า

“กฎหมายในเมืองหลวงเชื่อได้นะ!” เห็นน้องเป็นแบบนั้นฉืออี้หย่วนจึงยกยิ้มบอก

เธออายุยังน้อยแท้ ๆ ทำไมมีจิตวิญญาณความเป็นแม่แล้วล่ะ?

“ไปกันเถอะ พี่คิดถึงปู่ย่าพ่อแม่แล้ว” ซูอู่ร่างร้อนใจ

อุตส่าห์ได้มาเมืองหลวงทั้งที ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับบ้านให้ได้ ก่อนหน้านั้นยุ่ง ๆ เลยไม่คิดมากอะไร แต่ตอนนี้เขามีเวลาพักผ่อนและได้กลับบ้านเสียที จึงอดทนรอไม่ไหว

เสี่ยวเถียนโทรบอกคนที่บ้านไว้แล้ว และบอกด้วยว่าพี่ห้าเพิ่งขึ้นมาเมืองหลวง และจะกลับพร้อมกันในวันหยุดนี้

คุณย่าให้พวกเรามาที่หออีหมิงเลย เพราะคนอื่น ๆ รอฉลองกันอยู่

บริเวณด้านหน้ารั้วมหาวิทยาลัย พวกเสี่ยวเถียนกำลังหารถประจำทางกลับบ้าน ตอนนั้นเองก็เจอฮั่วซือเหนียนแถว ๆ นั้นด้วย

“อาจารย์ฮั่ว!” ฉืออี้หย่วนเป็นฝ่ายเอ่ยทักอีกฝ่ายก่อน

ฮั่วซือเหนียนคลี่ยิ้มทันทีเมื่อเห็นเด็ก ๆ เขาสนิทกับอี้หย่วนและเสี่ยวเถียนดี มีแค่อู่ร่างที่ยังไม่สนิทเท่าไร

“เรากลับทางเดียวกันเลยนี่ ไปด้วยกันเถอะ!” รอยยิ้มอาจารย์สดใส

มีหรือเสี่ยวเถียนจะไม่เข้าใจ เราจะไปหออีหมิงกันนี่นา ดูเหมือนฮั่วซือเหนียนได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราแล้วนะ

“อาจารย์ฮั่ว เรื่องนี้เราต้องคุยกันนะครับ เรื่องที่คุณปล่อยให้เสี่ยวเถียนเป็นหัวหน้าคอยรับใช้ทุกคนในคณะเนี่ย!”

ตอนอยู่มหาวิทยาลัยฉืออี้หย่วนไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก แต่ตอนนี้เราออกมาแล้วเขาเอ่ยตรงประเด็นอย่างไม่เกรงใจ

ที่จริงฮั่วซือเหนียนห่วงเรื่องนี้อยู่ตลอด หากพูดในมุมของคนอื่น การได้ขึ้นเป็นหัวหน้าคณะถือเป็นโอกาสอันล้ำค่า แต่สำหรับซูเสี่ยวเถียนมันไม่ได้มีความหมายเท่าไร

“ฉันก็ไม่อยากฝึกเสี่ยวเถียนเหมือนกันล่ะน่า อี้หย่วน เจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่! ฉันเป็นอาแกนะ!”

“จริงเหรอ?” ฉืออี้หย่วนเหลือบมอง

ฮั่วซือเหนียนทำตัวน่ารำคาญจริง ๆ คนวัยนี้เหมือนเลอะเลือนง่ายกันไปหมด

ช่างเถอะ จะยังไงก็ช่าง

“อี้หย่วน แกต้องมองการณ์ไกลซี่ มันดีต่อเสี่ยวเถียนนะที่ได้รับโอกาสแบบนี้น่ะ! ถึงมันจะยากและเหนื่อย แต่นี่คือใบเบิกทางสำหรับสังคมในอนาคตเลยนะ” ที่จริงเขาเอ่ยออกไปอย่างขาดความมั่นใจ

ตระกูลนี้ทรงพลังแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้ แต่แล้วจู่ ๆ ก็คิดว่าตนคิดผิดหรือเปล่าที่ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยเนี่ย?

เสียใจตอนนี้ยังทันไหม?

แต่มันสายไปแล้วยังไงล่ะ ในเวลานั้นมีรถคันเล็กแล่นเข้ามาหา

เสี่ยวเถียนมอง ก่อนจะพบว่าเป็นรถจากโรงงานผ้าไหม

หรือมารับอาจารย์ฮั่ว?

“อาจารย์ฮั่ว เสี่ยวเถียน ผู้อำนวยการทราบว่าวันนี้พวกคุณจะกลับบ้านกัน ก็เลยมารับโดยเฉพาะเลยครับ!”

“ผู้อำนวยการสุภาพเกินไปแล้วค่ะ พวกเรานั่งรถประจำทางกลับก็ได้นะ!” เสี่ยวเถียนยิ้ม

เพราะมันคือรถของทางโรงงาน การเอามาใช้เป็นการส่วนตัวไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร

“เสี่ยวเถียน ผู้อำนวยการบอกว่าคุณก็เหมือนผู้มีเกียรติของโรงงานเรา ถ้าไม่มีคุณคงไม่มีเราในวันนี้หรอกครับ” คนขับรถพูดจ้อไม่หยุด

“ไปกันเถอะ ไว้กลับไปเติมน้ำมันให้นะ!” ฮั่วซือเหนียนเข้าไปในรถทันที

เสี่ยวเถียนได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะยังไงรถก็มาแล้ว ถ้าเราไม่ไปแล้วจะปล่อยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?

อิ่นหรูอวิ๋นเดินออกมาเจอฉากเสี่ยวเถียนขึ้นรถพอดี

ใบหน้าเธอดำทะมึน

สถานะของซูเสี่ยวเถียนคืออะไรกันแน่ ทำไมถึงมีรถมารอรับหน้าประตูกัน?

พอคิดว่าตนกับอ้ายอวี้ต้องมายืนรอรถประจำทางก็ยิ่งหงุดหงิด โดยเฉพาะตอนได้เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างอาจารย์ฮั่ว ฉืออี้หย่วนที่เธอคิดถึง และครูฝึกซู

เดี๋ยวก่อนนะ เธอรู้ความสัมพันธ์ของอาจารย์ฮั่วกับฉืออี้หย่วน แล้วทำไมครูฝึกถึงอยู่ด้วย?

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?” อิ่นหรูอวิ๋นพึมพำ

“หรูอวิ๋น เราต้องรีบแล้วนะ”

อ้ายอวี้มองท้องฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะตกดินในไม่ช้า มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะต้องเดินกลับตอนเย็นย่ำ แล้วทำไมเพื่อนถึงไม่รีบเลยสักนิด?

“ไปกัน!” เมื่อเห็นรถแล่นออกไปไกล อิ่นหรูอวิ๋นก็รีบจดจำทะเบียนเอาไว้แล้วขึ้นประประจำทางไปกับเพื่อน

พวกเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าอิ่นหรูอวิ๋นเห็นฉากนี้ แต่แน่นอนว่าต่อให้เห็นก็ไม่กลัวหรอกนะ

อาจารย์ฮั่วเป็นที่ปรึกษาของโรงงาน ส่วนเธอก็เป็นล่ามให้พวกเขา พวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั้น บางครั้งเราก็ต้องนั่งรถของทางโรงงาน และเติมน้ำมันให้พวกเขาด้วย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย

ความเร็วของรถประจำทางไม่สามารถเทียบได้เลย พวกเสี่ยวเถียนเดินทางมาถึงหออีหมิงตั้งแต่อาทิตย์ยังไม่ตก

คุณปู่ซูมีความสุขมากเมื่อเห็นหลานชายและหลานสาวมาหา

ดีใจจนเคราขยับไปขยับไปมา