บทที่ 820 ข้าไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 820 ข้าไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น

บทที่ 820 ข้าไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น

“ไม่…ไม่เด็ดขาด!” ซูอันรู้สึกขุ่นเคืองกับข้อเสนอนี้ นี่มันบ้าอะไรกัน? มนุษย์จะถูกใช้เป็นเบี้ยในการแต่งงานทางการเมืองได้อย่างไร?

ขุนนางคนหนึ่งเสริมอย่างรวดเร็ว “เราทุกคนรู้ว่าองค์ชายและองค์หญิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในฐานะพี่น้อง แต่สิ่งนี้ก็เพื่ออาณาจักรของเรา องค์ชายของข้า ได้โปรดอย่าให้อารมณ์ส่งผลต่อการตัดสินใจของท่าน!”

“ถ้าเจ้าอยากใช้แผนแต่งงานจริง ๆ เจ้าก็ส่งลูกสาวหรือน้องสาวของเจ้าไปเองสิ!” ซูอันโต้กลับ

แม้ว่าเหล่าขุนนางจะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เขามากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเป็นคนใจแคบและไม่คำนึงถึงส่วนรวม ไม่ว่าลิ้นของเขาจะพลิกแพลงเก่งแค่ไหน ซูอันก็ไม่สามารถเอาชนะจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ได้

ในที่สุด เหล่าขุนนางก็เริ่มตั้งคำถามถึงคุณธรรมและจริยธรรมของเขา

ขณะที่ซูอันถูกบังคับให้จนมุมก็มีเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นที่ประตูหลัก “เช่นนั้นข้าจะเป็นคนไปเอง”

ทุกคนหันมามององค์หญิงซานไฉ่ที่มีสีหน้าแน่วแน่

ซูอันรู้สึกตกใจ “ซานไฉ่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เหล่าขุนนางกระซิบกระซาบกันและส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะสม

ซานไฉ่โต้แย้ง “อะไรไม่เหมาะสม? ข้าไม่ใช่องค์หญิงหรืออย่างไร?”

ขุนนางเริ่มโต้เถียงกันเอง ในท้ายที่สุดจักรพรรดิเหวินติงเคาะค้อนไม้ของเขาลงบนโต๊ะ “ซานไฉ่จะเป็นผู้เชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานในครั้งนี้!”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงส่งทูตไปทางทิศตะวันตกเพื่อหารือเรื่องนี้กับเผ่าโจว เรื่องนี้จึงคลี่คลายไป

เมื่อการว่าราชการสิ้นสุดลง ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานรีบเดินเข้าไปหาซานไฉ่อย่างใจจดใจจ่อ “ทำไมเจ้าถึงอาสาจะแต่งงาน! ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรถ้าไปอยู่ที่นั่น?! และที่สำคัญเจ้าอาจสูญเสียโอกาสที่จะมีความสุขไปตลอดชีวิต”

ซานไฉ่ยิ้ม “พี่ใหญ่จะให้พี่สาวเข้ามาแทนที่ข้าหรือไม่ ถ้าข้าไม่ไป?”

ซูอันสำลักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “มันไม่ใช่หน้าที่ที่พวกเจ้าจะต้องไป! ต่อให้อาณาจักรซางและเผ่าโจวจำเป็นต้องเชื่อมความสัมพันธ์โดยการแต่งงานจริง ๆ เราก็สามารถส่งหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์อื่น ๆ ไปก็ได้ไม่ใช่หรืออย่างไร? ทำไมต้องเจาะจงให้เป็นหนึ่งในพวกเจ้าทั้งสองคนที่ต้องไปด้วย?”

ซานไฉ่ส่ายหัว “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก อาณาจักรของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่านพ่อสังหารผู้ปกครองของเผ่าโจวซึ่งเป็นผู้นำของแคว้นทางตะวันตก สตรีผู้สูงศักดิ์คนใดสามารถระงับความโกรธแค้นของชาวโจวได้? มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่สามารถบรรเทาความตึงเครียดและให้โอกาสอาณาจักรซางของเรามุ่งเน้นไปกับการป้องกันการบุกรุกของเผ่าอี้ เราไม่สามารถถูกบดขยี้จากทั้งสองฝ่ายได้ในเวลาเดียวกัน…”

“องค์หญิงในวัยที่เหมาะสมของราชวงศ์ของเราคือพี่สาวของข้าและตัวข้าเอง ท่านพี่ เนื่องจากท่านไม่เต็มใจไปจึงเหลือข้าคนเดียวในฐานะองค์หญิง ข้ามีชีวิตที่สุขสบายมานานแล้ว ตอนนี้อาณาจักรของข้ากำลังต้องการข้า ข้าจะต้องตอบแทน”

ซูอันพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่านางจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ได้

ธิดาของขุนนางจำนวนมากอยู่บนความมั่งคั่งตั้งแต่แรกเกิด แต่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะรับหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อถึงเวลา

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาและเพ่ยเหมียนหมานเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่กระนั้น พวกเขาสองคนก็มาที่นี่เพื่อผ่านการทดสอบและไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออาณาจักรซางเช่นเดียวกับซานไฉ่

เพ่ยเหมียนหมานพูดขึ้นเบา ๆ “ข้าจะปล่อยให้น้องสาวเสียสละตัวเองได้อย่างไร? ในฐานะพี่สาว แน่นอนว่าข้าต้องเป็นคนไป”

ซูอันตื่นตระหนก “เหมียนหมาน!”

เพ่ยเหมียนหมานดูมั่นใจ ด้วยทักษะและประสบการณ์ นางมั่นใจว่าจะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของนางไว้ได้ในขณะที่อยู่ในเผ่าโจว อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง หากเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นค่อยคิดอ่านกันอีกที

ซานไฉ่ยิ้มและพูดว่า “ท่านพี่ ถ้าท่านแต่งงานจริง ๆ พี่ใหญ่จะทำอย่างไร?”

ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างตัวแข็ง “ซานไฉ่ เจ้ากำลังพูดอะไร?”

ซานไฉ่ถอนหายใจ “พวกท่านสองคนแนบชิดอิงกายกันทุกครั้งที่คิดว่าข้าเข้านอนแล้ว ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กไร้เดียงสาจริง ๆ เหรอ?”

ซูอันพูดไม่ออก

เพ่ยเหมียนหมานไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน นางเขินอาย ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้ชายคนนี้!

ซานไฉ่กล่าวต่อ “คนอื่นอาจไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกท่าน แต่ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าอนาคตอะไรกำลังรอท่านสองคนอยู่ แต่ข้าไม่สามารถมองดูพวกท่านแยกจากกันได้”

พวกเขาไม่คิดเลยว่านางจะทำเช่นนี้เพื่อเห็นแก่พวกเขา ดวงตาของซูอันและเพ่ยเหมียนหมานแดงก่ำ ตอนนี้พวกเขายิ่งไม่เต็มใจที่จะเฝ้าดูการเสียสละตัวเองของซานไฉ่

ขณะที่พวกเขาเริ่มห้ามปรามนาง ซานไฉ่ทิ้งรอยยิ้มของนางไว้ “พี่ใหญ่ พี่สาว อย่าคิดว่าข้าทำเพื่อพวกท่านเท่านั้น เมื่อตอนเป็นเด็กข้าเคยงุนงงเสมอเมื่อได้ฟังท่านทั้งสองสนทนากัน แต่ตอนนี้เมื่อโตแล้วอย่างน้อยข้าก็สามารถเข้าใจได้ว่าเผ่าโจวอาจนำมาซึ่งการล่มสลายของอาณาจักรซาง

“ในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรซาง ข้ารู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่างเช่นกัน น่าเสียดายที่ข้าไม่เก่งกาจด้านใดเลย ข้าไม่สามารถเทียบกับท่านทั้งสองได้ หากนักยุทธศาสตร์ที่เก่งกาจเช่นท่านพี่ไปแต่งงานกับเผ่าโจว นั่นจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับอาณาจักรซางของเรา แทนที่จะไปแต่งงาน ท่านพี่ควรอยู่ที่นี่คอยช่วยอาณาจักรซางที่ยิ่งใหญ่ของเรา ในขณะที่ข้าทำหน้าที่เป็นคนจับตามองเผ่าโจว ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อความรุ่งโรจน์สืบเนื่องต่อไปอีกของอาณาจักรซางที่ยิ่งใหญ่ของเรา”

ตอนนี้ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานรู้ดีว่านางไม่ได้เลือกทางนี้ด้วยความวู่วาม ตรงกันข้าม ซานไฉ่คิดทุกอย่างรอบคอบแล้ว

“แต่มันไม่ยุติธรรมสำหรับเจ้า! เจ้ากำลังเสียสละความสุขทั้งชีวิตของเจ้าไป!” ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างก็พูด ทั้งสามคนโตมาด้วยกันและสนิทกันมาก ทั้งสองคนเห็นนางเป็นน้องสาวที่รักของพวกเขาจริง ๆ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต็มใจที่จะเห็นนางมีความทุกข์ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ!

ซานไฉ่หัวเราะคิกคัก “ใครจะไปรู้ บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายนัก ไม่ว่าดีหรือร้าย ข้ากำลังแต่งงานกับผู้นำเผ่าโจว ข้ากำลังจะกลายเป็นพระชายา ข้าได้ยินมาว่าจีชางไม่ใช่คนที่น่ากลัว และเขาก็ค่อนข้างหล่อด้วย แล้วถ้าเกิดเรารักกันขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ? ข้าอาจจะสามารถโน้มน้าวให้เขามีความจงรักภักดีโดยไม่มีเงื่อนไขได้”

“จีชาง?” อารมณ์ของซูอันหดหู่ทันที แม้ว่าในที่สุดราชวงศ์ซางจะถูกจักรพรรดิจีฟา (พระเจ้าโจวอู่) แห่งราชวงศ์โจวทำลาย แต่ความสำเร็จทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่ต้องยกความดีให้กับจักรพรรดิจีชางผู้ซึ่งเตรียมความพร้อมส่วนใหญ่ไว้ก่อนหน้า

หลังจากนั้นจีฟาจึงสามารถทำลายทุกอย่างจนสิ้น ดังนั้นแล้วคนแบบจีชางจะถูกผู้หญิงปั่นหัวได้อย่างไร?

“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถโน้มน้าวให้เขาภักดีต่อเราได้ แต่ข้าจะช่วยอาณาจักรของเราโดยการให้กำเนิดบุตรหลาย ๆ คน และด้วยสถานะของข้า เขาไม่สามารถทำให้ข้าเป็นแค่นางสนมได้ ลูก ๆ ของข้าจะกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์โจว พวกเขาจะเป็นญาติของจักรพรรดิซางและจะบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองฝ่าย”

“แต่…” ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานแลกเปลี่ยนสายตากัน แผนนี้ดูเหมือนจะมีโอกาสได้ผลจริง ๆ

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เด็กเหล่านั้นจะได้รับการเลี้ยงดูจากซานไฉ่ซึ่งจะทำให้มีความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นกับอาณาจักรซาง

หากความรู้สึกนี้ตกทอดไปหลายชั่วอายุคน ชาวโจวอาจจะหันมารับใช้ราชวงศ์ซางอย่างแท้จริง ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ก็ตาม

ในท้ายที่สุดการทดสอบนี้ไม่ใช่การเล่าประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์วิกฤตและเปลี่ยนเส้นเรื่องตามประวัติศาสตร์ พวกเขาก็อาจจะประสบความสำเร็จในการทดสอบได้

ซานไฉ่ยิ้มและพูดว่า “พอแล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กับท่านสองคนอีกต่อไป ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องคิดอ่าน” หลังจากพูดจบนางจึงจากไป