บทที่ 821 ข่าวร้าย
บทที่ 821 ข่าวร้าย
เพ่ยเหมียนหมานถอนหายใจแรงขณะที่นางมองดูซานไฉ่เดินจากไป
“เราปล่อยให้นางฟังเราพูดคุยกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่นางเริ่มมองว่าเผ่าโจวเป็นศัตรูโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดก็อาสาที่จะรับหน้าที่แต่งงาน…”
“ข้าหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
ในท้ายที่สุดซูอันไม่ได้หยุดนาง ในความเห็นของเขา ต่อให้การทดสอบนี้ของพวกเขาจะล้มเหลวและจะต้องตาย ทว่าซานไฉ่จะกลายเป็นมารดาผู้ก่อตั้งราชวงศ์โจว ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ไม่นาน ทูตกลับมาพร้อมกับข่าวว่าเผ่าโจวตกลงที่จะแต่งงาน จีชางจะมาพบพวกเขาที่แม่น้ำเว่ยเพื่อคุ้มกันเจ้าสาวคนใหม่ด้วยตัวเอง
อาณาจักรซางไม่ได้คัดค้านข้อตกลงดังกล่าว เพราะครั้งสุดท้ายพวกเขาเพิ่งเชิญผู้นำคนก่อนของเผ่าโจวมายังเมืองอินก่อนจะสั่งประหารอย่างกะทันหัน หากพวกเขายืนยันว่าจะให้จีชางมาที่เมืองหลวงด้วยคงจะไม่มีทางตกลงกันได้
ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์ซางจึงจัดให้มีขบวนคุ้มกันองค์หญิงซานไฉ่ไปยังแม่น้ำเว่ย ซูอันอาสาที่จะร่วมเดินทางครั้งนี้ ในขณะที่เพ่ยเหมียนหมานปลอมตัวและเดินตามเป็นผู้รับใช้
ขบวนของพวกเขามาถึงที่ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย ในยุคนี้ไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำ แต่จีชางเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้แล้ว
ซูอันเห็นเรือหยุดนิ่งเรียงกันเป็นสะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำ เขาถอนหายใจด้วยความชื่นชม นี่อาจเป็นสะพานเรือแห่งแรกในประวัติศาสตร์!
ในที่สุดพวกเขาจับตามองจีชาง ชายผู้นี้ดูสุภาพสง่างามและเฉลียวฉลาด
ซูอันรู้สึกถึงแรงกระตุ้นภายในตัว ถ้าเขาฆ่าชายผู้นี้ซึ่งเกือบจะฝังศพราชวงศ์ซางเพียงลำพังคนเดียว มันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้หรือไม่?
แต่เขาก็ได้ขจัดความคิดนี้ออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จแต่มันก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นปรปักษ์ระหว่างสองฝ่าย
พวกเขายังคงต้องรับมือจากการรุกรานของเผ่าอี้จากทางตะวันออก หากเผ่าโจวทางตะวันตกเดินทัพมาเพื่อแก้แค้น มันจะเร่งการล่มสลายของราชวงศ์ซางให้เร็วขึ้นเท่านั้น
เหตุการณ์ไม่พึงปรารถนาหลายอย่างเกิดขึ้นในระหว่างงานนี้ เนื่องจากผู้คนจำนวนมากในเผ่าโจวไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ พวกที่ถูกส่งออกไปเก็บผลไม้กลับมาพร้อมกับตะกร้าเปล่า เป็นการสาปแช่งองค์หญิงซางและบอกเป็นนัยว่านางจะต้องถึงวาระที่จะมีบุตรยาก
นอกจากนี้ พ่อครัวบางคนที่เตรียมอาหารจงใจเลือกที่จะไม่ให้เลือดออกจากซากสัตว์ ทำให้เนื้อแกะมีรสชาติเหม็นและกลืนยาก
ซูอันโกรธเคืองต่อสิ่งที่พวกเขากระทำต่อน้องสาวเป็นอย่างมาก จีชางจึงขอโทษเขาอย่างรวดเร็วและสั่งให้ใครบางคนร้องเพลงให้ซานไฉ่
เขาตั้งชื่อเพลงแต่งงานนี้ว่า ‘คู่สร้างจากสวรรค์’
ซานไฉ่ยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อได้ยินเสียงเพลงและสีหน้าของนางก็อ่อนลงเมื่อมองไปที่สามีคนใหม่ แม้แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ของราชวงศ์ซางก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายและความโกรธของพวกเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความสุข
ซูอันมีท่าทางที่ค่อนข้างแปลก เขาไม่คิดว่าเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเผ่าโจวจะเป็นของขวัญสำหรับน้องสาวตัวน้อยของเขาเอง!
เมื่อนึกถึงเรื่องของการใช้เพลงและบทกวีเพื่อจีบสาว เขาสามารถบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นเสือผู้หญิงมากประสบการณ์อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซูอันจะปล่อยให้ตัวเองถูกเพลงแบบนี้หลอกได้ง่าย ๆ และเขายังเข้าใจด้วยว่าคำพูดที่โกรธเคืองในตอนนี้จะทำให้เรื่องต่าง ๆ ยากสำหรับซานไฉ่ในอนาคตเท่านั้น
ด้วยความคิดนี้ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงระงับความโกรธ และพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้ความเป็นปรปักษ์กลมกล่อมไปด้วยมิตรภาพ
ซานไฉ่แอบตามหาซูอันเมื่อนางมีโอกาสในช่วงพักระหว่างพิธี “พี่ใหญ่ที่รัก ท่านยังขุ่นเคืองอยู่หรือเปล่า?” นางถามเขาด้วยรอยยิ้ม
ซูอันถอนหายใจ “ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าดอกไม้ที่ข้ารดน้ำไว้อย่างดีหลายปีกำลังจะถูกคนอื่นเหยียบย่ำ ข้าจะรู้สึกมีความสุขได้อย่างไร?”
ซานไฉ่หน้าแดง “ถ้าท่านไม่ใช่พี่ชายของข้า ข้าจะไม่มีวันตกลงแต่งงานกับเผ่าโจวหรือใครหน้าไหนแน่นอน” นางถอนหายใจ “น่าเสียดาย ที่ข้าไม่กล้าเหมือนพี่สาว…”
ซูอันไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
เพ่ยเหมียนหมานซึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ ก็พูดไม่ออกเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลอื่น
“ข้าต้องไปแล้ว” ซานไฉ่พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่มีอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่?”
น้ำเสียงของซูอันเริ่มจริงจัง “ซานไฉ่ เจ้าจงละทิ้งแนวทางที่เป็นปฏิปักษ์ซึ่งแต่ละฝ่ายมองเห็นอีกฝ่ายในตอนนี้ จีชางไม่ใช่ชายธรรมดา เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอาณาจักรซางเสมอไป คงจะดีถ้าเจ้าสามารถใช้เวลาอยู่กับเขาอย่างสงบสุข โปรดอย่าให้เรื่องของเราขัดขวางความสุขของเจ้า”
ซานไฉ่ยิ้มเยาะ “ท่านต้องการจะพูดกับข้าแค่นี้จริง ๆ หรือ?”
จากนั้นนางจึงหันหลังเดินจากไปด้วยความไม่พอใจบนใบหน้า
แต่ในท้ายที่สุด นางยังคงหันกลับมาและพูดเบา ๆ ว่า “อันที่จริงข้าไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับจีชางคนนั้นหรือไม่ว่าเขาจะชื่ออะไรก็ตามที”
หลังจากที่นางพูดแบบนี้นางก็เดินจากไป
ซูอันรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เขามองไปที่เพ่ยเหมียนหมานที่ใกล้เข้ามาและถามว่า “นางหมายความว่าอะไร?”
เพ่ยเหมียนหมานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ “สิ่งที่เรียกว่าความรัก บางครั้งมันคือความเจ็บปวด”
…
วันรุ่งขึ้นเมื่อเจ้าบ่าวพาซานไฉ่จากไป ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปที่เมืองอินแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม
จากนั้นพวกเขาก็ต้องช่วย ‘พ่อ’ ของพวกเขาจัดการกับการรุกรานของเผ่าอี้
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานมีประสบการณ์มาแล้วในสงครามและการเมืองทุกประเภท ต้องขอบคุณการทดสอบก่อนหน้านี้ การจัดการกับงานปัจจุบันของพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็ตระหนักว่าราชวงศ์ซางประสบปัญหามากมาย อาณาจักรของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นมา และระบบงานในราชสำนักก็ยุ่งเหยิง ซูอันพบกับอุปสรรคมากมายในขณะที่ต้องรับมือกับการส่งเสบียงในภาวะสงคราม
เพ่ยเหมียนหมานยังสังเกตเห็นว่าความสามารถทางทหารลดลงอย่างมากตั้งแต่สมัยที่กองทัพที่เคยได้รับชัยชนะภายใต้การปกครองของพระเจ้าอู่ติง
ทั้งสองทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าอาณาจักรนี้เป็นเหมือนเรือลำเล็กที่ถูกพายุลูกใหญ่ซัดกระหน่ำ ซึ่งอาจคว่ำอับปางลงได้ทุกเมื่อ
ในช่วงเวลานี้ซานไฉ่ได้ติดต่อกับพวกเขาเป็นครั้งคราว โดยเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของนาง ชีวิตหลังการแต่งงาน ประเพณีท้องถิ่นของเผ่าโจว และบอกว่านางคิดถึงบ้านเกิดมากแค่ไหน
นางกล่าวเช่นกันว่าจีชางปฏิบัติต่อนางอย่างดี ซึ่งทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย
…
เมื่อเวลาผ่านไปจดหมายของนางก็มาบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการป้องกันการรุกรานของเผ่าอี้ และไม่สนใจเรื่องอื่นมากนัก
หลังจากเผชิญสงครามมาหลายปีซูอันกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์ซางอย่างไร้ปัญหา
เมื่อพระเจ้าเหวินติงสวรรคต ซูอันรับตำแหน่งจักรพรรดิซางคนใหม่แทน ด้วยความช่วยเหลือของเพ่ยเหมียนหมาน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถระงับความระส่ำระสายที่เกิดจากการบุกรุกของแคว้นอี้
ทว่าในเวลานี้พวกเขาได้รับข่าวร้ายจากเผ่าโจว ซานไฉ่เสียชีวิตจากภาวะคลอดบุตรยาก!
———————–