บทที่ 757 สุมไฟมากเกินไป

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 757 สุมไฟมากเกินไป

บทที่ 757 สุมไฟมากเกินไป

เสี่ยวเถียนเริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่า การดึงต้นอ่อนช่วยให้เติบใหญ่*[1]มันไม่ใช่เรื่องดีสักนิด ไม่แปลกใจที่โรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ยุบห้องเรียนพิเศษ

การเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่สังคม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้ใหญ่ร่วมอยู่ในสังคมเดียวกัน เพราะพวกเขาเป็นแค่เด็ก มีความคิดบริสุทธิ์ ต่างจากผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก

เสี่ยวเถียนนอนคิดทั้งคืน ก่อนตัดสินใจที่จะนัดคุยกับพี่ ๆ เพื่อค่อย ๆ ให้พวกเขาได้ปรับตัวเข้ากับโลกของผู้ใหญ่ ไม่อย่างงั้นหากเรียนจบออกมา และต้องเข้าไปใช้ชีวิตในสังคมที่แท้จริง คิดว่าพวกเขาจะปรับตัวได้ยาก

เช้าวันต่อมา เสี่ยวเถียนตื่นขึ้นมาออกกำลังกาย

โชคดีที่บริเวณลานบ้านใหญ่พอให้วิ่งได้สะดวก จึงไม่ต้องออกไปวิ่งข้างนอกเลย ที่สมรรถภาพทางกายของเธอดีมากเป็นเพราะออกกำลังอยู่สม่ำเสมอเป็นเวลาหลายปี

หลังจากเสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วตื่น ก็ออกมาร่วมวงด้วยเช่นกัน เด็กทั้งสามออกแรงสลับไปมาอยู่ครึ่งชั่วโมง เป็นอันเสร็จสิ้นกิจกรรม

“เสี่ยวเถียน ทำไมเธอเก่งขึ้นอีกแล้วเนี่ย!” พี่ชายทั้งสองอ้าปากค้าง

“ออกกำลังไงคะ!”

คำตอบของเธอทำให้พวกเขาได้แต่กลอกตา

“พี่แปดพี่เก้าไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาที่ห้องหนูนะ มีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ”

เสี่ยวเถียนนึกถึงเรื่องที่คิดไว้เมื่อคืนแล้วเอ่ยบอก

สองเด็กชายมองน้องสาวที่ทำตัวลึกลับแล้วพยักหน้าตอบ

สิบนาทีต่อมา เด็กทั้งสามสุ่มหัวกันสนทนาอยู่ในห้องเสี่ยวเถียน หลังจากงึมงำ ๆ กันสักพัก เสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วที่มีสีหน้าเศร้าสร้อยในคราวแรกดีขึ้นในตอนท้าย

จากนั้นก็พยักหน้า

“น้องเล็กพูดถูก พวกเรายังเด็กและไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง เดิมทีพวกเขาก็ไม่อยากสนิทกับเราอยู่แล้ว บวกกับเราเรียนเก่งก็เลยกลายเป็นที่อิจฉา แต่ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้พวกพี่จะลองสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาดู”

ถ้าจะบอกว่าพวกผู้ใหญ่ผิด มันก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด บางทีเราอาจจะต้องลองก้าวออกไปก่อนบางทีผลลัพธ์มันอาจต่างออกไปก็ได้นะ?

เห็นพี่ ๆ เข้าใจสิ่งที่ตนสื่อ เสี่ยวเถียนรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ไม่ว่าเด็ก ๆ จะโดดเด่นมากแค่ไหน แต่ยามต้องพบเจอความลำบากย่อมได้รับผลกระทบอยู่แล้ว และถ้าสามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ อนาคตที่รออยู่ข้างหน้าสดใสแน่นอน แต่ถ้าไม่ไหว มันก็มีความเป็นไปได้ว่าที่จะตกอยู่ในความสับสนเช่นกัน

เพราะพี่ชายที่คาดหวังเก่งมาก เก่งมาโดยตลอด

“แล้วถ้าพวกเขายังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกพี่อีก ก็เอาชนะด้วยการทำผลงานเด่น ๆ ไปเลย มนุษย์มีจิตใจอันแข็งแกร่งโดยเฉพาะผู้ชายนะ!”

เสี่ยวเถียนกลัวว่าการสื่อสารและแสดงความจริงใจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เลยแนะนำไปอีกหน่อย

“เสี่ยวเถียน ได้เวลากินข้าวแล้วลูก เสี่ยวปา เสี่ยวจิ่ว ทำไมมาคุยกับน้องกันแต่เช้าเลยเนี่ย?”

คุณย่าซูเรียกลูกหลานมากินข้าวเช้า ก่อนจะเห็นเด็กทั้งสามยืนคุยงึมงำในห้องที่เปิดประตูเอาไว้

“ผมไม่ได้เจอน้องมาหนึ่งอาทิตย์นี่นา คิดถึงเธอไม่ได้เหรอครับ?” เสี่ยวปาเอ่ยเสียงดังลั่น

คำตอบนั้นถูกใจคุณย่ามาก สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดคือการที่พี่น้องรักใคร่กันดี! หัวอกคนแก่ ๆ ก็เป็นเช่นนี้แหละ เธอหวังลูกหลานจะรักใคร่กลมเกลียว

“เมื่อวานย่าทำหมูตุ๋นไว้เยอะเลย เดี๋ยวใส่กล่องไปกินที่โรงเรียนด้วยนะ จะได้เอาไปให้เพื่อน ๆ ชิมด้วย!”

หญิงชราไม่ใช่คนขี้เหนียว แค่นึกภาพว่าเด็ก ๆ ในเมืองไม่สามารถกลับบ้านได้ในวันหยุดก็รู้สึกทุกข์ใจขึ้น

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เด็กชายทั้งสองคงจะค้าน คนพวกนั้นไม่ชอบตนอยู่แล้ว เราจะเอาหมูตุ๋นไปให้พวกเขากินทำไม? แต่หลังจากได้คุยกับน้องสาว สภาพจิตใจพวกเขาจึงดีขึ้นมาก อารมณ์ยังพลอยสดใสไปด้วย

การเป็นฝ่ายสร้างความสัมพันธ์ก่อนไม่ใช่เรื่องแย่

“หลานรัก เมื่อวานพี่ห้าเขามาย่าเลยไม่ได้คุยกับหนูเลย ชินกับมหาวิทยาลัยหรือยังลูก? เพื่อน ๆ ดีกับหนูไหม?”

“หลานรักย่าตัวเล็กนิดเดียวเอง แถมได้เป็นหัวหน้ากับเขาอีก ลำบากแย่เลย! แต่ย่าเชื่อว่าหลานย่าเก่งที่สุด”

เสี่ยวเถียนแย้มยิ้มสดใส

เธอรู้อยู่เสมอว่าไม่สายเกินไปที่จะได้รับความเป็นห่วงของผู้เป็นย่า และตอนนี้คุณย่าก็กำลังถามถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แม้จะรู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่เลือกที่จะแสดงความไม่พอใจมาก ๆ และแสดงสีหน้าบึ้งตึงให้แกเห็น

“คุณย่าไม่รักหนูแล้ว เพิ่งมานึกถึงกัน อาทิตย์นี้หนูเหนื่อยมากเลย…” เธอพึมพำ

จากนั้นก็พูดฉอเลาะไปเรื่อย อีกสามพันคำที่เหลือขอละไว้ตรงนี้

คุณย่าซูปวดใจมาก

“หลานรักย่าคับอกคับใจ เดี๋ยวย่าทำของอร่อยให้หนูกินเสริมกำลังนะ วันนี้หนูต้องกินให้เยอะ ๆ เลย!” คุณย่าซูรีบบอก

เมื่อวานก็ซ้อมตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยเหรอ? เสี่ยวอู่ก็อีกคน ทำไมไม่รู้จักดูแลน้องบ้าง?

“เสี่ยวอู่ ไอ้เด็กคนนี้ ย่าจะจัดการเขาให้เข็ดหลาบ ทำไมไม่คิดดูแลน้องบ้างเลย!” หญิงชราเอ่ยด้วยความโกรธเคือง

เสี่ยวเถียนเห็นว่าตัวเองสุมไฟแรงไปหน่อย จึงรีลดับไฟอย่างรวดเร็ว

“คุณย่า เรื่องนี้ทางมหาวิทยาลัยเขากำหนดน่ะค่ะ ต่อให้พี่ห้าพูดไปก็ช่วยอะไรไมได้หรอก!”

คำพูดของหลานสาวทำให้ความโมโหของแกเบาลง หากแต่มันก็ยังคุกรุ่นอยู่ในใจ ทั้งยังคิดว่าเสี่ยวอู่เป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง

“หลานรัก เดี๋ยวย่าทำของอร่อยๆ ให้อีกนะ จะได้เอาไปเพิ่มในมื้ออาหาร นี่เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต จะขาดสารอาหารไม่ได้เลย!”

“หรือย่าทำอย่างอื่นให้กินดีไหม? เอาหมูก้อนหรือเปล่า? แต่อากาศแบบนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ย่าทำซอสเนื้อให้ดีกว่า!”

คุณย่าซูพูดยาวเหยียด พร้อมทั้งวางแผนเตรียมจะทำของอร่อยอะไรให้หลานสาวกินดี

เด็กชายทั้งสองมองหน้ากัน ‘ย่าไม่สนใจเราบ้างเลยเหรอ? ช่างเถอะ แค่ของกินเองไม่ใช่หรือไง?’จากนั้นพวกเขาก็ปลีกตัวไปกินข้าว ปล่อยน้องกับย่าคุยกันต่อ

“คุณย่า เพื่อนในหอพักหนูนิสัยดีมากเลย พวกเธอมาจากภูมิภาคอื่นค่ะ พอถึงวันหยุดก็จะอยู่ที่หอ หนูเลยอยากเอาหมูตุ๋นกับซี่โครงให้พวกเธอได้กิน อาทิตย์หน้าไว้ทำหมูก้อนดีกว่าค่ะ! แล้วก็ซอสเนื้อด้วย อาทิตย์นี้มันกระชั้นชิดไปหน่อย”

ตอนบ่ายก็ต้องกลับแล้ว แถมยังต้องเปิดร้านอีก ย่าไม่มีเวลาให้ทำซอสเนื้อหรอก

“ได้จ้ะ ย่าเข้าใจแล้ว หลานรัก ถ้าหนูมีเวลาก็พาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านบ้างนะ” หญิงชราได้ยินเช่นกันก็รีบตอบ

ตราบใดที่มีคนปฏิบัติต่อหลานสาวของเธออย่างดี ตนย่อมเต็มใจทำดีตอบอยู่แล้ว

เสี่ยวเถียนยิ้มตอบ

เสี่ยวเถียนกินข้าว ส่วนพวกคุณย่ากับแม่ไปเปิดร้านอาหาร

หลังกินข้าว ซูอู่ร่างกำลังจะล้างจานแต่เสี่ยวเถียนห้ามเอาไว้

“พี่ห้าเดี๋ยวหนูทำเอง พี่ไปพักเถอะ”

เธอเหนื่อยจากการฝึกทหารก็จริง แต่หลายปีที่ผ่านมาพี่ห้าลำบากมาไม่น้อย และเธอก็เป็นน้องสาวที่แสนดีผู้รักพี่ชายอย่างสุดหัวใจ แน่นอนว่าตอนนี้ปล่อยให้เขาพักผ่อนสบาย ๆ ไปเถอะ

[1] ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆ กลับทำให้งานนั้นเสียหาย