บทที่ 756 โดนกลั่นแกล้ง

บทที่ 756 โดนกลั่นแกล้ง

“กำหนดเวลาเอาไว้เถอะ อายุพวกเขาก็ไม่น้อยแล้วด้วยนะ” ไม่ทันได้ปฏิเสธ ภรรยาก็ตอบแทนแล้ว

ถึงเสิ่นจื่อเจินอยากจะค้าน แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ส่วนอีกฝั่งนึงใกล้กินอาหารกันเสร็จแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงเริ่มนั่งคุยกัน ซูอู่ร่างเล่าว่า กลับบ้านรอบนี้เวลากระชั้นชิดไปหน่อย แต่รอฝึกทหารเสร็จจะมีเวลาว่างได้กลับมาอีกหนึ่งวัน

เหลียงซิ่วมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ไว้ลูกกลับมา แม่จะทำของอร่อยให้นะ เดี๋ยวทำให้เยอะ ๆ เลย จะได้เอาไปกินกับเพื่อน ๆ ระหว่างทาง!”

น้ำเสียงของเธอตื่นเต้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย โชคดีที่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา

“แม่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ เพื่อน ๆ มีเยอะมากเลย” ซูอู่ร่างจับแขนมารดา

แถมแต่ละคนกินดุอย่างกับหมาป่าอย่างกับเสือ ถ้าแม่ต้องทำให้กินทุกคนได้เหนื่อยแน่นอน ยิ่งเห็นริ้วรอยบนใบหน้าที่เหมือนจะเพิ่มขึ้นเขาก็ยิ่งทุกข์ใจ

“ลำบากที่ไหนกันล่ะ วันนี้แม่กับย่าทำเนื้อตุ๋นไว้เยอะเลย แต่มันต้องตุ๋นข้ามคืน พรุ่งนี้จะได้เอาไปเป็นอาหารเพิ่มอีกหนึ่งอย่างไง” เหลียงซิ่วรีบบอก

ลูกชายอยากปฏิเสธ แต่พ่อกลับห้ามไว้เสียก่อน

“แม่บอกให้รับไว้ก็รับเถอะ!”

“คุณย่า หนูก็อยากได้เหมือนกัน จะเอาหมูตุ๋นให้เพื่อน ๆ ได้ลองชิมค่ะ” เสี่ยวเถียนทำตัวน่ารักออดอ้อนคุณย่าซู

หญิงชราเห็นแบบนั้นก็ไม่คิดโต้แย้งอยู่แล้ว และตอบอย่างชื่นมื่น

“ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ย่าทำซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานไปให้เพิ่มอีกหม้อนะ จะได้ไปกินกับเพื่อน ๆ”

“คุณย่าใจดีกับหนูเสมอเลย”

เสี่ยวเถียนยังคงทำตัวน่ารัก ท่าทางนั้นทำเอาคุณย่ายิ้มตาปิด

“เสี่ยวเถียน เพื่อนก็ได้กิน แล้วไม่มีส่วนแบ่งของอาจารย์บ้างเหรอ?” ฮั่วซือเหนียนเอ่ยแซว

“เหอะ อย่าหวังว่าจะได้เลยค่ะอาจารย์ฮั่ว!” เสี่ยวเถียนเอ่ยเสียงเย็น

มาแกล้งเธอจนได้เป็นหัวหน้าคณะ แล้วยังมาขอกินซี่โครงกับหมูตุ๋นอีกเหรอ?

ทุกคนได้ยินสรรพนามที่หลุดจากปากเสี่ยวเถียนก็แปลกใจ เพราะปกติเวลาเจอกันฮั่วซือเหนียนจะเรียกแทนตัวเองว่าพี่เขยเสมอ

ฉืออี้หย่วนรีบอธิบายให้ฟังทันทีว่าตอนนี้ชายหนุ่มเป็นที่ปรึกษาของเสี่ยวเถียนนั่นเอง แถมยังอธิบายเรื่องที่ฮั่วซือเหนียนหลอกให้ซูเสี่ยวเถียนมาทำงานเป็นหัวหน้าชั้นปี แถมยังต้องทำงานหนักอีกต่างหาก

คนเป็นอาจารย์ได้ยินจึงรับรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่ และอย่างที่คิดไว้ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงงึมงำมาจากคนอื่น ๆ

“เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะครับ ผมไปถามอาจารย์คนอื่น ๆ มา เขาบอกว่าผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งจะต้องเป็นหัวหน้าครับ เป็นเรื่องปกติเลย!”

ตลกแล้ว เด็กบ้านนี้ใช่ว่าจะรับมือยาก ๆ ด้วย ถ้าโดนจัดการขึ้นมาเขาไม่น่ารอดแน่นอน พอคิดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ก็จ้องเขม็งไปทางฉืออี้หย่วน เป็นเพราะไอ้เด็กคนนี้แท้ ๆ เลย

ฉืออี้หย่วนดื่มน้ำอย่างเชื่องช้า เหอะ ๆ เรื่องที่ให้เสี่ยวเถียนเป็นหัวหน้าเขาไม่พอใจหรอกนะ!

“ในรั้วมหาวิทยาลัย หากนักศึกษาได้เป็นหัวหน้า ในอนาคตจะมีประโยชน์ในการต่อยอดมากเลยครับ เพราะงั้นผมก็เลยเลือกเสี่ยวเถียนมารับหน้าที่นี้ อีกอย่างทุกๆ คนก็ไว้วางใจเธอด้วยนะ!”

ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งเบาลง เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังกลัวอยู่

“อาจารย์ฮั่ว ถ้าอนาคตอยากหางานมั่นคงการได้เป็นหัวหน้ามันก็ดีค่ะ แต่หนูไม่ต้องการนี่นา!”มันไม่จำเป็นสักนิด! อนาคตอยากเลือกเดินเส้นทางแบบไหนเธอยังไม่รู้เลย

“อนาคตหนูอาจจะลงแรงกับการสร้างโรงงานของหนูก็ได้ค่ะ หรืออาจจะไปเป็นล่ามไม่ก็อย่างอื่นนะ!”

“เสี่ยวเถียน เธอได้รับเลือกแล้วนะ ฉันได้ยินจากพวกนักศึกษาว่าจะรับเธอเข้าองค์การนักศึกษาด้วย ถ้าได้เป็นนายกองค์การนักศึกษามันจะดีมากเลยนะ!”

ฮั่วซือเหนียนยังพยายามเกลี้ยกล่อม เพราะมันคือว่าฝันของนักศึกษาหลาย ๆ คนเลย

“อาจารย์ฮั่ว ถึงตัวตนหนูจะไม่ได้โด่งดังมาก แต่หนูก็เป็นคนที่มีเงินแสนอยู่ในมือนะคะ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยตัดรอน “ไว้รอโรงงานหนูทำกำไรได้ หนูก็จะมีเงินมากขึ้น ถ้าหนูมีเวลาขนาดนั้นไปจัดการเรื่องโรงงานไม่ดีกว่าเหรอคะ?”

เสี่ยวเถียนไม่ได้มีสปิริตจะทำงานกับทางองค์การนักศึกษาขนาดนั้น

เวลาแบบนี้ควรหางานทำ อ่านหนังสือไม่ดีกว่าเหรอ?

“…” ฮั่วซือเหนียน

วันนี้จะคุยกันรอดไหมเนี่ย?

“อาจารย์ฮั่วครับ ผมมีแผนจะลงใต้อาทิตย์หน้า อาเขยบอกว่าทางฝั่งลี่เฉิงใกล้จัดการสเร็จแล้วด้วย เสี่ยวเถียนกำลังจะมีโรงงานอีกแห่งที่นั่นครับ!”

ซื่อเลี่ยงว่าต่อเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส

เสี่ยวเถียนของเรากำลังมีอนาคตไกล เธอไม่มีทางไปเป็นคนงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ไหนหรอกนะ

“…” ฮั่วซือเหนียน

ดูท่าจะคุยต่อไม่ไหว กลับก่อนดีไหมเนี่ย?

“อาจารย์ฮั่ว ถึงจะไม่มีทางเปลี่ยนตัวเสี่ยวเถียนออกจาตำแหน่ง แต่ในฐานะที่คุณเป็นอาจารย์ก็ต้องตั้งใจทำงานให้มากขึ้นนะครับ!” ฉืออี้หย่วนกล่าวต่ออย่างมุ่งร้าย

ฮั่วซือเหนียน “…”

ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง ตอนที่เขาคิดจะออกไป คุณปู่ซูเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ครอบครัวเราตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เลยนะ แต่เสี่ยวเถียนก็นับว่าได้เป็นแล้ว ไม่เลว ๆ!”

ไม่คิดเลยว่าคนที่จริงจังอยู่ตลอดจะเอ่ยออกมา

เราคุยเรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เหรอ?

แต่ตำแหน่งหัวหน้าก็ไม่เชิงนะ…

“คุณปู่…”

“เสี่ยวเถียน ชีวิตคนเราน่ะ นอกจากคิดถึงตัวเองแล้ว บางครั้งก็การทำงานเพื่อคนอื่นไม่ใช่เรื่องแย่นะ!”

“หลานยังเด็กอยู่ การได้รู้จักคนเยอะถือเป็นเรื่องที่ดีนะ!” ชายชราลูบเครา

คำพูดของเขาสมเหตุสมผลมาก

ตอนเสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วกลับมา พวกเขาเล่าเรื่องความยากลำบากที่พบในรั้วมหาวิทยาลัยให้ได้ฟัง เขายังคิดอยู่เลยว่าเป็นเพราะความต่างของอายุ

แน่นอนล่ะ มันมีปัญหาแน่นอนกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้ใหญ่เรียนร่วมกัน ถ้าเสี่ยวเถียนเข้ากับเพื่อนได้ดี บางทีอาจช่วยหลานชายทั้งสองได้

ตอนนั้นพวกเขากำลังสับสนวุ่นวาย ทำไมเสี่ยวเถียนถึงได้เป็นหัวหน้าคณะทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย แต่พวกเรากลับไม่สามารถคุยกับเพื่อนร่วมชั้นได้เลย

เพื่อน ๆ ที่อายุมากกว่าไม่ดูแลกันสักนิด

เราทำทุกอย่างได้ดี แต่พวกเขาก็ยังหลีกหนีเพราะไม่ชอบพวกเรา บางคนยังพูดออกซึ่ง ๆ หน้าว่า พวกเราสมควรกลับไปเริ่มเรียนมัธยมต้นใหม่

พวกเรายอมรับนะว่าไร้เดียงสาทางด้านความคิด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสมควรกลับไปเรียนมัธยมใหม่หรือเปล่า!

เสี่ยวเถียนเห็นสีหน้าพวกเขา จู่ ๆ ก็นึกปัญหาขึ้นได้ ก็จริงอยู่ การที่เธอไม่เจอปัญหาใดๆ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่เจอเหมือนกัน ถึงเวลาแล้วที่จะช่วยพี่ชายทั้งสองเปลี่ยนความคิดใหม่!