คำนี้ทำให้ทุกคนไม่อาจโต้แย้งได้
หลังจากคุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงพยักหน้า
“คุณนัทธีพูดถูก เรื่องนี้ รอให้ปาจรีย์ฟื้นมาแล้ว ค่อยตัดสินใจเองดีกว่า”คุณพ่อประสิทธิ์ถอนหายใจ หลังโก่งมากขึ้น
บางทีหลังจากปาจรีย์รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ก็อาจจะไม่มีความคิดฆ่าตัวตายอีกต่อไป
ใช่ ฆ่าตัวตายต่อไป
ถ้าปาจรีย์อยากฆ่าตัวตายเพื่อแก้ไขความบาดหมางของตระกูลจิรดำรงค์กับตระกูลอิสริยานนท์จริงๆ ปาจรีย์จะต้องหาทางฆ่าตัวตายอีกครั้งแน่
เพราะว่าคนแก่อย่างพวกเขาสองคนก็คิดเช่นนี้
ดังนั้นการปรากฏตัวของเด็กคนนี้ อาจจะเป็นความหวังเพียงอย่างเดียวในการช่วยปาจรีย์
คุณแม่ปารวีก็ตกลงไปอย่างสะอึกสะอื้น“โอเค”
จากนั้นทุกคนก็ไม่พูดอีก มองปาจรีย์ที่เข้าสู่ความเงียบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คุณพ่อประสิทธิ์ก็มองไปที่วารุณี“วารุณี พวกหนูกลับไปที่พักก่อนเถอะ วันนี้ขอบคุณทุกคนมากที่มาเยี่ยมปาจรีย์ รอดึกอีกหน่อยค่อยมาอีกทีละกัน”
วารุณีมองนัทธี แล้วก็มองเด็กทั้งสองคน เห็นความเหนื่อยล้าที่ใบหน้าเด็กสองคนนี้ จึงพยักหน้า“ค่ะ งั้นคุณอาคุณน้า พวกเรากลับไปโรงแรมก่อน จัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวดึกๆมาอีกทีค่ะ”
“อือ”คุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีตอบตกลง
วารุณีหันหน้าไปมองนัทธี“ไปเถอะสามี”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย มือข้างหนึ่งจูงไอริณ มืออีกข้างจูงเธอ เดินไปที่ประตู
ส่วนอารัณก็จูงวารุณีไป
สี่คนพ่อแม่ลูกออกไปจากโรงพยาบาล ขึ้นรถไป คนขับรถก็ขับไปที่โรงแรม
บนถนน จู่ๆวารุณีก็พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ:“ที่จริงฉันควรคิดได้นานแล้วว่าปาจรีย์จะฆ่าตัวตาย”
“ยังไง?”นัทธีวางโทรศัพท์ลงแล้วมองเธอ
วารุณีละสายตาลงไป“วันก่อนที่ฉันไปสนามบิน ปาจรีย์เจอฉัน บอกว่าไม่มีเวลาแล้ว ตอนนั้นฉันก็รู้สึกมีอะไรแปลกๆ แต่ไม่พูดออกมา สุดท้ายก็ไม่คิดอะไรมาก ถ้าตอนนั้นฉันคิดให้เยอะสักหน่อย ไม่แน่อาจจะคิดได้ว่าเธอจะทำเรื่องโง่ๆ จากนั้นฉันก็จะหยุดเธอได้ทัน”
ฟังคำกล่าวโทษตัวเองของเธอแล้ว นัทธีก็ยื่นมือออกไป เอาเธอมาไว้ในอ้อมแขนเบาๆ“นี่ไม่เกี่ยวกับคุณ ทุกคนต่างมีอิสระของตัวเอง ไม่มีใครไปยุ่งว่าใครจะทำอะไรได้ ในเมื่อตอนนั้นคุณรู้ว่าปาจรีย์จะทำเรื่องโง่ๆ แล้วไปหยุดเธอ แต่คุณรับรองได้เหรอว่า หลังจากไปหยุดเธอแล้ว ปาจรีย์จะไม่ทำเรื่องโง่ๆอีก?”
วารุณีชะงักไป พูดไม่ออก
นัทธีมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน“คุณดูสิ คุณตอบไม่ได้ เพราะว่าคุณรู้ว่าคุณไม่อาจรับประกันได้ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นเลยที่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาไว้กับตัว คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง คุณกับปาจรีย์ไม่มีทางที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ถึงห้ามเธอได้ทันตลอด แต่ไม่เร็วก็ช้ายังไงพวกคุณก็ต้องจากกัน เธออยากทำอะไร คุณไปยุ่งไม่ได้หรอก”
วารุณีก็รู้ว่าที่เขาพูดพวกนี้เป็นความจริง ในใจก็รู้สึกอึดอัด”ฉันแค่รู้สึกโทษตัวเอง ที่ทั้งๆที่มีโอกาสห้ามเธอ แต่กลับพลาดไป “
“ผมรู้ แต่ไม่จำเป็นเลย อย่างน้อยปาจรีย์ก็ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนี่ใช่ไหม?”นัทธีลูบผมเธอเบาๆ“เอาล่ะ อย่าคิดมาก นอนสักหน่อยเถอะ”
บางทีอาจเป็นเพราะเสียงเขามีมนตร์ แป๊บเดียววารุณีก็หลับไปในอ้อมแขนเขาจริงๆ
นัทธีก้มหน้ามองเธอ จูบลงไปที่หน้าผากเธอ จากนั้นกอดเธอไว้แน่น
แป๊บเดียว ก็ถึงโรงแรม
หลังจากรถจอดสนิท เด็กทั้งสองคนก็ลงไปจากรถ
นัทธีอุ้มวารุณีแล้วลงมาเป็นคนสุดท้าย
เด็กทั้งสองคนตามบริกรโรงแรมเดินไปที่ลิฟต์ เดินไป ก็คอยหันไปมองนัทธีกับวารุณี
มาที่ห้องเพรสซิเดนสูท นัทธีวางวารุณีไปที่เตียง หลังจากห่มผ้าเรียบร้อย จึงมองไปที่ลูกสองคน“พวกลูกเป็นเด็กดีนะ อย่าทำหม่ามี๊ตื่นเข้าใจไหม?”
เขารู้ดี ตั้งแต่รู้ว่าปาจรีย์ฆ่าตัวตายจนตอนนี้ สภาพจิตใจของวารุณีก็ดูตึงเครียด อารมณ์นั้นหนักหน่วง
เธอต้องการพักผ่อน ไม่งั้นแบบนี้ต่อไป จะป่วยได้
เด็กทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง“เข้าใจแล้วพ่อ”
“อือ พวกลูกไปห้องนั้น พ่อจะนอนกับหม่ามี๊สักหน่อย”นัทธีชี้ไปที่ห้องตรงข้ามแล้วพูด
เด็กทั้งสองคนจูงมือกันไป
นัทธีถอดรองเท้า เปิดผ้าห่มแล้วนอนลงข้างวารุณี โอบเธอแล้วหลับตาลงหลับไป
ตอนค่ำ วารุณีทานอาหารคำเสร็จ ก็เดินทางไปโรงพยาบาล
นัทธีกับลูกอีกสองคนไม่ไป
นัทธีต้องประชุมวิดีโอคอล ดังนั้นจึงอยู่ที่โรงแรม
ส่วนเด็กทั้งสอง ก็ถูกวารุณีทิ้งไว้ที่โรงแรม ยังไงคืนนี้ ถึงแม้มีบอดี้การ์ด เธอก็ไม่วางใจที่จะพาลูกสองคนนี้ออกไป
เพราะไม่มีใครรู้ว่า นิรุตติ์จะโผล่มาเมื่อไหร่
มาถึงโรงพยาบาล วารุณีก็เคาะประตูห้องคนไข้ปาจรีย์
แป๊บเดียว ประตูก็เปิดออก คุณแม่ปารวีปรากฏตรงหน้าวารุณีอย่างตกตะลึง“วารุณี หนูมาแล้วเหรอ”
“อือ ฉันมาแล้วค่ะ”วารุณีพยักหน้าตอบกลับ
คุณแม่ปารวีมองไปที่ด้านหลังเธอ“หนูมาคนเดียวเหรอ?คุณนัทธีกับเด็กๆไม่มาเหรอ?”
“นัทธีต้องประชุมเลยไม่มาค่ะ ส่วนเด็กๆก็มันดึกมากแล้วถ้าพาออกมาคงไม่เหมาะ ดังนั้นหนูเลยให้พวกเขาอยู่ที่โรงแรมค่ะ”วารุณีอธิบายด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่ปารวีพยักหน้า“แบบนี้ดีแล้ว”
“ใช่สิคุณน้า คุณน้าคุณอารมณ์ดีมาก มีข่าวดีใช่ไหมคะ?”วารุณีถาม
คุณแม่ปารวีได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็ยิ้มทันที“ใช่ ปาจรีย์ฟื้นแล้วจ้ะ”
พอได้ยิน วารุณีก็ดีใจทันที“จริงเหรอคะ?ปาจรีย์ฟื้นแล้ว?”
“ใช่ เพิ่งฟื้นไม่นานเอง เดิมทีน้าอยากโทรบอกหนู แต่พอคิดว่าหนูบอกเดี๋ยวตอนค่ำก็มา ดังนั้นเลยไม่ได้โทรบอก เลยคิดว่าพอหนูมา ก็ถือเป็นเซอร์ไพรส์ ตอนนี้หนูมาได้จังหวะพอดี ปาจรีย์ยังตื่นอยู่ รีบเข้ามาเถอะ”
คุณแม่ปารวีพูดไป ก็ยื่นมือไปจูงวารุณีเข้ามาในห้องคนไข้
ในห้องคนไข้ ปาจรีย์นอนอยู่บนเตียง ตาสองข้างนั้นลืมอยู่ มองเพดาน เหมือนกำลังคิดอะไร
ส่วนคุณพ่อประสิทธิ์นั่งอยู่บนเตียง ในมือถือแอปเปิลกำลังปอกเปลือก
เห็นคุณแม่ปารวีพาวารุณีมา ในที่สุดคุณพ่อประสิทธิ์ก็เผยรอยยิ้ม“วารุณีมาแล้วเหรอ อาปอกแอปเปิลให้หนูนะ”
“โอเคค่ะ งั้นหนูไม่เกรงใจแล้วนะคะคุณอา”วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณพ่อประสิทธิ์หยิบแอปเปิลอีกลูกมาปอกให้เธอ
วารุณีเดินไปที่ข้างเตียง ก้มหน้ามองปาจรีย์
ปาจรีย์ยังเหม่อลอย ยังไม่ได้สติคืนมาว่าเธอมาแล้ว
วารุณียื่นมือออกไป ลูบหน้าปาจรีย์เบาๆ
ตอนนี้เอง ในที่สุดปาจรีย์ก็ได้สติคืนมา หันไปมองวารุณี แววตามีความตกใจ พูดเสียงแหบ“วารุณี?”
“ฉันเอง”วารุณีพยักหน้า
ปาจรีย์ถามอย่างแปลกใจ“เธอกลับจังหวัดจันทร์แล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมมาอีกล่ะ?”
วารุณีทำเป็นกลอกตาใส่เธออย่างโกรธๆ“เธอยังจะมาพูดอีก ฉันกลับไปคืนหนึ่ง เธอก็ก่อเรื่องให้ฉันเลยนะ ดังนั้นฉันเลยต้องรีบมานี่ไง?”
ปาจรีย์รู้ว่าวารุณีหมายถึงอะไร จึงกัดริมฝีปากขอโทษ“ขอโทษนะวารุณี”
เห็นเธอแบบนี้ วารุณีที่โกรธมากแค่ไหน ก็แผ่วลงไปทันที
วารุณีถอนหายใจ จากนั้นยื่นมือจิ้มหน้าผากเธอ“เธอน่ะ ทำไมต้องทำแบบนี้กันนะ เธอรู้ไหม ตอนที่รู้ว่าเธอฆ่าตัวตาย ฉันเกือบตกใจแทบตาย และก็คุณอาคุณน้าก็ตกใจมาก อายุมากขนาดนี้แล้ว ถ้าตกใจเธอจนเป็นอะไรขึ้นมา เธอไม่ละอายใจต่อพวกเขาเหรอ?”
ด้านข้าง คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีได้ยินวารุณีพูดแบบนี้ ดวงตาแดงก่ำทันที
ปาจรีย์ก็รู้ว่าตัวเองผิดไป
ตอนที่เธอฆ่าตัวตาย ก็รู้ว่าจะรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่เสียใจ แต่คนตายไปแล้ว ถึงพ่อแม่เสียใจแค่ไหน เธอก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ตอนนี้ เธอยังไม่ตาย มีชีวิตอยู่ต่อไป และอยู่ต่อไปโดยการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของพ่อแม่ ความรู้สึกผิดและความละอายภายในใจ ทำให้เธอหายใจไม่ออก