“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษจริงๆค่ะ……”ปาจรีย์ปิดหน้าไว้ ร้องไห้อย่างหนัก ร้องไห้ไป ก็ขอโทษคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีไปด้วย
เธอรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองทำครั้งนี้ ทำพ่อแม่ตกใจ
และรู้ว่าตัวเองฆ่าตัวตาย ที่รับไม่ได้มากที่สุด ที่ใจสลายที่สุดก็คือพ่อแม่
ดังนั้นตอนนี้ในใจเธอจึงรู้สึกผิดมาก และโทษตัวเองมาก
พ่อแม่ก็อายุมากอยู่แล้ว ร่างกายก็ไม่ดีนัก ถ้าตกใจแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ต่อไปพ่อแม่จะทำอย่างไร?
ตอนนี้ ปาจรีย์ก็เสียใจจริงๆ เสียใจสมมติฐานของตัวเอง เสียใจกับความใจร้อนของตัวเอง
เธอแค่อยากตัดความบาดหมางของตระกูลจิรดำรงค์กับตระกูลอิสริยานนท์ คิดว่าใช้ชีวิตตัวเองมาแทนคำขอโทษพ่อแม่ตัวเองที่มีต่อพ่อแม่ของพงศกรได้ แบบนี้ พงศกรก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความแค้น ไม่ต้องเกลียดพ่อแม่เธออีก พ่อแม่เธอก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดและโทษตัวเองต่อไป จนหดหู่ไปทั้งวัน
เธอคิดได้ดีมาก และดังนั้น เธอจึงเพิกเฉยว่าเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องการหรือไม่ เป็นสิ่งที่พ่อแม่รับได้หรือไม่
ถ้าพ่อแม่รับไม่ได้ ถูกโจมตีอย่างหนัก จนเป็นอะไรไป งั้นที่เธอจ่ายไป ไม่ใช่แค่ไร้ความหมาย กลับยังเป็นผู้ร้ายที่ทำร้ายพ่อแม่ตัวเองด้วย
พอคิดว่าถ้าตัวเองตายไปจริงๆ พ่อแม่ของตัวเองก็อาจจะตายตามตัวเองไปด้วย ในใจของปาจรีย์ก็รู้สึกกลัว
คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีมองลูกสาวร้องไห้จนเป็นแบบนี้ ก็รู้ว่าลูกสาวน่าจะสำนึกผิด รู้ว่าการฆ่าตัวตายของตัวเองนั้นผิดไป จึงยกโทษให้เธอ
ยกโทษไม่ได้ด้วยเหรอไงล่ะ?
การฆ่าตัวตายของลูกสาวเป็นเรื่องบุ่มบ่าม แต่ก็เพื่อเป็นการไถ่โทษให้พวกเขาคนแก่สองคน
อีกอย่าง ตอนนี้ลูกสาวยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ พวกเขาจะโทษลูกสาวได้ไง จะกล้าด่าลูกสาวได้ไงกัน
“ปาจรีย์ ปาจรีย์ของแม่”คุณแม่ปารวีเข้าไป กอดปาจรีย์ไว้ ตบหลังของปาจรีย์ ร้องไห้อย่างหนัก“ลูกนี่มันไม่กตัญญูเลย รู้ไหมว่า เกือบทำแม่ลูกตกใจแทบตาย”
“และยังมีตาแก่อย่างพ่อลูกด้วย เกือบจะตกใจตายเพราะลูกจริงๆนะ”คุณพ่อประสิทธิ์ก็เข้าไป พูดด้วยความโกรธและตำหนิ
ปาจรีย์มองสองสามีภรรยาด้วยตาแดงก่ำ“ขอโทษนะพ่อกับแม่ ขอโทษจริงๆค่ะ”
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก นี่คือเรื่องของแม่กับพ่อแก ก็ให้แม่กับพ่อแม่จัดการเอง พวกเราหวังว่าแกจะฟังให้ดีๆ ได้ยินไหม?”คุณแม่ปารวีจ้องเธอ
เหมือนว่าหากเธอไม่ตอบ ก็จะไม่จบกับเธอ
ปาจรีย์ตอบอือ“ฉันได้ยินแล้ว”
คนก็แบบนี้แหละ ถ้าคิดจะอยากตาย ก็มีความกล้าที่จะฆ่าตัวตาย
ถ้าตายจริงๆ ก็อาจจะดี
ถ้าไม่ตาย รอดมาได้อยู่ต่อไป หลังจากการพยายามตายเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก หากอยากฆ่าตัวตายอีก ก็ไม่มีความกล้า และยากแล้ว
ตอนนี้เธอ ก็เกือบจะเป็นแบบนี้
“ได้ยินก็ดี ทางที่ดีลูกจำคำนี้ไว้เลยนะ ถ้าลูกทำอะไรมั่วๆอีก อย่าว่าที่พ่อกับแม่แกจะตามไปด้วย ถึงตอนนั้น พ่อกับแม่แก ก็จะถูกลูกไม่กตัญญูแบบแกทำให้เสียใจจนตายได้เช่นกัน”คุณพ่อประสิทธิ์ชี้ไปที่ปาจรีย์ด้วยความโมโห
ปาจรีย์หดคอ“ฉันรู้แล้วพ่อ ฉันไม่ทำแล้ว”
“ไม่ทำแล้วก็ดี”คุณแม่ปารวีตบหลังเธอเบาๆ
ด้านข้าง วารุณีมองปาจรีย์ทิ้งความคิดฆ่าตัวตาย ก็มองสามคนพ่อแม่ลูกกอดกัน ความอบอุ่นอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะทำให้ในใจยิ้มขึ้นมาอย่างอิจฉา
ใช่ อิจฉา
เธออิจฉาปาจรีย์จริงๆที่ยังมีความห่วงใยและความรักจากพ่อแม่
ส่วนเธอ เสียความรักของพ่อไป ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตอนนี้ ก็ยังเสียแม่ไปอีก
บางครั้ง ในใจก็เหนื่อยล้า อยากบอกเล่าให้แม่ฟัง ก็ไม่มีโอกาส
ดังนั้น เธออิจฉาปาจรีย์มากจริงๆ ที่ยังมีแม่อยู่ด้วย
และดังนั้น เธอจึงหวังว่าปาจรีย์จะทิ้งความคิดที่จะทำเรื่องโง่ๆไป และอยู่กับคุณแม่ปารวี อย่าให้คุณแม่ปารวีแก่ไป แล้วยังต้องมาจัดงานศพให้ลูกอีก
“ใช่สิปาจรีย์ ลูกตั้งท้องลูกรู้ไหม?”กำลังคิดอยู่นั้น วารุณีก็ได้ยินจู่ๆคุณแม่ปารวีพูด พูดเรื่องนี้ออกมา
วารุณีอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่ปาจรีย์ทันที
เห็นปาจรีย์ตะลึงงันไปหมด แววตามีความตกตะลึง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
ที่แท้ปาจรีย์ยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง
เธอคิดว่า ตอนที่ปาจรีย์ฟื้นมา คุณแม่ปารวีจะคุยกับปาจรีย์ไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้จะมาพูด
“แม่พูดอะไร?”ปาจรีย์ลูบไปที่ท้องตัวเอง อ้าปาก สักพักจึงส่งเสียงออกไปสั่นๆ“ฉัน……ฉันท้องเหรอ?”
จะเป็นไปได้ไง?
เธอตั้งท้องเนี่ยนะ?
“อือ ลูกตั้งท้อง เดือนกว่าแล้ว”คุณแม่ปารวีพยักหน้า ถามอย่างจริงจัง“ลูกรู้ไหมว่าเด็กในท้องลูก เป็นของใคร?”
ปาจรีย์มองเห็นสีหน้าจริงจังของแม่ตัวเอง ก็เข้าใจทันที แม่ไม่ได้หลอกตัวเอง ตัวเองตั้งท้องจริงๆ
เธอตั้งท้องแล้ว ท้องลูกของพงศกร!
แต่ นี่จะเป็นไปได้ไง
คืนนั้นพอกลับไป เธอกินยาแล้ว ทำไมยังท้องได้นะ?
“ปาจรีย์ ลูกฟังอยู่ไหม?”เห็นปาจรีย์ก้มหน้า สีหน้าดูคาดเดาไม่ได้ แต่กลับไม่ตอบคำถามตัวเอง คุณแม่ปารวีจึงขมวดคิ้ว เรียกออกไป
ปาจรีย์ได้สติคืนมาอย่างสั่นๆ“ฉัน……ฉันฟังอยู่”
“งั้นลูกบอกแม่มา เด็กในท้องลูก เป็นของใคร?”คุณแม่ปารวีชี้ไปที่ท้องเธอแล้วพูด
วารุณีกับคุณพ่อประสิทธิ์รู้ว่าคุณแม่ปารวีจงใจถามแบบนี้ เพราะอยากให้ปาจรีย์พูดพ่อเด็กออกมาเอง
ดังนั้นจึงไม่ได้พูด
ได้แต่มองปาจรีย์
มองเธอว่าจะพูดไหม
แต่วารุณีคิดว่า จากนิสัยของปาจรีย์แล้ว ความที่จะพูดน้อยมาก ยังไงคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวี ตอนนี้ก็ไม่เห็นด้วยที่ปาจรีย์จะรักพงศกรต่อไป
ปาจรีย์รู้ส่วนนี้ ก็ไม่มีทางพูดออกมาได้ว่าพ่อเด็กคือพงศกร
จริงด้วย อย่างที่วารุณีเดาไว้ ปาจรีย์บีบฝ่ามือ ตอบไปว่า:“ฉัน……ฉันไม่รู้”
วารุณีส่ายหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้
ถูกเธอเดาถูกจริงๆด้วย
“ลูกไม่รู้?”สีหน้าคุณแม่ปารวีหม่นไป ดูไม่พอใจอย่างมาก
คุณพ่อประสิทธิ์ก็จริงจังขึ้นมา“ลูกไปนอนกับใครมา ลูกไม่รู้เหรอ?”
แววตาปาจรีย์ดูร้อนตัว จากนั้นรีบละสายตาลงไป ปกปิดความร้อนตัวเอาไว้ กัดริมฝีปากพูดว่า:“ฉัน……ฉันไม่รู้จริงๆ คืนนั้นฉันดื่มจนเมา ฉันไม่แน่ใจว่านอนกับ……”
“พอแล้ว!”คุณแม่ปารวีฟังต่อไปไม่ได้ มองเธออย่างเย็นชา“อย่าโกหก เด็กในท้อง แม่กับพ่อแกรู้แล้วว่าเป็นของใคร เป็นของพงศกรใช่ไหม?”
คำนี้พูดออกไป ปาจรีย์เงยหน้าขึ้นทันที มองคุณแม่ปารวีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ชัดเจนมากว่าตกใจที่คุณแม่ปารวีรู้ได้อย่างไร
เห็นอาการของปาจรีย์ คุณแม่ปารวีก็แน่ใจแล้วเรียบร้อยว่า เด็กเป็นของพงศกรจริงๆ ในใจก็ทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือจิ้มหน้าผากของปาจรีย์“ปาจรีย์ ลูกดูลูกสิ ทำอะไรไปเนี่ย เด็กเป็นของใครก็ไม่เห็นเป็นไร ทำไมต้องปิดบังด้วย?”
คุณพ่อประสิทธิ์ก็พยักหน้า“แม่ลูกพูดถูก ปิดบังไปมีประโยชน์อะไรกับลูก?ลูกรู้ไหม ถ้าพ่อกับแม่ของลูกไม่รู้ว่าเด็กเป็นลูกใคร พ่อกับแม่แกได้แจ้งความแน่?ถึงตอนนั้นเรื่องราวจะใหญ่โต โลกภายนอกก็จะพูดถึงลูกในเรื่องแย่ๆ ลูกเข้าใจไหม?”
“ฉัน……”ปาจรีย์อ้าปาก สุดท้ายก็ก้มหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษนะพ่อแม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจอยากปกปิดพ่อกับแม่ ฉันแค่กลัวว่าพ่อกับแม่จะโกรธ ดังนั้น……”
“ลูกรู้จักกลัวพวกเราโกรธด้วย?”คุณแม่ปารวีส่งเสียงฮึดฮัด“รู้จักกลัวพวกเราโกรธ แต่ยังไม่ยอมบอกพวกเราอีก แบกเรื่องพวกนี้เองคนเดียว ลูกแบกมันไหวเหรอ?ถ้าไม่ใช่วารุณีบอกพวกเรา ลูกคิดจะปิดบังแม่กับพ่อลูกไปทั้งชีวิตเลยเหรอ?