War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2118
ตอนที่ 2,118 : ข่าวอันน่าตกใจ!

“ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงนี่ เห็นว่ามีแต่ปรมาจารย์ยันเต๋าระดับเทียมสวรรค์เท่านั้นที่สามารถวาดเขียนขึ้นมาได้…แต่ปรมาจารย์ยันต์เต๋าระดับเทียมสวรรค์ กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังเป็นตัวตนที่หาได้ยากดั่งเขามังกรขนหงส์…”

ขณะมองไปยังยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วงที่มีสายฟ้าแลบลั่นแปลบปลาบ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ “ต่อให้เป็นชนชั้นจ้าวราชสีห์ขนทอง แต่คิดจะหายันต์เต๋าแผ่นนี้มาให้ลูกชายป้องกันตัวสักแผ่นไม่ทราบต้องควักเนื้อไปเท่าไหร่…”

ต้วนหลิงเทียนพึมพำถึงจุดนี้ก็ส่ายหน้าเบาๆ ลอบกล่าวในใจ ‘โชคร้ายของเซี่ยจงมันแล้วที่ไม่มีเวลามากพอจะเปิดใช้ยันต์ก็ต้องมาถูกกระบี่ข้าฆ่าทิ้งไปก่อน…ไม่พ้นจ้าวราชสีห์ขนทองคงเห็นเรื่องราวที่ข้าฆ่าลูกมันผ่านยันต์เต๋ากระจกเงาแม่เรียบร้อย ไม่รู้ป่านนี้จะมีโมโหจนกระอักเลือดตายไปรึยัง?’

และก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้จริงๆ

“ฮึ่ม!”

ที่ไหนสักแห่งในนครแห่งบาป หลังอาวุโสลัทธิอารามทมิฬอย่างฉู่ถานเชิงจากไป จ้าวราชสีห์ทองคำ เซี่ยคังฉวิน 1 ใน 4 มหาธรรมราชา ก็แค่นเสียงเยียบเย็นหนึ่ง สีหน้ายังมืดคล้ำดำลง

“ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงกลับตกไปอยู่ในกระเป๋าต้วนหลิงเทียนนั่นเสียได้!”

พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมมา เซี่ยคังฉวินที่ลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะได้ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงมาสักแผ่นเพื่อให้ลูกชายเก็บไว้ป้องกันตัว แต่สุดท้ายกลับต้องตกไปอยู่ในมือของศัตรูฆ่าลูกชาย ก็รู้สึกสูญเสียอย่างใหญ่หลวงนัก!

ยังจุกอกราวกับปอดจะระเบิด!!

“ต้วนหลิงเทียน…ต่อให้เจ้าจักหนีไปซ่อนอยู่ที่สุดขอบโลก ข้า เซี่ยคังฉวิน ก็จักไปลากตัวเจ้ามาสับให้แหลกเป็นหมื่นๆชิ้น ล้างแค้นให้ลูกชายข้า!”

เซี่ยคังฉวินกล่าวพึมพำด้วยอาฆาต ทั่วร่างปรากฏจิตสังหารฟุ้งตลบ เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายล้วนเร่งรุดล่าถอยออกเป็นการใหญ่ ไม่มีใครกล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้มัน ด้วยกลัวว่าจะพลอยเป็นปลาในบ่อ

……

หลังจากนั้นพักหนึ่งก็มีผู้ฝึกตนพเนจรมากมายถูกฆ่าทิ้งกลางถนนราวผักปลา…!

และสิ่งหนึ่งที่ผู้ฝึกตนพเนจรเหล่านี้มีเหมือนกันก็คือ…

พวกมันทั้งหมดล้วนมีรูปร่างละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนกว่า 8 ส่วนขึ้นไป

“พวกมันไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนสักคน!”

ผู้ที่ลงมือเข่นฆ่าผู้ฝึกตนพเนตรกลางถนนราวผักปลาเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเซี่ยคังฉวิน 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬเอง!

ถึงแม้เซี่ยคังฉวินจะเข่นฆ่าผู้ฝึกตนพเนจรไปมากมาย แต่ก็ไม่มีผู้ฝึกตนพเนจรคนไหนกล้าออกหน้าวุ่นวาย ด้วยกริ่งเกรงพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนของมัน!

แต่เรื่องนี้อย่างไรก็ทำให้ผู้คนของนครแห่งบาปหัวเสียกันไม่น้อย ทั้งไม่เข้าใจเรื่องราวจริงๆ

“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ทราบมีกี่คนแล้วที่ถูกจ้าวราชสีห์ขนทองผู้นั้นฆ่าทิ้ง…มหาธรรมราชาจากลัทธิอารามทมิฬคนนี้ จะไม่รังแกพวกเรากันเกินไปหน่อยหรือ!?”

ตอนนี้วาจาทำนองเดียวกันล้วนดังไปทั่วเหลาอาหารในนครแห่งบาป

หลังเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ไม่มีผู้ฝึกตนพเนจรคนใดในนครแห่งบาปไม่ทราบการมาเยือนนครแห่งบาปของ จ้าวราชสีห์ขนทอง เซี่ยคังฉวิน 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ

“เห็นว่าที่จ้าวราชสีห์ขนทองเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้ปราณี ทั้งหมดเพราะคิดหาตัวฆาตกรฆ่า ‘เซี่ยจง’ บุตรชายของมัน! เรียกว่าขอเพียงมีรูปร่างละม้ายคล้าย ฆาตกรผู้นั้นเกิน 7 ส่วนล้วนฆ่าไม่ละเว้น!”

“อะไร? มันคิดหาฆาตกรฆ่าลูกด้วยอาศัยรูปร่างผู้คนงั้นหรือ นี่มันตาบอดหรืออย่างไร? กระทั่งผู้สังหารบุตรชายหน้าตาเป็นเช่นไรก็ไม่รู้?”

“เห็นว่ามือสังหารฆ่าลูกชายของมันคนนี้ มีทักษะปลอมแปลงโฉมอันเลิศล้ำนัก ยากจะตรวจพบได้ด้วยสำนึกเทวะ!”

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ก็ถึงว่าไฉนจ้าวราชสีห์คนทองถึงต้องฆ่าคนโดยอาศัยรูปร่าง…ดูเหมือนข่าววลือที่ว่าจ้าวราชสีห์ขนทองรักบุตรชายผู้นี้ปานแก้วตาดวงใจ จะไม่ผิดเพี้ยนแล้วจริงๆ!”

……

บทสนทนาข้างต้นก็ดังไปทั่วนครแห่งบาปเช่นกัน

ตอนนี้ขอเพียงเป็นผู้ฝึกตนพเนจรในนครแห่งบาป ก็รู้ได้ทันทีว่าเซี่ยคังฉวินเปิดฉากสังหารอำมหิตอย่างไม่ไว้หน้าใครแบบนี้ เพียงเพราะคิดหาตัวฆาตกรฆ่าบุตรชาย!

เหนือเมฆที่ลอยล่องบนฟ้าสูงของนครแห่งบาป

จ้าวราชสีห์ขนทอง สองมือไพร่หลังลอยร่างบนฟ้า เพียงร่างลอยตระหง่านค้างกลางหาวแน่นิ่ง กลับให้ความรู้สึกคล้ายมันเป็นหอคอยเหล็กที่ตั้งตระหง่านคานฟ้าหอคอยหนึ่ง กลิ่นอายพลังกล้าแข็งสุดไพศาลยังเปล่งออกมาทั่วกาย กดดันบรรยากาศโดยรอบจนสะท้านสะเทือน

“มันมิได้อยู่ในนครแห่งบาปแล้วหรือไรกัน?”

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเซี่ยคังฉวินที่ลอยร่างก็กล่าววพึมพำออกมาเสียงต่ำ

ล่าสุด มีผู้ฝึกตนพเนจรสังเวยชีวิตภายใต้เงื้อมมือของมันไปแล้วกว่า 100 คน

และผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีรูปร่างใกล้เคียงกับต้วนหลิงเทียนกว่า 8 ส่วนทั้งสิ้น อนิจจาทั้งหมดล้วนไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน

“เวลาที่ข้ารับปากพวกมันเอาไว้ใกล้หมดเต็มทีแล้ว…”

คิดถึงจุดนี้สีหน้าเซี่ยคังฉวินพลันมืดดำลงอีกรอบ

และ ‘พวกมัน’ ที่เซี่ยคังฉวินกล่าวถึง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ล้วนเป็นผู้ฝึกตนชนชั้นร้ายกาจที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นของนครแห่งบาป…

พอมันมาถึงนครแห่งบาปได้ไม่นาน มันก็ไปเยือนผู้ฝึกตนพเนจรที่มีอำนาจในนครแห่งบาปเหล่านี้ทีละคน

หลังจากที่มันจ่าย ‘ราคา’ ออกไปอย่างเหมาะสม มันก็ได้รับอนุญาต…

สามารถฆ่าผู้ฝึกตนพเนจรในนครแห่งบาปได้!

แต่แน่นอนว่ามีเวลาจำกัด

นอกจากนั้นเซี่ยคังฉวินยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข่นฆ่าคนตามอำเภอใจ จะฆ่าได้ก็แต่ผู้ฝึกตนพเนจรที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกับฆาตกรสังหารลูกชายมันเท่านั้น

และตอนนี้กำหนดเวลาลงมือที่ตัวตนเหล่านั้นกำหนดมาให้มันก็ใกล้ครบเต็มที

เมื่อครบกำหนดเววลาที่ว่า มันก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข่นฆ่าผู้ฝึกตนในนครแห่งบาปราวผักปลาเช่นนี้อีกต่อไป

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดว่าเจ้าจะซ่อนตัวเช่นนี้ได้ตลอดหรือ…”

ทันใดนั้นเซี่ยคังฉวินคล้ายนึกอะไรได้ออก สองตาทอประกายอำมหิต มุมปากยกแสยะเหี้ยมเกรียม

และภายในวันนั้น ก็มีข่าวอันน่าตกใจแพร่ไปทั่วนครแห่งบาป

“เฮ่ พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือไม่ เห็นว่าที่แท้ฆาตกรฆ่าเซี่ยจง บุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทองจักเรียกว่าต้วนหลิงเทียนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่าง…ที่แท้ทั้งหมดเป็นการล้างแค้นเซี่ยจงที่ไปชิงตราผนึกมารจากมันมาก่อน!”

“ข้าพึ่งได้ยินมาเมื่อครู่! ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะเป็นนายน้อยของขุมพลังกึ่งชั้น 3 อันใดสักอย่าง…แต่จะว่าไปเรื่องนี้มันเป็นความจริงแน่หรือ? ไฉนนายน้อยขุมพลังกึ่งชั้น 3 นั่นจักมีพลังฝีมือสูงถึงขั้นฆ่าเซียจงได้กัน?”

“นั่นสิ! เรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! คนจากภูมิภาคเบื้องล่างไฉนมีปัญญาสังหารเซี่ยจงได้?”

“เรื่องนี้ข้าเพียงฟังหูไว้หูเท่านั้น ยากเชื่อได้ลงคอ”

……

เมื่อมีข่าวคนฆ่าเซี่ยจงคือ ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามอันเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ของภูมิภาคเบื้องล่างแพร่กระจายออกมา นครแห่งบาปก็อื้ออึงกันยกใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าเซี่ยจงได้

“เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี! ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นต่อให้เป็นชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะของภูมิภาคเบื้องล่างแล้วจะอย่างไร? ในภูมิภาคเบื้องบนมันยังจะนับเป็นตัวอะไรได้! ในเวลาไม่ถึง 2 ปีมันจะเอาปัญญาที่ไหนไปฆ่าเซี่ยจงด้วยตัวเองได้?”

“นั่นสิ ข่าวนี้ไม่ใช่เหลวไหลไปหน่อยหรือ เพียงได้ยินข้าก็ระคายหูแล้ว”

“เหอะๆ หากนายน้อยขุมพลังกึ่งชั้น 3 จากภูมิภาคเบื้องล่างฆ่าเซี่ยจงได้จริง…เช่นนั้นข้าคงได้อันดับ 1 ในรายนามยอดเซียนแล้วล่ะ”

……

ข่าวลือดังกล่าวแพร่ออกมากว่าครึ่งค่อนวัน แต่ไม่มีใครในนครแห่งบาปเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือสูงพอฆ่าเซี่ยจงได้เลย

แต่ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจเรื่องนี้ พลันมีข่าวที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าแพร่ออกมา

“นายน้อยของขุมพลังกึ่งชั้น 3 จากภูมิภาคเบื้องล่างต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี แต่มันที่เข้าไปเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ กลับสามารถกลายเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟได้?”

เรียกว่าข่าวนี้เขย่าขวัญสั่นประสาทผู้คนทั้งนครแห่งบาปแล้ววจริงๆ

เพราะอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟต้วนหลิงเทียนที่พึ่งโด่งดังขึ้นมา…กล่าวได้เลยว่าจังหวะนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จัก!

อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดจะเชื่อมโยงตัวตนดังกล่าวเข้ากับนายน้อยขุมพลังกึ่งชั้น 3 ของภูมิภาคเบื้องล่างแม้แต่คนเดียว!

เกือบทุกคนล้วนคิดว่าเพียงบังเอิญชื่อเหมือนกันเท่านั้น

“ต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟ ก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาครามของภูมิภาคเบื้องล่างคนนั้น…เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?!”

“แต่ไม่ว่าจะเป็นนายน้อยของภูมิภาคเบื้องล่าง กับอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ ผู้แซ่ต้วนทั้งคู่ล้วนมีหน้าตาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด…มองอย่างไรทั้งคู่ก็มิสมควรเป็นคนๆเดียวกันไปได้!”

“เจ้าอย่าได้ลืมไปว่ามีข่าวลือที่ว่าผู้ที่ลงมือสังหารเซี่ยจงนั้นมีทักษะแปลงโฉมอันเลิศล้ำที่มิอาจตรวจสอบได้ด้วยสำนึกเทวะ…หากต้วนหลิงเทียนทั้งสองคนเป็นคนๆเดียวกันจริง เรื่องนี้จะกลายเป็นไม่แปลกปลอมทันที แม้สองคนจะมีหน้าตาแตกต่างกัน ทั้งหมดก็ล้วนเพราะมันปลอมแปลงรูปโฉม!!”

“พอเจ้าพูดขึ้นมาข้าก็นึกได้ออกถึงความสามารถคนฆาเซี่ยจง…หากต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามจากภูมิภาคเบื้องล่างเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟจริง ก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีพลังฝีมือมากพอฆ่าเซี่ยจง!”

“แต่เรื่องนี้จะเป็นความจริงได้หรือ? นายน้อยจากขุมพลังที่ภูมิภาคเบื้องล่างกับอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟจะเป็นคนๆเดียวกันจริงๆ ไม่ใช่แค่มีชื่อเหมือนกัน? และฆ่าเซี่ยงจงเพราะแค้นส่วนตัว?”

“ถึงข้าเองก็ยังรู้สึกว่าเรื่องราวนี้น่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง…แต่ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”

……

หลังจากนั้นพอข่าวลือทั้ง 2 ถูกจับมาเชื่อมโยงกัน ก็ทำให้ผู้คนในนครแห่งบาปตระหนักได้ทันที

นายน้อยของขุมพลังกึ่งชั้น 3 จากภูมิภาคเบื้องล่าง กับอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟที่เรียกว่า ต้วนหลิงเทียน เป็นคนๆเดียวกันจริงๆ…

หากเป็นแบบนี้เรื่องราวทั้งหมดก็อธิบายได้ง่ายดาย!

ด้วยพลังฝีมือของอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 จะฆ่าเซี่ยจงได้ก็ไม่แปลกอะไร

ทันใดนั้นผู้คนทั้งนครแห่งบาปก็รู้สึกหลากอารมณ์นัก

“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟนั่นจะเป็นคนเดียวกับนายน้อยตำหนักเมฆาครามจกาภูมิภาคเบื้องล่างไปได้…เรื่องนี้เกรงว่าต่อให้หลับก็ยากจะมีผู้ใดฝันถึง!”

“นั่นสิ ตัวตนที่ไม่ต่างใดจากมดในสายตาของเซี่ยจงและถูกแย่งยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารมาวันนั้น…ผ่านไปไม่ทันถึง 2 ปีไม่เพียงจะมาปรากฏตัวในภูมิภาคเบื้องบน ยังฆ่าเซี่ยจงล้างแค้นได้สำเร็จ!”

“คนจากภูมิภาคเบื้องล่างกลับประสบความสำเร็จในภูมิภาคเบื้องบนขนาดนี้ทั้งๆที่พึ่งขึ้นมาไม่ทัน 2 ปี…นี่พรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ที่แท้ร้ายกาจถึงขั้นไหน?”

“นั่นสิ หรือต้วนหลิงเทียนคนนี้จะมีพรสวรรค์รากวิญญาณแต่กำเนิด สีม่วง ในตำนาน?”

……

ในนครแห่งบาป ไม่ว่าจะผู้ฝึกตนพเนจรที่ไร้สังกัด หรือเหล่าขุมพลังทั้งหลายที่อยู่ในนครแห่งบาป ต่างตกตะลึงกับความสามารถของต้วนหลิงเทียนนัก

“ต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยจง ก็ถือว่าเป็นการล้างแค้น…แต่ไม่ทราบว่าตราผนึกมารที่เซี่ยจงชิงไปตอนนั้นจะยังอยู่กับเซี่ยจงหรือไม่ หากอยู่มิใช่ว่าตราผนึกมารได้หวนคืนสู่เจ้าของเดิมแล้วรึไง?”

“ข้าคิดว่าเรื่องตราผนึกมารจะอยู่กับเซี่ยจงคงเป็นไปได้ยาก…สุดท้ายแล้วนั่นก็เป็นถึงยอดศาสตราเซียนที่ติด 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ หลังเซี่ยจงชิงของกลับมาถึงลัทธิอารามทมิฬ ก็ไม่พ้นต้องมอบให้บิดาอย่างจ้าวราชสีห์ขนทองไปแล้วล่ะ…”

“ข้าก็คิดแบบนั้น”

……

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความสนใจของใครหลายๆคนก็เปลี่ยนไปจดจ่อกับเรื่องราวของยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมาร

เพราะสุดท้ายแล้วที่เซี่ยจงอาวุโสของลัทธิอารามทมิฬ กับต้วนหลิงเทียนจากภูมิภาคเบื้องล่างกลายเป็นศัตรูกันได้…ก็เป็นเพราะตราผนึกมารล้วนๆ!