War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2119
ตอนที่ 2,119 : 5 ผู้ฝึกตนพเนจรผู้ยิ่งใหญ่!

จากปากต่อปากไม่นานข่าวลือที่เป็นดั่งระเบิดลูกใหญ่ก็แพร่สะพัดไปทั่วนครแห่งบาป และทำให้ผู้คนในนครแห่งบาปถึงกับลืมเลือนเรื่องราวที่อาจมีเผ่าพันธุ์ปีศาจรุกรานเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างเป็นการชั่วคราว…

แน่นอนว่าตอนนี้ผู้คนในนครแห่งบาปพากันสงสัยนัก

ว่าตราผนึกมารที่เซี่ยจงเคยชิงจากต้วนหลิงเทียนมาในอดีต ตอนนี้ใช่ยังอยู่ที่มันหรือไม่?

เพราะหากอยู่ที่มัน นั่นหมายความว่าหลังต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยจง ก็ต้องยึดตราผนึกมารกลับคืนมาเป็นที่เรียบร้อย!

แต่หากไม่ได้อยู่ในมือเซี่ยจง เช่นนั้นไม่พ้นต้องอยู่ในมือของจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ เพราะอย่างไรก็เป็นบิดาของมัน

และในขณะที่ทุกคนหันไปให้ความสนใจเรื่องที่ตราผนึกมารอยู่ในมือของเซี่ยจงหรือไม่ ก็มีอีกข่าวลือหนึ่งแพร่สะพัดออกมา

“อะไรนะ!? ตราผนึกมารยังอยู่กับเซี่ยจงงั้นเหรอ?”

“นอกจากนี้…ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเซี่ยจงได้ เป็นเพราะกระบี่ที่ใช้อาจจะเป็น 1 ใน 2 กระบี่ที่เป็นยอดศาสตราเซียน…กระบี่ไร้ลักษณ์!”

“ช้าก่อน! แบบนี้กล่าวได้ว่า ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงได้ตราผนึกมารคืนมา…แต่ยังมียอดศาสตราเซียนไว้ในครอบครองอีกชิ้น แถมยังเป็นยอดศาสตราเซียนกระบี่อันร้ายกาจงั้นเรอะ!!”

เมื่อข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียนไว้ในครอบครองถึง 2 ชิ้นแพร่ออกมา ก็ทำให้นครแห่งบาปแตกตื่นกันไม่น้อย!

ยอดศาสตราเซียนนั้นมองทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้วก็มีแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น

ทว่าตอนนี้กลับมีคนๆเดียวที่ครอบครองยอดศาสตราเซียนเอาไว้ถึง 2 ชิ้น!

ตราบใดที่ยังเป็นคนธรรมดา ไม่ว่าใครก็ต้องอิจฉาแน่นอน!

“ทำไม! เพราะอะไร!?”

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันมียอดศาสตราอยู่ในมือถึง 2 ชิ้นได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ เรื่องนี้ข้าไม่เชื่อ!!”

“หากข้าเจอต้วนหลิงเทียนข้าจะฆ่าชิงของมัน! ยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นสมควรเป็นของข้า!!”

“ข้าด้วย!”

……

เรียกว่าเสียงกล่าวด้วยความอยากได้อยากมีดังขึ้นระงมไปทั่วเมือง

คนๆเดียวกลับมียอดศาสตราเซียน 2 ชิ้น

ไม่ต้องกล่าวถึงคนธรรมดาในนครแห่งบาป กระทั่งผู้ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของนครแห่งบาปอันเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นยังอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

……

ปรากฏเสียงเคลื่อนร่างฉับไวแหวกฝ่าสายลม 5 ร่างจากทิศทางที่แตกต่างกันของนครแห่งบาป ความเร็วนั่นยากที่ผู้ฝึกตนพเนจรทั่วไปจะมองตามได้ทัน

และทั้ง 5 ยังมุ่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง…ยังเป็นที่เดียวกัน!

เป็นสถานที่พักชั่วคราวของจ้าวราชสีห์ทองคำ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ! และยังเป็นฐานปฏิบัติการณ์ชั่วคราวของลัทธิอารามทมิฬอีกด้วย!!

“จ้าวราชสีห์คนทอง!”

“ผู้เฒ่าเซี่ย!”

“จ้าวราชสีห์เซี่ย”

……

ทั้ง 5 แทบจะมาถึงในเวลาเดียวกัน และหลังมาถึงพวกมันเพียงมองหน้าสบตากันเล็กน้อยทว่าไม่ได้ทักทายกันแต่อย่างใด เพียงเร่งกล่าวเรียกหาใครบางคนออกมา

ยังเป็นเป้าหมายการมาหาครั้งนี้ของพวกมัน

คนๆนั้นก็คือผู้ที่อยู่ในคฤหาสน์ใต้ฝ่าเท้าเบื้องล่าง!

ในบรรดา 5 คนนี้มีชายชรา หญิงชรา ชายวัยกลางคน ชายหนุ่ม และก็หญิงสาว

ตอนนี้ที่พวกมันเรียกหาก็คือ จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!

ด้านจ้าวราชสีห์ทองคำ เซี่ยคังฉวิน พอถูกเสียงเรียกหา 5 เสียงด้วยคำเรียกที่แตกต่างกัน มันก็เหินร่างขึ้นมาบนฟ้าเหนือคฤหาสน์ พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าผู้มาเยือนทั้ง 5 “พวกท่านไฉนมาหาข้าได้เล่า…?”

ต่อหน้าร่างทั้ง 5 เซี่ยคังฉวินแม้จะกล่าวถามออกไปด้วยใบหน้าสงสัย แต่ก็ไม่กล้าประมาท

นั่นเพราะทั้ง 5 คนนี้ก็คือผู้นำกองกำลังพันธมิตรอันร้ายกาจของนครแห่งบาป ยังเป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วทั้งสิ้น

แต่แน่นอนว่าไม่ได้มียอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแค่ 5 คนในนครแห่งบาป ทว่าที่มากันเพียง 5 ก็เพราะพวกมันทั้ง 5 ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียนสองชิ้นก่อนคนอื่น

และพวกมันก็มั่นใจ

แหล่งที่มาของข่าวลือดังกล่าว 9 ใน 10 ส่วนสมควรเป็นจ้าวราชสีห์ขนทองเซี่ยคังฉวิน!

ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงมาที่นี่!

“หึ! เฒ่าเซี่ย…เจ้าอย่าได้เสแสร้งอีกเลย…เจ้าไม่รู้จริงๆว่าพวกเรามาทำไม?”

ชายวัยกลางคน 1 ใน 5 พ่นลมเสียงเย็น คิ้วขมวดเป็นปมกล่าวถาม

อีก 4 คนก็มองจ้องจ้าววราชสีห์ขนทอง เซี่ยคังฉวิน ไม่วางตา ในแวววตายังเผยความคาดหวังไม่น้อย

“ข้าสามารถรับรองกับทุกท่านได้ตรงนี้ว่าตราผนึกมารนั้นอยู่กับตัวเซวี่ยจงลูกชายข้าจริงๆ…สำหรับกระบี่ไร้ลักษณ์นั้นข้ามิอาจมั่นใจได้เต็มสิบส่วน เพราะข้าก็มิอาจกล่าวได้เต็มปากว่านั่นเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์จริงๆ…”

เซี่ยคังฉวินรู้ตัวดีวว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาออมพะนำ เลือกเปิดประตูเห็นภาผากล่าวออก “ทว่าฉากเรื่องราวจากยันต์กระจกเงาแม่ที่ข้าได้รับมา ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะฆ่าลูกชายข้ามันชัดเจนนัก…”

“ลูกข้าได้หยิบยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงออกมา กระทั่งซัดใส่ต้วนหลิงเทียนและกำลังจะเปิดใช้งานยันต์เพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน…”

กล่าวถึงจุดนี้เสียงของเซี่ยคังฉวินก็เงียบลง

“ยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วง? เฒ่าเซี่ยเจ้านับว่าลงทุนเพื่อบุตรชายของเจ้าไม่น้อย…ถึงกับมอบยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วงให้มันเก็บไว้เชียว?!”

ชายวัยกลางคนย่นคิ้ว กล่าวออกด้วยความประหลาดใจไม่น้อย

“อย่างไรก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของข้า…ข้าย่อมไม่ตระหนี่เป็นธรรมดา”

เซี่ยคังฉวินกล่าวตอบเสียงเบา

หลังจากกล่าวคำเสียงเบานี้ออกมา สีหน้าของเซี่ยคังฉวินก็มืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก

ลูกชายคนเดียวของมันพึ่งตาย!

เรียกว่าพอนึกถึงโทสะก็ปะทุขึ้นมาท่วมท้นในใจ ทั่วร่างปรากฏมวลพลังขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด จนเส้นผมคนเคราตั้งฟู

ตอนนี้ท่าทางของเซี่ยคังฉวินราวกับราชสห์ที่กำลังพิโรธก็ไม่ปาน!

แถมผมของมันยังเป็นสีทองอ่อนๆ ทำให้ยิ่งดูเหมือนสิงโตทองไปกันใหญ่

แน่นอนว่านาม จ้าวราชสีห์ขนทองก็มาจากเรื่องนี้เอง

“ในขณะที่ลูกชายข้ากำลังจะเปิดใช้งานยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วงเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนนั้น…ต้วนหลิงเทียนมันก็ชิงลงมือก่อน การลงมือของมันยังฉับไว ใช้ออกด้วยกระบี่สังหารที่ว่องไวนัก!”

เซี่ยคังฉวินกล่าวสืบต่อ “ตั้งแต่ต้นจนขบลูกชายข้าไม่ทันได้ตอบสนองอันใด กระทั่งไม่อาจเปิดใช้ยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วงได้ทัน…กระบี่ของมันรวดเร็วเกินไป ยังรวดเร็วเสียจน ราวกับมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย”

“พลังอำนาจจากกระบี่มันที่ข้าแลเห็น เกรงว่ากระบี่พันอาคมเซียนทั้งมวล หากนำมาเทียบกับกระบี่เล่มนี้ก็ไม่ต่างอันใดกับเศษเหล็ก!”

วาจาท้ายประโยคของเซี่ยคังฉวินยามกล่าว ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“กระบี่…หายไปอย่างไร้ร่องรอย?”

สิ้นคำเซี่ยคังฉวิน ใจของร่างทั้ง 5 อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ชายหนุ่มคนหนึ่งยังกล่าววพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ

อีกลูกตาของชายวัยหนุ่มคนดังกล่าวพลันส่องสว่างขึ้นมาทันใด มองไปยังเหมือนดวงดาวในฟ้ายามค่ำคืน “ฟังจากที่จ้าวราชสีห์เซี่ยกล่าว…หรือกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นใช้จะเป้นกระบี่ไร้ลักษณ์?”

อีก 4 คนพลันพยักหน้าเห็นด้วย

“ขอบคุณจ้าวราชสีห์เซี่ย!”

ชายหนุ่มคนดังกล่าวเร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณเซี่ยคังฉวิน ก่อนที่วูบร่างไปปานสายลมหอบหนึ่ง หายไปต่อหน้าต่อตาเซี่ยคังฉวิน

อีก 4 คนก็เช่นกัน

เรียกว่าทั้ง 5 มาแล้วก็จากไปว่องไวดั่งสายลมจริงๆ

ครู่ต่อมา บนฟ้าเหนือคฤหาสน์หลังโตก็หลงเหลือแต่เซี่ยคังฉวินเพียงลำพัง

“ต้วนหลิงเทียน…ด้วยเจ้ามียอดศาสตราเซียนในครอบครองถึง 2 ชิ้น เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าก็จักถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายของทุกผู้คน!”

กล่าวถึงจุดนี้มุมปากเซี่ยคังฉวินพลันยกแสยะออกมาด้วยอำมหิต “ให้ข้าดูว่าเจ้าจะเลือกละทิ้งยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นนั่นหรือไม่…หากเจ้าไม่เต็มใจละทิ้งพวกมัน ก็เพียงรอให้คนทั้งภูมิภาคเบื้องบนตามล่าเจ้าเถอะ!”

ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความโลภ…

หากข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนครอบครองยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นแพร่กระจายออกมาเมื่อใด เขาย่อมตกเป็นเป้าหมายของสาธารณชนทันที!

เรียกว่าถึงตอนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนเป็นศัตรูกับผู้คนทั้งภูมิภาคเบื้องบน!

ดั่งอมตะวาจา… ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’

ต้วนหลิงเทียนคนเดียวกลับมียอดศาสตราเซียนไว้ในมือถึง 2 ชิ้น ย่อมตกเป็นเป้าของยอดฝีมือที่เต็มไปด้วยความโลภทั้งภูมิภาคเบื้องบน!

เรียกว่าหลังข่าวเรื่องราวนี้แพร่ออกมา ทั่วนครแห่งบาปก็ตามหาต้วนหลิงเทียนกันจ้าละหวั่น…และเป้าหมายของทุกคนก็ล้วนอยู่ที่ยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ล้วนๆ!

“จ้าวราชสีห์ขนทองผู้นี้นับว่าลงมือได้อำมหิตจริงๆ…กระบวนท่านี้ของมัน นับว่าทำให้ข้าแทบไม่อาจอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนได้อีก”

กว่าต้วนหลิงเทียนจะได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็เป็นอีก 1 เดือนหลังจากนั้น

ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางแล้ว! หากแต่ความสุขที่ได้รับหลังทะลวงด่านจำต้องมลายหายไปหมดสิ้น หลังที่ได้รับทราบข่าววเรื่องราวที่แพร่กระจายไปทั่วด้านนอก!!

“เหอะๆ จังหวะนี้เว้นแต่ข้าจะยอมทิ้งตราผนึกมาร…หาไม่แล้วก่อนที่พลังข้าจะสูงพอถือครองตราผนึกมารได้อย่างไม่ต้องกลัวใคร เกรงว่าไม่พ้นต้องตกเป็นเป้าหมายของยอดฝีมือทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนตลอดเวลา…”

เรื่องนี้ไม่ต้องบอกต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี

ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้กล่าวออกมาว่า จ้าวราชสีห์ขนทองลงมือได้อำมหิตนัก!

“นอกจากนั้นตอนนี้ทุกคนก็รู้กันไปทั่วแล้วว่าข้าคือนายน้อยตำหนักเมฆาครามของภูมิภาคเบื้องล่าง…แถมฐานะอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 2 ของลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจปกปิด”

“อีกไม่นานคนทั้งแดนดินคงรู้ว่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 2 ของลัทธิบูชาไฟก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม! เช่นนั้นแล้วก่อนที่ข้าจะมีพลังฝีมือสูงพอบุกไปหอคุมกฏเพื่อช่วยเค่อเอ๋อแม่ลูก ข้าคงไม่อาจย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟได้อีกต่อไป…ไม่งั้นข้าได้ตกเป็นเป้าของยอดฝีมือในลัทธิบูชาไฟทั้งหมดแน่”

ยอดศาสตราเซียนนั้นมีอำนาจล่อลวงใจมากเกินไป กระทั่งชนชั้นจ้าวลัทธิบูชาไฟเองก็เกรงว่ายังได้รับผลกระทบ

ที่สำคัญตอนนี้กลับมีข่าวลือว่าเขาถือครองยอดศาสตราเซียนถึง 2 ชิ้นด้วยซ้ำ!

และยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นที่ว่า ก็คือ ตราผนึกมาร กับกระบี่ไร้ลักษณ์!

“จ้าวราชสีห์ขนทองคงคิดว่ากระบี่นิลสวรรค์ของข้าเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์…แต่อย่างไรเสียเรื่องกระบี่ไร้ลักษณ์นั้นแก้ไขได้ง่ายดายยิ่ง เพียงลั่นคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกไป ก็ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ…”

“แต่ตราผนึกมารนี่มันอยู่กับข้าจริงๆ คงไม่มีทางกล่าวยืนยันด้วยการสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าได้…”

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ

หากเขาย้อนกลับไปยังลัทธิบูชาไฟตอนนี้ เขาต้องดึงดูดความสนใจของตัวตนระดับยอดฝีมือของลัทธิบูชาไฟทั้งหลายไม่น้อยแน่นอน เพราะสมควรมีหลายคนที่อยากได้ตราผนึกมารในมือเขา!