บทที่ 824 แผนอันยาวนาน
บทที่ 824 แผนอันยาวนาน
ซูอันเฝ้าดูการแสดงออกของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เขาไม่เห็นสัญญาณของความตื่นตระหนกซึ่งทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าซานไฉ่อาจเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติจริง ๆ
เพ่ยเหมียนหมานเยาะเย้ย “ไม่มีทางที่ซานไฉ่จะตายจากปัญหาในระหว่างการคลอดบุตร ย้อนกลับไปตอนนั้น แม้แต่ข้า…” นางกระแอมแล้วพูดต่อ “ในตอนนั้น เรามั่นใจว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการคลอดบุตรให้กับนาง เนื่องจากเรากังวลว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
จีชางตอบกลับ “ดวงจันทร์นั้นกลมและเหลือเพียงเสี้ยวในเวลาที่ต่างกัน เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่ประสบภัยพิบัติและความสุขระหว่างรุ่งสางถึงค่ำ มีหลายสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ข้ายังเสียใจอย่างยิ่งกับการตายของซานไฉ่ แต่ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความต้องการของสวรรค์”
ซูอันเยาะเย้ย “ถ้าอย่างนั้นตามที่เจ้าพูด เป็นสวรรค์ที่เรียกร้องให้นางตาย?”
จีชางตอบอย่างใจเย็น “ด้วยความเคารพ ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ข้าแค่หมายความว่าเป็นการยากที่จะคาดเดาความต้องการของสวรรค์ ข้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะคาดเดาเกี่ยวกับเรื่องนี้…”
ซูอันรู้ว่านี่เป็นจิ้งจอกผู้มากประสบการณ์ ไม่มีประโยชน์ไม่ว่าเขาจะถามอีกฝ่ายอย่างไร เขาตะโกนให้คนเข้ามา “ทรมานมันให้คายความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น?!”
จีชางยังคงไม่สะทกสะท้าน “ข้ากลัวว่าการตัดสินใจของฝ่าบาทจะไม่ฉลาด การทำอย่างนี้จะเป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราโดยสิ้นเชิง”
“ความสัมพันธ์? ชาวโจวโลภมากอย่างพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักพวกเจ้าจริง ๆ เหรอ?!” ซูอันโบกมือเพื่อบอกให้ทหารเริ่มต้น
อาณาจักรซางขึ้นชื่อเรื่องของการทรมานหลายรูปแบบอยู่แล้ว เมื่อจักรพรรดิรับสั่ง มันไม่ยากเลยที่จะหานักทรมานที่เชี่ยวชาญที่สุด
จีชางถอนหายใจ “วิธีการโหดร้ายของฝ่าบาทอาจทำให้ผู้คนทั่วไปวิพากษ์วิจารณ์ได้”
ซูอันไม่ต้องการโต้เถียงกับอีกฝ่ายและหันหลังเดินจากไป ที่ประตูห้องขังซูอันหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามันเป็นพวกทนทายาท และข้าอาจจะไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ จากเจ้า อย่างไรก็ตามข้าสงสัยว่าปั๋วอี้เข่าจะทนมือทนไม้เหมือนเจ้าหรือไม่?”
ท่าทีที่เฉยเมยของจีชางลดลงเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานได้ไปเยี่ยมห้องขังของปั๋วอี้เข่า พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของปั๋วอี้เข่าและคำสาปแช่งก่นด่าจากระยะไกล การทรมานที่เกิดขึ้นภายในทำให้เปลือกตาของพวกเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ มันช่างโหดร้ายอย่างสุดขีด
แม้แต่การดูช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มากเกินไปสำหรับทั้งสองคน พวกเขาออกมารอด้านนอก
ไม่นานก็มีรายงานจากภายในเรือนจำ “เขาเต็มใจจะสารภาพ”
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานตื่นเต้นและกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ปั๋วอี้เข่าไม่ใช่ชายที่หล่อเหลาอีกต่อไป ร่างกายของเขาทรุดโทรมอย่างหนัก และดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลจากลมหายใจสุดท้ายเพียงครู่เดียว
ซูอันต้องยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งที่สามารถทนอยู่ได้นานขนาดนี้
ริมฝีปากของปั๋วอี้เข่าขยับเมื่อเห็นทั้งสองเข้ามา ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะสาปแช่งอีกต่อไป “ข้าแค่อยากตายเร็ว ๆ…” เขาพึมพำเสียงเบา
บ่อยครั้ง การมีชีวิตก็เจ็บปวดมากกว่าการตาย ปั๋วอี้เข่าเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเขาดี ความตายคือการปลดปล่อยสำหรับเขา
ซูอันรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาแสดงความเห็นอกเห็นใจ เขาคว้าเก้าอี้และนั่งลง “พูดมา ซานไฉ่ตายอย่างไร?”
เปลือกตาของซูอันกระตุกอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟังปั๋วอี้เข่าเล่าเรื่อง และความโกรธที่สั่งสมอยู่ร่างก็ยิ่งลุกโหมร้อนขึ้นและรุนแรงขึ้น
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าซานไฉ่เสียชีวิตอย่างไร ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดบุตร? มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!
ย้อนกลับไปหลังจากที่จีชางพาซานไฉ่กลับไปที่เผ่าโจวตะวันตกเขามีพระราชวังที่เตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ
ซานไฉ่รู้สึกปลาบปลื้มในตอนแรก และรู้สึกว่าจีชางห่วงใยนางอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม นางค่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ไม่มีอะไรผิดปกติกับวิธีที่จีชางโต้ตอบกับนางในที่สาธารณะ เขายังเชิญนางให้เข้าร่วมงานโอกาสสำคัญต่าง ๆ เหมือนกับสามีภรรยาที่รักกันตามปกติ
แต่หลังฉากที่เลอเลิศนั้น เขาไม่เคยมาเยี่ยมวังของนางเป็นการส่วนตัวแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งสองเป็นเพียงสามีภรรยากันแต่ในนามไม่ใช่ในความเป็นจริง จีชางดูเหมือนจะปฏิบัติต่อนางเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อใช้ในการบรรลุเป้าหมายของเขา
ซานไฉ่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะนางไม่ได้ชอบจีชาง การใช้ชีวิตตามลำพังในวังของตัวเองกลับทำให้นางรู้สึกมีอิสระ
นางสามารถเขียนจดหมายถึงพี่ชายและพี่สาวของนางได้ตลอด แน่นอนว่านางไม่เคยพูดถึงความจริงเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองเลย เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลจนเกินควร
จากนั้นซานไฉ่ก็ค่อย ๆ จดจำจุดประสงค์ของนาง เหตุผลแรกของนางในการแต่งงานครั้งนี้คือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าโจว และเหตุผลที่สองคือเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับสามี
ด้วยเหตุนี้ นางจึงริเริ่มเข้าหาจีชาง แต่จีชางไม่เคยปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล และนางไม่สามารถหาวิธีที่จะทำให้ทั้งนางและเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น
อยู่มาวันหนึ่ง สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในที่สุด ซานไฉ่ได้ยินการสนทนาระหว่างจีชางและนักยุทธศาสตร์
ปรากฏว่าโจวตะวันตกได้เริ่มแผนการที่จะทำลายราชวงศ์ซางมานานแล้ว หรือพูดให้เจาะจงก็คือมันเริ่มตั้งแต่สมัยปู่ของจีชาง ย้อนกลับไปในสมัยนั้น เผ่าโจวมีความคิดที่จะล้มล้างราชวงศ์ซางอยู่แล้ว แต่ราชวงศ์ซางนั้นแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงรอเวลา
หลังจากที่แคว้นเชียงพ่ายแพ้และดินแดนถูกทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ปกครอง พวกเขาช่วยอาณาจักรซางกวาดล้างพวกเชียงที่เหลืออยู่ ภายใต้ข้ออ้างของการปกป้องชายแดน พวกเขาใช้เวลาหลายสิบปีอย่างช้า ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนที่เคยเป็นของแคว้นเชียง เปลี่ยนสถานะของเผ่าโจวเป็นแคว้นโจวหรือโจวตะวันตกในปัจจุบัน
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มผูกสัมพันธ์กับขุนนางต่าง ๆ ของเมืองขึ้นอื่น ๆ
น่าเสียดาย มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อจี่หลี พ่อของจีชางถูกสั่งประหารโดยจักรพรรดิซางซึ่งเป็นผลกระทบร้ายแรงอย่างยิ่งยวดต่อแผนการของโจวตะวันตกที่จะล้มล้างราชวงศ์ซาง
พวกเขายังตระหนักด้วยว่าราชวงศ์ซางเริ่มระมัดระวังพวกเขามากขึ้น แต่ทว่าเนื่องจากพวกเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าอาณาจักรซาง พวกเขาจึงตัดสินใจว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะแสดงท่าทีที่แท้จริงของพวกเขา
พวกเขาวางแผนที่จะใช้การบุกรุกของแคว้นอี้ทางทิศตะวันออกเพื่อลดความแข็งแกร่งของราชวงศ์ซางในขณะที่พวกเขาใช้โอกาสนี้เพื่อเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
ดังนั้นเมื่อราชวงศ์ซางเสนอให้มีการแต่งงานทางการเมืองพวกเขาจึงตอบตกลงทันที
แน่นอนว่าการตกลงที่จะแต่งงานก็เป็นเรื่องหนึ่ง ไม่มีทางที่โจวตะวันตกจะยอมให้เลือดขององค์หญิงแห่งอาณาจักรซางแทรกซึมสู่ทายาท ซึ่งจะขัดขวางแผนการอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาซึ่งตอนนี้มีอายุย้อนกลับไปกว่าร้อยปีแล้ว