บทที่ 777 การเตรียมตัวสำหรับร้านหม้อไฟ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 777 การเตรียมตัวสำหรับร้านหม้อไฟ

บทที่ 777 การเตรียมตัวสำหรับร้านหม้อไฟ

“นี่… นี่…” ป้าจางถูมืออย่างตื่นเต้น ที่นางไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อก็เพราะนางได้แต่กินและดื่มที่บ้านทั้งวันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย คราวนี้นางได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานได้มอบหมายงานให้พวกนางแต่ละคน ป้าจางจึงรู้สึกดีขึ้น

จะมีเหตุผลอะไรให้ไม่อยากอยู่ต่ออีกเล่า

ป้าจางและลุงจางมองหน้ากัน ก่อนจะเห็นความหวังในดวงตาของกันและกัน “ตกลง ตกลง ตกลง!”

พวกเขาไม่มีที่ไปแล้ว ถ้าพวกเขาสามารถอยู่ที่นี่และช่วยเหลือกู้เสี่ยวหวานได้จริง ๆ ก็คงจะดีที่สุด!

พวกเขาจะรังเกียจได้อย่างไร นี่เหมือนโชคหล่นลงมาจากสวรรค์

เมื่อรู้ว่าพวกเขาเห็นด้วย กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ

ถ้าให้พวกเขาอยู่ที่นี่โดยไม่ทำอะไร ป้าจางและคนอื่น ๆ จะไม่ยอมอยู่ที่นี่ต่ออย่างแน่นอน

ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมานี้ ป้าจางจึงพยายามช่วยพวกนางซักผ้าและทำอาหาร โดยที่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กล่าวห้ามนาง

ครอบครัวของป้าจางเป็นคนหน้าบางที่รู้จักตอบแทนคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการทำอะไรด้วยตัวเองเพื่อตอบแทนกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานย่อมปล่อยให้นางทำตามใจ

เมื่อได้ยินว่าลุงจางและคนอื่น ๆ จะอยู่ต่อ กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็แทบจะกระโดดขึ้นอย่างมีความสุข “โอ้ ๆ พี่ฉือโถว ท่านอยู่ต่อแล้ว!”

เด็ก ๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอบครัวของป้าจางจะอยู่ต่อ เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยแล้วเสมือนมีพ่อแม่และพี่ชาย มีเพียงความรักใคร่ของครอบครัวเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าทุกคนมีความสุขมาก กู้เสี่ยวหวานก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินเย่จือโดยมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของนาง

ครั้นเห็นว่าในที่สุด กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มอย่างเต็มที่แล้ว ฉินเย่จือก็ยิ้มกว้าง คิ้วและดวงตาของเขาโค้งลง ซึ่งเขาเองก็หัวเราะออกมา

ด้วยมีผู้ใหญ่อีกสองสามคนในครอบครัว กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้อีก

เมื่อฉินเย่จือนึกถึงข่าวที่ผู้คุ้มกันลับนำมาส่ง เกรงว่าเขาจะอยู่ได้จนถึงหลังปีใหม่ โดยเขาอาจต้องจากไปในไม่ช้า!

ทุกคนเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของอย่างมีความสุข ด้วยมีครอบครัวของป้าจางเพิ่มเข้ามาจึงย่อมมีของใช้มากขึ้น นางซื้อของมากมาย แต่โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานได้เครื่องเรือนครบแล้ว จึงไม่ต้องซื้อเครื่องเรือนเพิ่มอีก

ทุกอย่างในบ้านหลังใหม่ถูกเพิ่มขึ้น โดยสิ่งของต่าง ๆ ถูกบรรจุเรียบร้อย และกำลังรอขนย้ายไปที่นั่นทีละเล็กทีละน้อย

ไม่นานก็มีข่าวดีจากหลี่ฝาน ร้านอาหารหม้อไฟสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็มีกำหนดเปิดในวันที่แปดเดือนสิบสอง

แม้ว่าจะช้าไปสักหน่อย แต่ก็ไม่สายเกินไป เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว กิจการย่อมเปิดได้เอง

ก่อนหน้านั้น หลี่ฝานได้พากู้เสี่ยวหวานไปเยี่ยมเมืองรุ่ยเสียน เพื่อดูว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ และเขาได้ขอให้กู้เสี่ยวหวานชี้แนะ

ตั้งแต่การจัดโต๊ะและเก้าอี้ ไปจนถึงชื่อรายการอาหารและสูตรการทำน้ำแกงในครัวด้านหลัง กู้เสี่ยวหวานใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิด

ดังคำกล่าวที่ว่า รายละเอียดจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จและความล้มเหลว ตราบใดที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของทุกอย่างได้รับการจัดการอย่างดี มันย่อมได้รับผลดีแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานชี้ให้เห็นข้อบกพร่องทีละข้อ ซึ่งหลี่ฝานก็แก้ไขไปทีละข้อ และในที่สุด วันที่แปดของเดือนสิบสองก็มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

ในคืนวันที่เจ็ดเดือนสิบสอง พวกกู้เสี่ยวหวานเดินทางไปที่เมืองรุ่ยเสียนและพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเพราะเกรงว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาจะมาไม่ได้ เพราะมันเป็นฤดูหนาวแล้ว และอาจมีหิมะตกในบางวัน!

เมื่อกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ออกมาจากโรงเตี๊ยมก็รีบไปที่ร้านอาหาร พนักงานในร้านสวมเครื่องแบบและเตรียมการไว้อย่างเป็นระเบียบ

ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดในเมืองรุ่ยเสียน ห่างจากร้านจิ่นฝูเพียงสองหรือสามประตู

บนถนนที่มีคนพลุกพล่าน มีประทัดสีแดงหลายลูกแขวนอยู่

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้เปิดเร็ว ๆ นี้ เพราะหม้อไฟนี้มีไว้สำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ หากเปิดในตอนเช้า ใครจะกินกันล่ะ!

หลี่ฝานย่อมฟังกู้เสี่ยวหวานทุกเรื่อง เมื่อนางบอกว่าจะให้เปิดตอนไหน มันก็จะเปิดตอนนั้น

ผ้าไหมสีแดงสดถูกแขวนไว้บนแผ่นป้ายประตู มีสิงโตสีแดงสองตัวที่อยู่ทั้งสองด้านของประตูสวมชุดสีแดงเช่นกัน เมื่อทุกคนเห็นก็จะรู้ว่ามีร้านอาหารใหม่เปิดขึ้น

ทว่าทุกคนประหลาดใจยิ่ง หลี่ฝานเพิ่งเปิดร้านจิ่นฝูไป เขาจะเปิดร้านใหม่เร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน และมันก็ยังอยู่ใกล้กันอีก

ทุกคนต้องการสอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่หลี่ฝานไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ เพียงแต่พูดด้วยรอยยิ้มว่ามันอร่อยมาก ทั้งนี้เขายังสั่งลูกน้องของเขาไม่ให้พูดเรื่องไร้สาระ

ยิ่งไม่พูด ทุกคนก็ยิ่งอยากรู้ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอวันเปิดตัวที่จะมาถึงในไม่ช้า

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อได้ยินว่าที่นี่กำลังจะเปิด บางคนก็มารอที่ประตูแต่เช้า บางคนรู้ว่ามันกำลังจะเปิด ดังนั้นพวกเขาจึงทำการจองสถานที่ไว้ล่วงหน้าทันที เพียงต้องการดูว่ามีอะไรกินบ้าง และอยากดูเร็ว ๆ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานออกมาจากโรงเตี๊ยม นางนั่งในรถม้าไป แต่เดินไปพร้อมกับฉินเย่จือและคนอื่น ๆ ด้วยกลัวว่าจะมีคนมากเกินไป

และแน่นอนว่า เมื่อไปถึงหัวมุมถนน พวกนางก็เห็นฝูงชนต่างชะเง้อคอมองไปข้างใน แต่ร้านอาหารยังไม่เปิด ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ยืนอยู่ข้างนอกและเข้าไปข้างในไม่ได้

แต่ทุกคนก็กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเป็นคนแรกที่ได้ทานอาหารที่ร้านนี้

คนที่รออยู่ที่ประตูนั้นแต่งตัวดูดีและดูร่ำรวย

ในยุคนี้มีแค่คนที่มีฐานะค่อนข้างร่ำรวยเท่านั้นที่จะมาทานอาหารในร้านอาหาร

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นผู้คนมากมายรออยู่ที่ประตู นางก็หัวเราะทันที

สถานการณ์เช่นนี้ดีมาก ในตอนนั้น นางบอกกับหลี่ฝานว่านางต้องทำเสียงดังด้วยการประโคมข่าว แต่ก็ต้องไม่ปล่อยให้ทุกคนรู้ว่ามันคืออะไร!

เพื่อกระตุ้นความปรารถนา ดูสิ มันได้ผลจริง ๆ

ประตูร้านอาหารยังไม่เปิด และยังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนจะเปิด กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเข้าร้านไปในอาหารทางประตูหลัง

หลังจากเข้าไปในร้านอาหาร นางก็เห็นหลี่ฝานกำลังพาเสี่ยวเซิ่งจื่อไปตรวจสอบทุกโต๊ะอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมา หลี่ฝานก็รู้สึกตื่นเต้นมาก “เสี่ยวหวาน เจ้าเห็นหรือไม่? ข้างนอกมีคนมากมายมารอชมอาหารจากร้านของเรา!”

หลี่ฝานรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาลอบมองไปที่ฉินเย่จือที่อยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวาน และพยักหน้าเป็นการทักทายอย่างลับ ๆ

กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของหลี่ฝาน นางมองดูแผนผังของร้านอาหาร

โต๊ะเล็กในโถงวางอยู่ติดกับผนังหน้าต่างที่สะอาด โต๊ะยาวตัวเล็กนั่งได้สี่คน และอีกหลายโต๊ะที่กั้นแยกออกจากกัน ที่ด้านล่างมีโต๊ะกลมด้วย ด้วยกลัวว่าจะไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับห้องส่วนตัวด้านบน ดังนั้นนางจึงจัดโต๊ะสองตัวไว้ด้านล่าง

หลี่ฝานพากู้เสี่ยวหวานขึ้นไปชั้นบนด้วย ซึ่งจะเห็นว่าที่ประตูทางเดินชั้นบนจะมีหนึ่งคนยืนอยู่เป็นระยะ ๆ ทุกคนล้วนอยู่ในชุดเครื่องแบบของร้านอาหาร