ตอนที่ 763 ไม่ต้องเป็นห่วง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 763 ไม่ต้องเป็นห่วง

บางทีหลี่หมิงรุ่ยอาจอยากเลือกเดินในหนทางใหม่ อาจอยากครอบครองอำนาจทางทหารขึ้นมาบ้างจะได้โค่นล้มราชวงศ์หลินได้ง่ายขึ้น มีเพียงการทำเช่นนี้จดหมายลายมือหลี่เม่าที่เขียนถึงองค์ชายรองในตอนนั้นที่อยู่ในมือของนางจะได้กลายเป็นเพียงกระดาษเปล่า

ยิ่งเป็นเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งไม่อาจปล่อยให้หลี่หมิงรุ่ยแย่งอำนาจทางทหารของค่ายผิงอันไปจากมือของตระกูลไป๋ได้

ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดอำนาจทางทหารล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อมีไว้ในครอบครองแล้วจะปล่อยให้ผู้อื่นแย่งไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

เมื่อเข้าไปในเรือนปัวอวิ๋น ฉินหมัวมัวซึ่งเตรียมเครื่องแต่งกายไว้เรียบร้อยแล้วโบกมือให้สาวใช้ช่วยแต่งกายให้ไป๋ชิงเหยียน

ฉินหมัวมัวผูกเชือกเครื่องแต่งกายให้ไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “เครื่องแต่งกายชุดนี้รมควันยาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ฮูหยินกำลังต้อนรับเฉวียนอวี๋กงกงอยู่ที่เรือนหน้า ฮูหยินกล่าวว่าสถานการ์รบที่ไม่สู้ดีกับต้าเหลียงส่งกลับมาไม่หยุดเช่นนี้ หากเฉวียนอวี๋กงกงไม่ได้มาเชิญคุณหนูไปออกรบก็คงมาบอกเรื่องการเปลี่ยนตัวคุณหนูสี่ให้คุณหนูใหญ่รับรู้ล่วงหน้า เมื่อมีคำสั่งเปลี่ยนตัวคุณหนูสี่ออกมาคุณหนูใหญ่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ฮูหยินกำชับให้คุณหนูใหญ่เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปพบเฉวียนอวี๋กงกงเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นปล่อยให้ฉินหมัวมัวช่วยติดกระดุมคอเสื้อให้พลางคิดอยู่ในใจว่าเฉวียนอวี๋คงไม่ได้มาเชิญนางออกไปรบ องค์รัชทายาทเป็นคนรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง องค์รัชทายาททราบดีว่าอาการของนางเป็นเช่นไรเพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่หมอหลวงตรวจอาการให้นางที่จวนองค์รัชทายาท ดังนั้นหากแคว้นต้าจิ้นไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นวิกฤตจริงๆ องค์รัชทายาทไม่มีทางให้นางนำทัพไปออกรบเด็ดขาด

การที่องค์รัชทายาททำเช่นนี้ย่อมได้รับคำสรรเสริญว่ามีเมตตา เห็นใจคนป่วยจากคนทั่วแคว้น ต่อให้องค์รัชทายาทอยากส่งนางไปออกรบจริงๆ ฟางเหล่าก็คงขัดขวางแน่นอน

เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ชุนเถาใช้แป้งทาหน้าทาไปที่ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนทำให้ริมฝีปากของหญิงสาวดูซีดเซียวลงกว่าเดิม ร่างทั้งร่างดูอ่อนแอมากกว่าเดิม

ภายในโถงรับรองด้านหน้า เฉวียนอวี๋นั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดจากต่งซื่อ ขณะสนทนาเขามีท่าทีนอบน้อมกับต่งซื่อมาก เอ่ยถามอาการของไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด จากนั้นมอบยาล้ำค่าขององค์รัชทายาทให้แก่ต่งซื่อ

ต่งซื่อกำลังสนทนาอยู่กับเฉวียนอวี๋ เมื่อเหลือบมองไปด้านนอกจึงเห็นเกี้ยวของไป๋ชิงเหยียนมาถึงแล้ว นางรีบมองไปนอกโถงรับรองทันที เฉวียนอวี๋มองตามสายตาของต่งซื่อไปเช่นเดียวกัน…

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนฝืนยืนขึ้นจากเกี้ยวได้เพราะการประคองของชุนเถาและถงหมัวมัว เฉวียนอวี๋ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ จากนั้นก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ เป็นความผิดของบ่าวเอง หากไม่ใช่เพราะองค์ชายมีเรื่องสำคัญฝากมาบอกองค์หญิง บ่าวไม่มีทางมารบกวนการพักผ่อนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เฉวียนอวี๋กล่าวพลางเข้าไปช่วยพยุงแขนของไป๋ชิงเหยียนแทนถงหมัวมัวเข้าไปด้านในโถงรับรองอย่างระมัดระวัง

เฉวียนอวี๋ได้กลิ่นฉุนของยาจากร่างของไป๋ชิงเหยียน เขาสัมผัสโดนข้อมือที่แทบจะเหลือแต่กระดูกของหญิงสาว ขอบตาจึงร้อนผ่าวขึ้นทันที องค์หญิงเจิ้นกั๋วผอมลงกว่าตอนอยู่ที่เมืองหลวงมาก

เมื่อประคองไป๋ชิงเหยียนนั่งลงเรียบร้อย เฉวียนอวี๋เห็นไป๋ชิงเหยียนหายใจหอบจึงทำตัวไม่ถูก เมื่อเห็นชุนเถาเดินถือชาร้อนเข้ามา เฉวียนอวี๋รีบเข้าไปรับชาร้อนจากมือของชุนเถาส่งให้ไป๋ชิงเหยียนโดยไม่ได้คำนึงว่าตนเป็นเพียงแขก “องค์หญิงเจิ้นกั๋วดื่มชาสักนิดเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า ชุนเถารีบรับถ้วยชาจากไป๋ชิงเหยียนไปวางไว้ที่โต๊ะด้านข้าง จากนั้นเอาหมอนไปสอดไว้ทางด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนแล้วหันไปกล่าวกับเฉวียนอวี๋ “เชิญเฉวียนอวี๋กงกงเจ้าค่ะ”

เฉวียนอวี๋พยักหน้าแล้วถอยกลับไปนั่งลงตามเดิม

“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทส่งเฉวียนอวี๋กงกงมาด้วยเรื่องอันใด” ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงพลางมองไปทางเฉวียนอวี๋ด้วยแววตาแจ่มชัด

เฉวียนอวี๋เม้มปากอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ้นจู่สูญเสียเมืองในต้าเหลียงติดต่อกันสามเมือง ขุนนางในราชสำนักเริ่มไม่พอใจ ต้องการเปลี่ยนตัวเกาอี้จวิ้นจู่ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าเสนอตัวหลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของตัวเองไปนำทัพที่ต้าเหลียง เขาให้คำสัตย์ทางทหาร องค์ชายเห็นว่าขัดขวางความต้องการของเหล่าขุนนางไม่ได้แล้วจึงส่งบ่าวมาทูลให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบล่วงหน้าพ่ะย่ะค่ะ บางทีเมื่อบ่าวกลับไปถึงเมืองหลวง องค์ชายอาจต้องประกาศราชโองการเปลี่ยนตัวหลี่หมิงรุ่ยกับเกาอี้จวิ้นจู่ด้วยความจนพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

เฉวียนอวี๋เหลือบมองสีหน้าของไป๋ชิงเหยียน เขาเห็นหญิงสาวกำที่วางแขนของเก้าอี้พลางหลับตานิ่งราวกับกำลังใช้ความคิด

เขากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเข้าใจผิดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใดขึ้นมา เฉวียนอวี๋จึงรีบกล่าวต่อ “ที่องค์ชายทรงทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อพระทัยเกาอี้จวิ้นจู่หรือตระกูลไป๋นะพ่ะย่ะค่ะ ทว่า อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าประกาศคำสัตย์ทางทหาร เหล่าขุนนางบีบบังคับ องค์ชายจึงต้องทรงทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ! องค์ชายทรงกลัวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะทรงคิดมากระหว่างพักรักษาตัวจึงให้บ่าวมาทูลให้องค์หญิงทราบที่นี่ องค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่าทรงคิดมากไปเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเฉวียนอวี๋กล่าวจบ โถงรับรองของตระกูลไป๋ตกอยู่ในความเงียบทันที

ต่งซื่อไม่ใช่คนที่ไม่รู้ความ เมื่อองค์รัชทายาทพระราชทานความเมตตาให้ เราต้องก้มศีรษะน้อมรับ นางรู้ดีว่าขอเพียงบุตรสาวของนางตอบตกลง อำนาจทางทหารที่หามาให้ไป๋จิ่นจื้ออย่างยากลำบากจะหลุดลอยหายไปในทันที

ต่งซื่อกำหมัดแน่น นางเดาว่าครั้งนี้บุตรสาวของนางคงจะสวมชุดเกราะไปออกรบในสนามรบอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าบุตรสาวของนางแกล้งป่วยอ่อนแอ ทว่า ต่งซื่อก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

ทว่า นางรู้ดีว่าปณิธานของบุตรสาวของนางยิ่งใหญ่ เป็นสตรีตระกูลไป๋ที่อยากเป็นหนึ่งในใต้หล้า รู้ดีว่าเสี่ยวซื่อยังอยู่ในสนามรบ ดังนั้นนางจึงไม่อาจห้ามปรามบุตรสาวได้

เมื่อไม่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนส่งเสียงตอบ ใจของเฉวียนอวี๋กระตุกวูบ เขากล่าวโน้มน้าวต่อ “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์ชายทรงไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องส่งหลี่หมิงรุ่ยไป ความจริงพระองค์ก็ทรงไม่อยากใช้งานหลี่หมิงรุ่ยเท่าใดนัก คนผู้นี้ยังไม่ได้เข้าร่วมกับองค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้ยังเคยวางแผนใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีก องค์ชายทรงกังวลอยู่เหมือนกันว่าหากคนผู้นี้มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ เขาอาจมีใจเป็นอื่น ยากจะควบคุมได้พ่ะย่ะค่ะ! ทว่า องค์ชายจำต้องใช้งานหลี่หมิงรุ่ยอย่างไม่มีทางเลือก ไม่ใช่เพราะพระองค์ไม่เชื่อพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อไม่เห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เฉวียนอวี๋เปลี่ยนท่านั่งของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสียงเบากว่าเดิม “ความจริงก็ถือเป็นเรื่องดีนะพ่ะย่ะค่ะ เกาอี้จวิ้นจู่เป็นสตรี นางต้องไปต่อสู้กับศัตรูในสนามรบทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ หากกล่าวตามตรงนั่นคือการเอาชีวิตไปเสี่ยงภายใต้คมดาบของศัตรู องค์หญิงเจิ้นกั๋วและบรรดาฮูหยินไป๋ก็คงเป็นห่วงนางมากใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากเกาอี้จวิ้นจู่กลับมา องค์หญิงเจิ้นกั๋วและฮูยินทุกท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะได้พักรักษาตัวอย่างสบายใจ ถือเป็นเรื่องดีเช่นกันนะพ่ะย่ะค่ะ”

ต่งซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้ากดมุมปากเล็กน้อย “คนตระกูลไป๋ทุกรุ่นไม่ว่าบุรุษหรือสตรีเมื่อเกิดมาล้วนรู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเองคือการปกป้องชาวบ้านต้าจิ้นให้อยู่อย่างสงบสุข แม้ตายไปก็ไม่เสียดาย! ในเมื่อจิ่นจื้อได้รับบรรดาศักดิ์เป็นถึงเกาอี้จวิ้นจู่ นางไม่อาจรับบรรดาศักดิ์อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำประโยชน์เพื่อชาวบ้านจนขัดต่อคำสั่งสอนของบรรพบุรุษได้ คนตระกูลไป๋ทุกคนภูมิใจในตัวจิ่นจื้อ!”

เฉวียนอวี๋รีบลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับต่งซื่อ “ตระกูลไป๋มีคุณธรรมสูงส่ง รักและเมตตาชาวบ้านจนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว เฉวียนอวี๋นับถือยิ่งนักขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นลืมตาขึ้น หญิงสาวมองไปทางเฉวียนอวี๋ด้วยแววตาหนักแน่นมั่นคง จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “รบกวนเฉวียนอวี๋กงกงกลับไปทูลองค์รัชทายาทว่าไม่ต้องทรงเป็นกังวลเรื่องเมืองที่สูญเสียไป…”