ตอนที่ 762 ต้องให้ได้มา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 762 ต้องให้ได้มา

“ข้าอยากเห็นวันที่ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง อยากเห็นชาวบ้านทุกคนในใต้หล้ามีความสงบสุขอย่างแท้จริง ทว่า น่าเสียดายที่ร่างกายของข้าอาจอยู่ไม่ถึงวันที่ต้าเยี่ยนทำลายล้างแคว้นเว่ยได้สำเร็จด้วยซ้ำ”

ไป๋ชิงเหยียนกำถ้วยชาในมือนิ่ง ไม่ได้กล่าวสิ่งใดตอบ หญิงสาวทำเพียงมองตามสายตาของมู่หรงอวี้ไป นางเห็นเด็กสองสามคนกำลังวิ่งไล่ตามชายชราที่ใช้ไม้ไผ่ถักเป็นแมลงชูขึ้นเหนือศีรษะ เด็กๆ ส่งเสียงร้องอยากได้ไม้ไผ่แมลงมาครอบครองบ้าง เป็นภาพที่ครึกครื้นยิ่งนัก

“ใต้หล้าแยกเป็นดินแดนต่างๆ มานาน วันหนึ่งต้องมีคนรวบรวมมันเป็นหนึ่ง วันหนึ่งต้องมีคนทำสำเร็จ สักวันหนึ่งชาวบ้านคงมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน องครักษ์ไป๋คนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนเรืออย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าร้อนรน “คุณหนูใหญ่…”

ไป๋ชิงเหยียนเดาได้ว่ารายงานสถานการณ์รบของต้าเหลียงคงมาถึงแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นทำความเคารพมู่หรงอวี้ “หากพี่อวี้ไม่มีสิ่งใดแล้ว เหยียนขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ขอให้พี่อวี้เดินทางกลับไปถึงแคว้นอย่างปลอดภัยในเร็ววันเจ้าค่ะ”

มู่หรงอวี้ใช้สองมือจับโต๊ะเพื่อยันกายลุกขึ้น จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

แม้ครั้งนี้จะไม่สามารถกำหนดวันแต่งงานของไป๋ชิงเหยียนกับอาเหยี่ยนได้ ทว่า มู่หรงอวี้รับรู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนทำสัญญาใจกับอาเหยี่ยนแล้ว เขารับรู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนมีปณิธานกว้างไกล มีเมตตาต่อชาวบ้านทั่วหล้า เป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมา แค่นี้มู่หรงอวี้ก็พอใจมากแล้ว

“ข้ายังมีอีกเรื่อง ข้าหวังว่าอาเหยียนจะคารวะน้ำชาให้ข้าในฐานะพี่ชายและเรียกข้าว่าท่านพี่สักครั้ง”

ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เขากลัวว่าตัวเองจะอยู่ไม่ถึงวันที่ไป๋ชิงเหยียนและอาเหยี่ยนแต่งงานกัน กลัวว่าจะไม่ได้ดื่มชาคารวะจากน้องสะใภ้ผู้นี้

ไป๋ชิงเหยียนรู้ความหมายของมู่หรงอวี้ดี หญิงสาวก้มหน้ามองถ้วยน้ำชาที่เมื่อครู่นางเพิ่งวางลงตรงหน้ามู่หรงอวี้ จากนั้นพยักหน้า

“ขอบคุณมาก” มู่หรงอวี้ยิ้มกว้างพลางนั่งลงตามเดิม

ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงอวี้ จากนั้นชูถ้วยน้ำชาขึ้นพลางกล่าว “ท่านพี่ เชิญดื่มน้ำชาเจ้าค่ะ…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงอวี้กว้างขึ้นกว่าเดิม เขายกน้ำชาขึ้นจิบแล้วพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นหันไปหาเฝิงเย่าที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

เฝิงเย่าส่งกล่องสีเหลี่ยมเคลือบทองฝังมุกหลากสีและอัญมณีสีฟ้าครามให้มู่หรงอวี้อย่างนอบน้อม

มู่หรงอวี้รับกล่องมาแล้วส่งให้ไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “นี่คือของที่มารดาของข้าทิ้งไว้ให้ ภรรยาของข้ามีหนึ่งอัน อันนี้ข้าขอมอบมันให้เจ้าแทนมารดาของข้า”

ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจทันทีว่านี่คือของที่จีโฮ่วเก็บไว้ให้ลูกสะใภ้ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะคิดว่าการรับของที่มีค่ามากเช่นนี้ไว้ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าใดนัก

ทว่า มู่หรงอวี้มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว บางทีเขาอาจอยู่ไม่ถึงวันที่นางและมู่หรงเหยี่ยนแต่งงานกัน ไป๋ชิงเหยียนจึงยื่นมือทั้งสองข้างไปรับกล่องนั้นมาอย่างนอบน้อม

เมื่อมู่หรงอวี้เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนรับกล่องไปโดยไม่ได้บ่ายเบี่ยง เขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม เขาลุกขึ้นแล้วใช้สองมือประคองให้ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น จากนั้นกำชับเสียงแผ่วเบา “หวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุข!”

คำบางคำไม่อาจกล่าวออกไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งได้ สองฝ่ายรู้ดีแก่ใจก็พอแล้ว

มู่หรงอวี้หวังว่าไป๋ชิงเหยียนและมู่หรงเหยี่ยนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดีและมีความสุข

“ขอบพระคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ”

องครักษ์ของมู่หรงอวี้ยื่นห่อผ้าสำหรับห่อกล่องล้ำค่าให้องครักษ์ของไป๋ชิงเหยียนอย่างใส่ใจในรายละเอียด ให้องครักษ์ของไป๋ชิงเหยียนห่อกล่องล้ำค่าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงคุ้มกันไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาจากเรือล่องทะเลสาบ

ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นไปบนหลังม้า หญิงสาวหันไปมองมู่หรงอวี้ที่ยืนโบกมือให้นางอยู่บนเรือล่องทะเลสาบอีกครั้ง ก้มศีรษะให้มู่หรงอวี้เล็กน้อย จากนั้นขี่ม้าจากไป

มู่หรงอวี้มองตามหลังไป๋ชิงเหยียนที่ขี่ม้าจากไปอย่างองอาจ จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา เขามีลางสังหรณ์ว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบหน้าไป๋ชิงเหยียน

เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งซึ่งอยู่ที่คอม้าของไป๋ชิงเหยียนจากไปไกล มู่หรงอวี้จึงเดินกลับเข้าไปในตัวเรือ เมื่อเดินเข้าไปได้สองก้าวก็เซถลาไปยังประตูไม้ของเรือ เขาเอื้อมมือกุมหน้าอกของตัวเองแน่นด้วยความทรมานจนแทบทนไม่ไหว

“เร็ว รีบเอายามา!” องครักษ์รีบเข้าไปประคองจักรพรรดิต้าเยี่ยนแล้วตะโกนเสียงดังลั่น

เมื่อไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าพ้นระยะสายตาของจักรพรรดิต้าเยี่ยน องครักษ์ไป๋จึงรีบเร่งม้าไปหาไป๋ชิงเหยียนพลางรายงานสถานการณ์รบอย่างรีบร้อน “คุณหนูใหญ่ ทหารกองทัพต้าจิ้นติดโรคระบาดเหมือนกันขอรับ แคว้นต้าจิ้นสูญเสียเมืองไปสามเมืองในวันที่ยี่สิบเก้า เดือนเจ็ด วันที่สาม เดือนแปดและวันที่ห้า เดือนแปดขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกุมบังเหียนม้าแน่น ตอนที่รู้ข่าวว่ารัชทายาทแพร่โรคระบาดไปยังต้าเหลียง ไป๋ชิงเหยียนก็คิดไว้แล้วว่ากรรมต้องตามสนองแคว้นต้าจิ้น เป็นดังที่นางคิดไว้ไม่มีผิด

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันเดินทางเข้าไปในเมืองซั่วหยางก็พบกับองครักษ์ไป๋ที่มุ่งหน้ามาจากจวนไป๋เข้าพอดี

ไป๋ชิงเหยียนรีบกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง ม้าตกใจจนชูสองขาขึ้นกลางอากาศพลางหมุนวนรอบตัวสองสามรอบ “คุณชายใหญ่ มีคนสูงศักดิ์มาจากเมืองหลวงขอรับ”

คนจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ!

“รีบกลับจวนเดี๋ยวนี้!” ไป๋ชิงเหยียนควบม้าเข้าไปที่จวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในจวนทางประตูข้าง ชุนเถาและถงหมัวมัวรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า ชุนเถารีบถลาไปด้านหน้า จากนั้นหยิบจดหมายของไป๋จิ่นซิ่วออกมาจากอกให้ไป๋ชิงเหยียน

“คุณหนูใหญ่ จดหมายของคุณหนูรองเพิ่งส่งมาถึงเรือนปัวอวิ๋น เฉวียนอวี๋กงกงจากจวนรัชทายาทก็มาขอพบคุณหนูใหญ่ที่จวนไป๋ทันทีเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวในจดหมายว่าแม่ทัพหลิวหงและไป๋จิ่นจื้อทำให้ต้าจิ้นสูญเสียเมืองติดต่อกันถึงสามเมืองภายในระยะเวลาอันสั้น รัชทายาทจึงขุ่นเคืองใจกับเรื่องนี้มาก แม้หลู่เซียงจะพยายามห้ามปรามแล้ว ทว่า รัชทายาทก็ทรงมีความคิดจะประหารแม่ทัพหลิวหงและไป๋จิ่นจื้ออยู่ดี

ขุนนางส่วนใหญ่ในราชสำนักตำหนิว่าแม่ทัพหลิวหงเข้าข้างทายาทตระกูลไป๋มากเกินไป เมื่อมีสงครามครั้งใหญ่มักเลือกใช้ไป๋จิ่นจื้อตลอด ทว่า ไป๋จิ่นจื้อเป็นเพียงสตรีที่อายุน้อย แม้ตอนแรกจะดูเข้าท่า ทว่า ต่อมาก็เห็นได้ชัดว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้ ขุนนางใหญ่ในราชสำนักจึงจับมือกันถวายฎีกาขอให้เปลี่ยนตัวไป๋จิ่นจื้อ

เมื่อหลู่เซียงเห็นว่าไป๋จิ่นจื้อคงโดนเปลี่ยนตัวแน่แล้ว เขาจึงเสนอให้แม่ทัพฝูรั่วซีไปนำทัพแทน ทว่า รัชทายาทยังหาคนที่เหมาะสมมารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองไม่ได้ หลี่เม่าจึงขอให้บุตรชายของเขาหลี่หมิงรุ่ยเดินทางไปเปลี่ยนตัวกับไป๋จิ่นจื้อแทน

หลี่เม่าให้คำสัตย์ทางทหารว่าหากบุตรชายของเขาไม่สามารถยึดเมืองที่ไป๋จิ่นจื้อทำสูญเสียไปได้กลับคืนมาภายในสามเดือนจะให้หลี่หมิงรุ่ยถือศีรษะกลับมารับโทษ

นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตระกูลไป๋ ไป๋จิ่นจื้อเพิ่งควบคุมกองทัพผิงอันได้ด้วยความยากลำบาก หญิงสาวเพิ่งครอบครองตราทัพได้ไม่นาน ยังไม่สามารถทำให้ทหารค่ายผิงอันจงรักภักดีต่อนางได้เหมือนฝูรั่วซี หากไป๋จิ่นจื้อถูกเปลี่ยนตัวในตอนนี้ ตระกูลไป๋จะสูญเสียกองทัพใหญ่อย่างค่ายผิงอันไปทันที

ไป๋จิ่นซิ่วรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อไป๋ชิงเหยียน ที่สำคัญหลี่หมิงรุ่ยยังไม่ได้ภักดีต่อตระกูลไป๋อย่างแท้จริง พวกนางยังไม่กล้าใช้งานเขา

เมื่อไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วส่งมาจบ หญิงสาวกำจดหมายไว้ในมือแน่น จากนั้นมองตรงไปเบื้องหน้าด้วยแววตานิ่งขรึม…

ไป๋ชิงเหยียนเดาได้แล้วว่าเหตุใดรัชทายาทจึงส่งเฉวียนอวี๋มาหานางที่ซั่วหยาง รัชทายาทคงอยากให้หลี่หมิงรุ่ยไปเปลี่ยนตัวกับไป๋จิ่นจื้อ ทว่า เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีต่อนางจึงส่งเฉวียนอวี๋กงกงบ่าวรับใช้ที่สนิทที่สุดของเขามาแจ้งให้นางทราบเช่นนี้

หลี่หมิงรุ่ยที่เพิ่งได้รับตำแหน่งซื่อหลางแห่งกรมการคลังกล้าให้คำสัตย์ทางทหารเพราะต้องการไปสร้างความดีความชอบที่สงครามต้าเหลียง เขาคงต้องการแทนที่ไป๋จิ่นจื้อให้ได้