ตอนที่ 761 ชีวิตคนแสนสั้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 761 ชีวิตคนแสนสั้น

รอยยิ้มในแววตาของมู่หรงอวี้ค่อยๆ จางลง เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาที่จริงจังกว่าเดิม

“ที่มู่หรงเหยี่ยนไม่ถามข้าเช่นนี้อาจเป็นเพราะเขาและข้าล้วนเป็นคนหยิ่งทะนง พวกเราไม่กล้ากล่าวว่าวันข้างหน้าจะเหลือเพียงเราแค่สองแคว้น สถานการณ์ในใต้หล้าแห่งนี้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ผู้ใดกล้ากล่าวว่าตัวเองมีความสามารถในการกำหนดเหตุการณ์ภายหน้าได้กัน ต้าเยี่ยนกล้า ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าเจ้าค่ะ”

ต่อให้ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้เดินอยู่บนหนทางที่อันตรายเหมือนตอนที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นใหม่ๆ อีกแล้ว ทว่า หญิงสาวยังคงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว

ผู้ใดกล้ากล่าวว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงในตอนนี้จะไม่สามารถทำให้ซีเหลียงแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งได้

ผู้ใดกล้ากล่าวว่าภายภาคหน้าจะไม่มีแคว้นที่เป็นใหญ่ถึงสามแคว้น

ผู้ใดกล้ากล่าวว่าสามารถรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ในตอนที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่

ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้า นางคิดว่ามู่หรงเหยี่ยนก็ไม่กล้าเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนแค่ไม่เคยลืมปณิธานของบรรพบุรุษไป๋ที่สืบทอดกันมาทุกรุ่น หญิงสาวแค่พยายามอย่างสุดความสามารถของตัวเองเท่านั้น

น้ำเสียงหนักแน่นและกังวานของไป๋ชิงเหยียนทำให้มู่หรงอวี้ได้สติราวกับคนเพิ่งสร่างเมา

บางทีอาจเป็นเพราะต้าเยี่ยนยึดครองหนานเยี่ยนกลับมาได้ อีกทั้งทำสงครามกับแคว้นเว่ยจนแคว้นเว่ยไม่มีกำลังโต้ตอบกลับ หนทางระหว่างนี้ราบรื่นเกินไป มู่หรงอวี้จึงหลงคิดไปว่าต้าเยี่ยนใกล้จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว ขอเพียงเชิญเทพสังหารไป๋ชิงเหยียนคนนี้มาเข้าร่วมกับต้าเยี่ยนได้ ต้าเยี่ยนคงรวบรวมใต้หล้าได้ในเร็ววันแน่นอน

ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่เขาเดาออกว่าไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำตัวเป็นคนอ่อนแอเพื่อไม่ให้คนของราชวงศ์สงสัย ให้ตระกูลไป๋ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะทะเยอทะยานถึงขนาดอยากครอบครองแคว้นต้าจิ้น อยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเช่นนี้!

เขาดูถูกปณิธานของไป๋ชิงเหยียนเกินไป เป็นจริงดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว…เขาไม่ดูถูกสตรีเพราะมารดาของเขา ทว่า เขาไม่เคยมองว่าสตรีมีฐานะเทียบเท่ากับบุรุษ สามารถทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เหมือนที่บุรุษทำอย่างแท้จริง

ในเมื่อกล่าวถ้อยคำทำร้ายจิตใจออกไปแล้ว ต่อให้มู่หรงอวี้จะถูกว่าที่น้องสะใภ้ในภายภาคหน้าเกลียด มากเพียงใดเขาก็ต้องบรรลุจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ให้ได้

“ตระกูลไป๋เป็นที่น่าเคารพยกย่องจริงๆ ทว่า หากเจ้ายินดีแต่งงานมาอยู่กับอาเหยี่ยนที่ต้าเยี่ยน จับมือกับคนรักของเจ้าสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ เช่นนี้ปณิธานของเจ้าก็จะสำเร็จเร็วขึ้นไม่ใช่หรือ หรือว่าความตั้งใจเดิมของเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้ากลายเป็นคนที่อยากเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าเท่านั้น ไม่ได้สนใจความสงบสุขของชาวบ้านในใต้หล้าอีกต่อไป ดังนั้นเจ้าเลยคิดแทนที่ราชวงศ์หลิน แข่งขันกับต้าเยี่ยนว่าผู้ใดจะรวบรวมใต้หล้าได้ก่อน!”

แม้น้ำเสียงของมู่หรงอวี้จะฟังดูอ่อนโยน ทว่า ถ้อยคำของเขาช่างบีบคั้นยิ่งนัก “อาเหยียนกลัวว่าหากแต่งงานไปอยู่ต้าเยี่ยนเท่ากับเป็นการทำประโยชน์ให้แคว้นอื่นโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลมู่หรงโด่งดังแทนที่จะเป็นตระกูลไป๋ใช่หรือไม่”

“ขอบังอาจถามสักนิด ตอนนี้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนต้องการเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองเหมือนกันใช่หรือไม่เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนถามกลับ

“ตระกูลมู่หรงคือสายเลือดโดยชอบธรรมของราชวงศ์ พวกเราต้องการเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด!”

“เหตุใดตระกูลไป๋ของหม่อมฉันจึงทำได้เพียงปูทางให้สายเลือดโดยชอบธรรมของราชวงศ์เท่านั้น เหตุใดจึงไม่สามารถรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง สร้างชื่อเสียงให้แก่ตระกูลไป๋ได้เพคะ การสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าเป็นเรื่องของคนมีความสามารถและบารมี การทำให้ใต้หล้าสงบสุขเป็นหน้าที่ของคนหลายรุ่น พวกเขาสมควรได้รับการยกย่องทุกคน นี่ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว คำโบราณกล่าวไว้ว่าอำนาจของแผ่นดินมีการผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สายเลือดตระกูลมู่หรง…บรรพบุรุษของท่านก็ไม่ได้เป็นจักรพรรดิมาก่อน ย้อนกลับไปหลายยุคสมัยก่อนของแคว้นต้าเยี่ยน ตระกูลมู่หรงก็เป็นเพียงขุนนางกบฏเท่านั้น จีโฮ่วเป็นเพียงสตรีที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยสตรีในหอนางโลมเท่านั้น ใช่หรือไม่เพคะ”

เฝิงเย่ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาอาฆาต

แม้บัดนี้ตระกูลมู่หรงจะเป็นจักรพรรดิโดยชอบธรรม ทว่า ตอนนั้นบรรพบุรุษตระกูลมู่หรงได้บัลลังก์นี้มาอย่างไม่ชอบธรรมจริงๆ

มู่หรงอวี้ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้

หากเขากล่าวว่าตอนนั้นบรรพบุรุษของเขาเข้าแทนที่ราชวงศ์เก่าเพราะจักรพรรดิในตอนนั้นไร้คุณธรรม เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ตระกูลไป๋จะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้

“ตระกูลมู่หรงสามารถทำให้ใต้หล้าสงบสุขได้ ตระกูลไป๋ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน! สิ่งที่ตระกูลมู่หรงทำได้ ตระกูลไป๋ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ผู้ที่ทำให้ใต้หล้าสงบสุขได้สมควรได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ทว่า ความดีความชอบนี้เป็นของบรรพบุรุษหลายต่อหลายรุ่นและจะส่งต่อไปให้ลูกหลานอีกหลายรุ่น ในสายตาของจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนพระองค์ทำไปเพื่อสร้างชื่อเสียงอันดีงามเท่านั้นหรือเพคะ หากเป็นเช่นนั้นจริงจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนคิดว่าการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเป็นเรื่องง่ายดายราวกับเด็กเล่นขายของอย่างนั้นหรือเพคะ”

หากวัดกันที่วาทศิลป์แล้ว มู่หรงอวี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ชิงเหยียนจริงๆ

ในชีวิตนี้มู่หรงอวี้พบคนที่เขารู้สึกนับถือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนคือหนึ่งในนั้น

“หากจักรพรรดิต้าเยี่ยนไม่เข้าใจในสิ่งที่เหยียนกล่าว พระองค์สามารถกลับไปถามมู่หรงเหยี่ยนได้ว่าหากวันหนึ่งใต้หล้าเหลือเพียงต้าเยี่ยนและต้าจิ้น เขาจะทำสงครามต่อเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่งหรือจะยอมยุติสงครามรวบรวมแคว้นเพื่อความสงบสุขของใต้หล้า แล้วผู้ที่จะได้ครอบครองใต้หล้าแห่งนี้ควรเป็นตระกูลที่มาใหม่อย่างตระกูลไป๋หรือตระกูลมู่หรงที่เป็นสายเลือดโดยชอบธรรมกันแน่”

ไป๋ชิงเหยียนโค้งกายคำนับมู่หรงอวี้ด้วยรอยยิ้ม

“อาเหยียนอย่าได้หงุดหงิดไป ข้ากล่าวล่วงเกินเจ้าหลายเรื่อง หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” มู่หรงอวี้ลุกขึ้นยืนโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน “สิ่งที่อาเหยียนกล่าวมาล้วนมีเหตุผล ข้านับถือยิ่งนัก! ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าหากมีวันที่ใต้หล้าเหลือเพียงต้าจิ้นและต้าเยี่ยนจริงๆ อาเหยียนจะทำเช่นไร”

“ข้าไม่คิดถึงสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีนี้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

มู่หรงอวี้พยักหน้า “หากมีวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ หวังว่าอาเหยียนและอาเหยี่ยนจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม”

จู่ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งแล่นขึ้นในสมองของมู่หรงอวี้ รอยยิ้มในดวงตาของเขาชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

เขากังวลมากเกินไปแล้ว หากมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เมื่อไป๋ชิงเหยียนแต่งงานกับอาเหยี่ยน หากสวรรค์เมตตาให้ไป๋ชิงเหยียนตั้งครรภ์ทายาทของสองตระกูล เช่นนี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้แล้ว

ทว่า เขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันนั้นแล้ว

มู่หรงอวี้ยกถ้วยชาขึ้นชูไปทางไป๋ชิงเหยียน “ข้าขอใช้น้ำชาขอขมาอาเหยียนแทนเหล้า หวังว่าอาเหยียนจะไม่ถือโทษโกรธข้า”

มู่หรงอวี้ยอมลงให้ถึงเพียงนี้ ไป๋ชิงเหยียนเห็นแก่ที่เขาคือพี่ชายของมู่หรงเหยี่ยนจึงยกถ้วยชาขึ้นบ้าง “โต้เถียงกันด้วยวาจา หากล่วงเกินไปบ้าง หวังว่าพี่อวี้จะไม่ถือสาเจ้าค่ะ”

แสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนลงบนหลังคาไม้แกะสลักมันวาวของเรือล่องทะเลสาบ มู่หรงอวี้มองดูว่าที่น้องสะใภ้ของตัวเองในภายภาคหน้าแล้วยิ่งรู้สึกพอใจ หากวันหน้าเขาต้องจากไปพบมารดา เขาคงมีเรื่องไปรายงานให้นางสบายใจแล้ว

ถึงเวลานั้นเขาจะบอกมารดาว่าภรรยาของอาเหยี่ยนเป็นสตรีที่เก่งกาจทั้งการรบและการวางแผน ตอนนี้นางกำลังทำในสิ่งที่มารดาของเขาทำไม่สำเร็จ เป็นสตรีที่มีปณิธานและความคิดเหมือนกันกับอาเหยี่ยน

มีลูกสะใภ้เช่นนี้ มารดาของเขาต้องดีใจมากแน่ๆ

“ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก เหตุใดไม่สามารถมีอายุยืนยาวกว่านี้ได้” มู่หรงอวี้พึมพำออกมาเบาๆ หากเขามีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ใต้หล้ารวบรวมเป็นหนึ่งจะดีเพียงใดกันนะ

ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่ามู่หรงอวี้รู้สึกเสียดายที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หญิงสาวกล่าวขึ้น “บางคนมีชีวิตอยู่เพียงสิบปี ทว่า กลับสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ไว้มากมาย ตอนที่พี่อวี้ยังมีชีวิตอยู่ ท่านทำให้แคว้นๆ หนึ่งกลับมามีความหวังอีกครั้ง ทำให้ต้าเยี่ยนที่ใกล้ล่มสลายเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มากแล้วเจ้าค่ะ”

มู่หรงอวี้มองไปยังคลื่นในทะเลสาบ ต้นหลิวที่เอนลู่ลมอยู่ริมทะเลสาบและความมีชีวิตชีวาของชาวบ้านใต้ร่มไม้อันร่มเย็น รอยยิ้มในดวงตาของเขาเพิ่มมากขึ้น