ตอนที่ 1559 ดาบนั้นคืนสนอง (2) / ตอนที่ 1560 ดาบนั้นคืนสนอง (3)
ตอนที่ 1559 ดาบนั้นคืนสนอง (2)
กู่ซินเยียนหยุดมือแล้วมองจวินอู๋เสีย
“แล้วอย่างไรต่อ” นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจวินอู๋เสียต้องการอะไร
จวินอู๋เสียถามว่า “แตะได้หรือไม่”
“…” ดูไม่พอ ยังอยากแตะด้วยหรือ แม้กู่ซินเยียนจะบ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่นางก็ยังพยักหน้า และยังเตือนจวินอู๋เสียด้วยว่า “แส้คมมากนะ ระวังอย่าให้เจ็บตัวเล่า”
ไม่ใช่ว่ากู่ซินเยียนดูถูกจวินอู๋เสีย แต่เป็นเพราะอาวุธวิญญาณจะคมกว่าอาวุธทั่วไป ใช้คำว่าตัดเหล็กกล้าได้เหมือนตัดโคลนก็ไม่ใช่คำที่เกินจริงเลย
เมื่อได้รับอนุญาตจากกู่ซินเยียน จวินอู๋เสียจึงแตะแส้ที่คมกริบนั้น ตัวแส้เย็นและรู้สึกได้ถึงพลังแปลกๆ ที่ไหลเวียนอยู่
ความรู้สึกนี้จวินอู๋เสียไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้ว่านางจะรู้จักคนหลายคนที่ครอบครองภูติประเภทอาวุธ เช่น โม่เฉี่ยนเยวียนก็เป็นหนึ่งในนั้น นางเคยสัมผัสภูติอาวุธของเขามาก่อน แต่ก็แค่รู้สึกว่ามันเย็นและไม่ได้แตกต่างจากอาวุธทั่วไปมากนัก
แต่ตอนนี้นางสามารถสัมผัสได้รางๆ ถึงพลังบนภูติอาวุธนี้
นี่คืออะไร
จวินอู๋เสียไม่รู้
ภายใต้สายตาของกู่ซินเยียน จวินอู๋เสียหยิบเอาขวดน้ำและพู่กันออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกู่ซินเยียน
“เผ่าจ้าววิญญาณมีความสามารถในการเสริมวิญญาณ แต่ข้าไม่ค่อยรู้จักคนที่ครอบครองภูติอาวุธ ข้าไม่เคยลองว่าทักษะเสริมวิญญาณจะใช้ได้กับภูติอาวุธหรือเปล่า เจ้าจะยอมให้ข้าลองหรือไม่” จวินอู๋เสียถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
แต่กู่ซินเยียนไม่สามารถสงบใจได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
นางเคยได้ยินเรื่องทักษะเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสีย แต่จวินอู๋เสียแค่ใช้ในการแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ที่นั่นตอนนั้น คนอื่นต่างไม่มีโอกาสได้เห็น กู่ซินเยียนอยู่ที่สนามแข่งภูติวิญญาณ จะเข้าสนามแข่งได้ก็ต้องเป็นผู้ที่เข้าแข่งขันในสนามนั้น ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงไม่เคยเห็นว่าทักษะเสริมวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร
สำหรับทักษะเสริมวิญญาณนั้น กู่ซินเยียนเคยได้ฟังมามาก และรู้แค่ว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ ทำให้นางรู้สึกสนใจไม่น้อย
นางคิดไม่ถึงเลยว่า จวินอู๋เสียตั้งใจจะใช้ทักษะเสริมวิญญาณกับภูติวิญญาณของนางจริงๆ
กู่ซินเยียนยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ได้สิ!”
การที่คนจากเผ่าพิเศษจะยอมแสดงความสามารถของเขาต่อหน้าคนอื่น เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก คำพูดของจวินอู๋เสียไม่เพียงทำให้กู่ซินเยียนได้มีโอกาสเห็นทักษะเสริมวิญญาณเท่านั้น ยังทำให้กู่ซินเยียนรู้สึกว่าจวินอู๋เสียเปลี่ยนไป หรือนี่คือสัญญาณว่าจวินอู๋เสียใจอ่อนแล้ว
ในสำนักธาราเมฆ จวินอู๋เสียไม่เคยคุยกับคนอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปเข้าพวกเป็นมิตรกับคนอื่นเลย วันนี้จวินอู๋เสียไม่เพียงชวนนางมาเดินเล่นในสำนักเท่านั้น แต่จะแสดงทักษะเสริมวิญญาณให้นางดูอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ทำให้กู่ซินเยียนตื่นเต้นได้อย่างไร
ดูเหมือนว่าวิธีการของหลินเฮ่าอวี่จะได้ผล จวินอู๋ไม่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
ในใจกู่ซินเยียนแอบดีใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงดูเป็นมิตรและจริงใจเช่นเดิม
เมื่อกู่ซินเยียนตกลงแล้ว จวินอู๋เสียก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป นางเขียนอักษรเสริมวิญญาณลงบนภูติอาวุธของกู่ซินเยียนทันที
ทันทีที่จวินอู๋เสียลากเส้นสุดท้ายเสร็จ เปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นลามไปตลอดความยาวของแส้ เปลวไฟสีแดงเพลิงห่อหุ้มแส้สีเงินไว้ทั้งหมด! ส่งคลื่นความร้อนรุนแรงออกมา!
ตอนที่เห็นเปลวไฟ กู่ซินเยียนตกใจจนเกือบปล่อยแส้ที่ถืออยู่ในมือ แต่เมื่อเปลวไฟไปถึงด้ามจับและสัมผัสกับมือของนาง กู่ซินเยียนก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกไฟไหม้เลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 1560 ดาบนั้นคืนสนอง (3)
ไม่เจ็บ ไม่ร้อนเลย
กู่ซินเยียนมองเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ติดกับตัวเอง แล้วแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นเลย
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความร้อนสูงจากเปลวไฟ แต่มันไม่ได้แผดเผานางเลยสักนิด
น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
นี่น่ะหรือทักษะเสริมวิญญาณ
กู่ซินเยียนยังคงตกใจอยู่ ข้อมือนางสั่น มือทั้งสองข้างถือแส้เอาไว้ จากนั้นแส้ก็สว่างวาบขึ้นมาและเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นดาบคู่ทันที!
เปลวไฟร้อนแรงห่อหุ้มใบมีดทั้งสอง กู่ซินเยียนอดใจไม่ให้รำดาบไม่ไหว เปลวไฟร้อนแรงทิ้งภาพติดตาไว้ในอากาศตามการเคลื่อนไหวของนาง
ครู่ต่อมา เปลวไฟก็สลายไป ดาบคู่ในมือนางกลับคืนสู่สภาพเดิมของมัน
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงแค่ช่วงสั้นๆ แต่ทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือนได้ไว้ในใจของกู่ซินเยียน นางมองไปที่ดาบคู่ในมืออยู่เป็นเวลานานและไม่รู้จะพูดอะไรดี
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมในตอนที่นางเข้าสำนักธาราเมฆ ผู้อาวุโสจึงสั่งให้นางพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อดึงจวินอู๋เข้าสู่ตำหนักมารโลหิต
ความสามารถของทักษะเสริมวิญญาณได้พลิกทุกสิ่งที่นางคิดว่าตัวเองรู้ไปจนหมดสิ้น
แม้ว่ามันจะมีผลแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ใครจะแน่ใจได้ว่ามันจะขยายเวลาให้นานขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้สามารถเพิ่มลงบนภูติวิญญาณได้ มันก็เท่ากับการเพิ่มพลังในการต่อสู้ของภูติวิญญาณขึ้นอีกหลายเท่าทีเดียว!
การเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังเช่นนี้ แม้แต่ช่างหลอมแหวนที่เก่งที่สุดก็คงทำไม่ได้!
“นี่คือทักษะเสริมวิญญาณของเผ่าจ้าววิญญาณหรือ” กู่ซินเยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาทอประกายตื่นเต้นโดยไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ นางประหลาดใจกับผลของการเสริมวิญญาณจริงๆ
จวินอู๋เสียพยักหน้า เทียบกับความตื่นเต้นของกู่ซินเยียน ปฏิกิริยาของจวินอู๋เสียสงบกว่ามาก ดูเหมือนนางกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วพูดขึ้นขณะมองไปที่ดาบคู่ในมือของกู่ซินเยียนว่า “ดูเหมือนว่าทักษะเสริมวิญญาณสามารถใช้กับภูติอาวุธได้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าการเสริมวิญญาณจะได้ผลทุกแบบหรือเปล่า…”
“เจ้าค่อยๆ ลองทดสอบได้นะ!” กู่ซินเยียนพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
ผลของทักษะเสริมวิญญาณทำให้นางตกใจ และทำให้นางยิ่งมุ่งมั่นที่จะดึงจวินอู๋เสียเข้าตำหนักมารโลหิตให้ได้ ถ้านางเอาชนะใจจวินอู๋ได้สำเร็จ เวลาที่ตำหนักมารโลหิตกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจแข่งขันกันเพื่อเป็นที่หนึ่งในสิบสองตำหนัก มันจะเป็นการเพิ่มพลังให้พวกเขาได้อย่างมาก!
กู่ซินเยียนเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อทักษะเสริมวิญญาณ นางดีใจมากที่ได้ช่วยจวินอู๋เสีย นี่ไม่เพียงทำให้นางเข้าใจเกี่ยวกับทักษะเสริมวิญญาณได้ดีขึ้น แต่ยังสร้างโอกาสที่จะทำให้นางกับจวินอู๋เสียได้ใช้เวลาร่วมกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้นางสนิทกับจวินอู๋เสียได้ง่ายขึ้น
เป็นผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทำไมจะไม่ทำเล่า
“ไม่รบกวนหรือ” จวินอู๋เสียไม่ได้ปฏิเสธทันที แต่มองกู่ซินเยียนอย่างเกรงใจเล็กน้อย
กู่ซินเยียนส่ายหัวทันควัน “ไม่รบกวนเลย! เราเป็นสหายกันไม่ใช่หรือ” กู่ซินเยียนยิ้มอย่างสดใส นางดีใจมากที่ตัดสินใจถูก ถ้าไม่ใช่เพราะนางเริ่มติดต่อกับจวินอู๋เสียตั้งแต่แรก จวินอู๋เสียคงไม่คิดจะมาขอให้นางช่วยทดสอบทักษะเสริมวิญญาณ และถ้าไม่ใช่เพราะหลินเฮ่าอวี่ทำให้จวินอู๋เสียโดดเดี่ยวได้อย่างสมบูรณ์ นางก็คงไม่มีโอกาสนี้!
เป็นครั้งแรกที่กู่ซินเยียนรู้สึกว่าหลินเฮ่าอวี่ก็ฉลาดอยู่บ้างเหมือนกัน
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของกู่ซินเยียน จวินอู๋เสียก็ตกลงด้วยท่าทางเกรงใจ
ขณะที่กู่ซินเยียนคิดว่าในที่สุดนางก็หาช่องเจาะเข้าไปได้แล้วและใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางไม่ได้สังเกตเห็นประกายเย็นเยียบในดวงตาของจวินอู๋เสียเลย