ตอนที่ 1561 มาเล่นกันหน่อย (1) ตอนที่ 1562 มาเล่นกันหน่อย (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1561 มาเล่นกันหน่อย (1) / ตอนที่ 1562 มาเล่นกันหน่อย (2)
ตอนที่ 1561 มาเล่นกันหน่อย (1)

นับตั้งแต่กู่ซินเยียนตกลงว่าจะ ‘ช่วย’ จวินอู๋เสียทดสอบผลลัพธ์ต่างๆ ของทักษะเสริมวิญญาณบนภูติอาวุธ ทั้งสองคนก็นัดพบกันทุกวันหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกเพื่อทำการทดสอบ

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนนี้จะรอดพ้นสายตาของหลินเฮ่าอวี่ได้อย่างไร

หลินเฮ่าอวี่ยังแอบดีใจกับตัวเองที่แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นอยู่เลย แต่พอวันรุ่งขึ้นกู่ซินเยียนก็นำ ‘ข่าวดี’ มา และนั่นเป็นตอนที่เขาเข้าใจถ่องแท้ถึงความหมายของคำว่าถูกตบหน้า

รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาสลายไปทันที สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนที่กู่ซินเยียนเล่าทุกอย่างให้เขาฟังอย่างร่าเริงและตื่นเต้นด้วยเสียงที่มีความสุขนั้น ความเกลียดชังในใจเขารุนแรงขึ้นมากขนาดไหน!

มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

จวินอู๋เลือกจะเป็นสหายกับกู่ซินเยียนจริงๆ หรือ

เห็นได้ชัดว่าหลินเฮ่าอวี่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ได้ เขาสังเกตจวินอู๋เสียอยู่พักหนึ่ง และรู้ว่าจวินอู๋เสียเป็นคนเย็นชาไม่สนโลก ขนาดเจอกับการกลั่นแกล้งจากศิษย์ทั้งสำนักธาราเมฆ จวินอู๋เสียก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาเลย ซึ่งเป็นการยืนยันความคิดของหลินเฮ่าอวี่

แต่…

หลินเฮ่าอวี่จะคิดได้อย่างไรว่าเรื่องจะไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

จวินอู๋เสียไม่ได้แสดงความอ่อนแอ แต่กลับเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับกู่ซินเยียนมากขึ้นเรื่อยๆ!

ตอนนี้หลินเฮ่าอวี่รู้สึกเหมือนว่าเขายกก้อนหินขึ้นมาทุ่มใส่เท้าตัวเอง เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาไม่พยายามสร้างความลำบากให้จวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียจะยังทำหน้าแบบห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้และไม่ทำตัวสนิทสนมกับกู่ซินเยียนหรือเปล่า

ยิ่งคิด หลินเฮ่าอวี่ก็ยิ่งเสียใจ เขาเสียใจมากจนไส้เขียวเลยทีเดียว

ถ้ารู้อย่างนี้ เขาคงไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างจวินอู๋เสียและกู่ซินเยียนเป็นแบบนั้นต่อไป ผ่านไปสักพักกู่ซินเยียนอาจจะหมดความอดทนไปเองก็ได้

โชคร้าย ไม่ว่าหลินเฮ่าอวี่จะเสียใจแค่ไหน เรื่องก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว

ทุกวันหลังจากกู่ซินเยียนฝึกเสร็จ นางก็ไม่ได้ใช้เวลากับเขาเพื่อพูดคุยเรื่องของตำหนักมารโลหิตอีกต่อไป แต่มักจะนัดพบกับจวินอู๋เสียที่ไหนสักแห่งพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า

ทุกครั้งที่เห็น หลินเฮ่าอวี่ก็รู้สึกเหมือนกำลังจะกระอักโลหิตออกมา!

ความรู้สึกที่เขามีต่อกู่ซินเยียนไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว แล้วจะให้เขาทนดูกู่ซินเยียนออกไปกับคนอื่นอย่างสนิทสนมเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่หลินเฮ่าอวี่ก็ไม่สามารถพูดคำเหล่านี้กับกู่ซินเยียนได้

และสิ่งที่ทำให้แย่ลงไปอีกก็คือ หลังจากกู่ซินเยียนสนิทสนมกับจวินอู๋เสียมากขึ้น กู่ซินเยียนก็ออกคำสั่งกับศิษย์ทุกคนของตำหนักมารโลหิตให้เลิกสร้างปัญหาให้จวินอู๋ ถ้าใครด่าจวินอู๋ พวกเขาจะต้องจัดการกับมันด้วยท่าทีที่เป็นมิตรต่อจวินอู๋ ห้ามใช้เล่ห์เหลี่ยมจัดฉากให้ร้ายเขาอีก

พวกผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตไม่มีทางขัดคำสั่งของกู่ซินเยียน สถานการณ์จึงผูกมัดตำหนักมารโลหิตกับจวินอู๋เสียเข้าไว้ด้วยกัน

เมื่อกู่ซินเยียนปรากฏตัวพร้อมจวินอู๋เสียต่อหน้าทุกคนบ่อยครั้งเข้า สายตาของศิษย์จากตำหนักอื่นจึงแปลกไป

ก่อนหน้านี้ตำหนักมารโลหิตทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าพวกเขาทุกคนปกป้องจวินอู๋ และตอนนี้กู่ซินเยียนก็ถูกมองว่าสนิทสนมกับจวินอู๋ ทำให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

ตอนนี้ เวลาที่พวกเขาด่าจวินอู๋ ตำหนักมารโลหิตก็จะถูกลากเข้าไปด่าด้วย

แล้วพวกผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตจะสามารถทนต่อการถูกคนอื่นๆ ชี้หน้าด่าทอได้หรือ

ตอนนี้ ไม่เพียงสถานการณ์ของจวินอู๋เสียไม่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ตำหนักมารโลหิตก็ยังถูกลากลงโคลนไปด้วยกัน และยังถูกคนจากตำหนักอื่นๆ อีกสิบเอ็ดตำหนักรุมล้อมจากทุกด้าน

ตอนที่ 1562 มาเล่นกันหน่อย (2)

สถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่หลินเฮ่าอวี่ไม่ได้คาดคิดไว้เลย

กู่ซินเยียนเริ่มสนิทสนมกับจวินอู๋เสียมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองพบกันเกือบทุกวันเพื่อศึกษาทักษะเสริมวิญญาณ จวินอู๋เสียไม่ใช่คนช่างพูด นางมักจะทำมากกว่าพูด ในช่วงแรกกู่ซินเยียนยังพยายามชวนจวินอู๋เสียคุย แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจเป็นเพราะนางได้รับอิทธิพลจากจวินอู๋เสีย กู่ซินเยียนก็เริ่มที่จะเงียบเหมือนจวินอู๋เสียโดยไม่รู้ตัว

เวลาพวกเขาเจอกันก็มักจะเงียบแบบนี้ กู่ซินเยียนค่อยๆ ยอมรับว่านี่คือเรื่องปกติจนถึงขนาดที่เริ่มรู้สึกสบายใจกับมัน

แม้ว่ากู่ซินเยียนจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตำหนักมารโลหิตและเคยชินกับการแสร้งทำเพื่อเผชิญกับเรื่องต่างๆ มานานแล้ว แต่สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือ สุดท้ายแล้วนางก็ยังคงเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง นิสัยพื้นฐานของนางทำให้นางมีความสุขกับปฏิสัมพันธ์ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเช่นนี้

อย่างไรเสีย คงไม่มีใครมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงและต้องคอยวางแผนอยู่ตลอดเวลาหรอก

วันนี้กู่ซินเยียนกับจวินอู๋เสียมาเจอกันเพื่อศึกษาการเสริมวิญญาณแบบต่างๆ ยิ่งกู่ซินเยียนเข้าใจทักษะเสริมวิญญาณมากเท่าไร นางก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือจากจวินอู๋ ทักษะเสริมวิญญาณมีความสำคัญมากเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน นางก็เข้าใจด้วยว่าการใช้ทักษะเสริมวิญญาณไม่ใช่ไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเวลาแสดงผลหรือจำนวนครั้งที่ใช้ ล้วนกินพลังของจวินอู๋อย่างมาก

ดังนั้น ทุกครั้งที่จวินอู๋เสียพูดว่าจะหยุด กู่ซินเยียนจะไม่คัดค้านเลย

แต่สิ่งที่กู่ซินเยียนไม่รู้ก็คือ ความเหนื่อยล้าที่จวินอู๋แสดงออกมาทุกวัน ความจริงแล้วอาจเป็นการเสแสร้งของจวินอู๋เสียก็ได้

ก่อนที่จะมาสามโลกชั้นกลาง จวินอู๋เสียยังไม่สามารถควบคุมพลังที่ใช้ในการเสริมวิญญาณได้ แต่ช่วงนี้นางได้แช่ตัวในสระสุรามาตลอด จวินอู๋เสียค้นพบว่าตอนที่นางใช้ทักษะเสริมวิญญาณ การใช้พลังในร่างลดลงอย่างมาก เมื่อก่อนพลังที่ใช้ในการเสริมวิญญาณหนึ่งครั้ง มาตอนนี้ใช้ได้ถึงสามครั้ง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้จวินอู๋เสียประหลาดใจมาก

เห็นได้ชัดว่า วิธีฝึกของซูหย่าไม่ได้เสียเปล่าเลย

“จวินอู๋ เจ้าจะพักสักหน่อยหรือไม่” กู่ซินเยียนมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของจวินอู๋เสีย แล้วอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

ตอนแรก ความห่วงใยที่นางแสดงออกมานั้นเป็นแค่การเสแสร้ง นางทำเพื่ออยากเอาชนะใจจวินอู๋เท่านั้น เป็นเพียงกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของนาง แต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่ความห่วงใยจวินอู๋กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว ถึงขนาดที่กู่ซินเยียนไม่ปรารถนาให้จวินอู๋ฝืนตัวเองมากเกินไป แค่ทั้งสองได้ออกมาเดินเล่นด้วยกัน นางก็รู้สึกว่าดีมากแล้ว

จวินอู๋เสียสั่นหัว “ข้าไม่เป็นไร”

กู่ซินเยียนเม้มปาก “เจ้าสีหน้าไม่ดีเลย ช่วงนี้ฝืนตัวเองมากไปหรือเปล่า เอาเป็นว่า…วันนี้เราพักสักหนึ่งวันดีหรือไม่” คำพูดนี้มาจากความห่วงใยของกู่ซินเยียนอย่างแท้จริง นางรู้สึกปวดใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของจวินอู๋เสีย

ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้เป็นสิ่งที่กู่ซินเยียนไม่เคยสัมผัสมาก่อน

จวินอู๋เสียไม่ตอบ แต่ปรับลมหายใจตัวเอง ในสายตาของกู่ซินเยียน จวินอู๋เสียดูเหนื่อยมาก แต่มีเพียงจวินอู๋เสียเท่านั้นที่รู้ว่า แท้จริงแล้วนางกำลังตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณในร่างของตัวเองต่างหาก

กู่ซินเยียนไม่กล้ารบกวนการพักผ่อนของจวินอู๋เสีย นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของจวินอู๋เสีย

“พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ทันใดนั้น เสียงตะคอกก็ดังขึ้นจากด้านข้าง

หลินเฮ่าอวี่จ้องจวินอู๋เสียกับกู่ซินเยียนที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันด้วยสีหน้าโกรธจัด