ตอนที่ 768 ไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 768 ไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ

เมื่อรัชทายาทเดินออกมาจากห้อง เฉวียนอวี๋รีบคุกเข่าลงตรงหน้ารัชทายาททันที

เฉวียนอวี๋ก้มศีรษะคำนับรัชทายาท จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “องค์ชาย ล้วนเป็นความผิดของบ่าวพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงกำชับบ่าวอย่างแน่นหนาก่อนจากไปว่าให้บ่าวทูลให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบว่าองค์ชายไม่ได้เปลี่ยนตัวเกาอี้จวิ้นจู่เพราะหวาดระแวงในตัวนาง ทว่า พระองค์ถูกบีบจากขุนนางส่วนใหญ่ในราชสำนัก อีกทั้งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าให้คำสัตย์ทางทหาร พระองค์จึงจำต้องเปลี่ยนตัวเกาอี้จวิ้นจู่กลับมา ทว่า บ่าวกล่าวเกินจริงจนทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงคิดว่าองค์ชายลำบากพระทัยมาก เมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้ยินว่าองค์ชายถูกราชสำนักตำหนิเพราะไว้ใจตระกูลไป๋มากเกินไป นางจึงพาทหารซั่วหยางที่ฝึกฝนเพื่อปราบปรามโจรป่ามุ่งหน้าไปช่วยเหลือเกาอี้จวิ้นจู่ที่ต้าเหลียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้น น้ำตาของเขาไหลอาบหน้า “องค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสว่านางจะนำเมืองที่สูญเสียไปด้วยน้ำมือของตระกูลไป๋กลับมาให้เองพ่ะย่ะค่ะ นางจะไม่ยอมให้องค์ชายลำบากพระทัยเพราะถูกกดดันจากเหล่าขุนนางในราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋ไม่คิดมาก่อนว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะจงรักภักดีต่อองค์ชายจนไม่อาจทนเห็นองค์ชายลำบากพระทัยได้แม้แต่น้อย นางถึงกลับฝืนร่างกายที่อ่อนแอของตัวเองนำทัพเดินทางไปยังต้าเหลียง! ครั้งนี้เฉวียนอวี๋ก่อเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทสมองขาวโพลนไปชั่วขณะเพราะเสียงร้องไห้ของเฉวียนอวี๋ จากนั้นเอ่ยถาม “เจ้าว่าอันใดนะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทหารซั่วหยางที่ไม่ได้เรื่องเหล่านั้นไปยังต้าเหลียงอย่างนั้นหรือ!”

“ล้วนเป็นความผิดของบ่าวเองพ่ะย่ะค่ะ! บ่าวผิดเองที่ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋วเกินจริงไปหน่อย องค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงทนไม่ไหวเช่นนี้ ตอนที่บ่าวจากมา องค์หญิงเจิ้นกั๋วจัดทัพเตรียมออกเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นนั้นเพราะรับธนูแทนองค์ชาย นางคือผู้มีพระคุณขององค์ชาย! หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปอันใดขึ้นมาจากการเดินทางไปต้าเหลียงในครั้งนี้ เฉวียนอวี๋คงไม่มีหน้ามาพบองค์ชายอีกพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉวียนอวี๋ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นทั้งน้ำตาอีกครั้ง “เฉวียนอวี๋ทำเรื่องที่องค์ชายทรงรับสั่งพังไม่เป็นท่า ไม่เพียงปลอบองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้ กลับทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วโมโหจนนำทัพออกเดินทางไปรบที่ต้าเหลียงอีก องค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสว่าไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มให้องค์ชาย บัดนี้ต้าจิ้นทำสงครามอยู่กับต้าเหลียง เมืองในต้าจิ้นเกิดโรคระบาดขึ้นสองเมือง ทั้งยังต้องสร้างหอบูชาเก้าชั้นอีก เงินในพระคลังมีไม่เพียงพอ นางยินดีขายสมบัติของตระกูลเพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการนำทัพทหารซั่วหยางไปต้าเหลียงเอง ราชสำนักเหล่านั้นจะได้ตำหนิองค์ชายไม่ได้อีกพ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋ทำผิดต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ล้วนเป็นความผิดของเฉวียนอวี๋ทั้งสิ้น องค์ชายได้โปรดลงโทษบ่าวเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

แสงไฟจากโคมไฟบนเสาหินสูงขนานเท่าตัวคนซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเดินแคบด้านนอกส่องแสงริบหรี่ รัชทายาทรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที

เขารู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนเลอะเลือนไปแล้วที่พาบรรดาทหารซั่วหยางที่รวมตัวกันเพื่อปราบโจรป่าเท่านั้นไปออกรบที่ต้าเหลียง

ทว่า เมื่อคิดได้ว่าไป๋ชิงเหยียนทำลงไปเพราะจงรักภักดีต่อเขา รัชทายาทก็ซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที

“เจ้าลุกขึ้นมาเถิด!” รัชทายาทกล่าวกับเฉวียนอวี๋ “เจ้ารีบไปตามเสนาบดีกรมทหาร เสนาบดีกรมการคลังและหัวหน้าหน่วยองครักษ์รักษาพระองค์ฟ่านอวี่ไหวมาพบเราเดี๋ยวนี้! รีบไปเร็ว!”

เพราะรัชทายาทเน้นย้ำว่าให้รีบไป เฉวียนอวี๋จึงวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปด้านนอกทันที

รัชทายาทต้องการพบเสนาบดีกรมทหาร เสนาบดีกรมการคลังและหัวหน้าหน่วยองครักษ์รักษาพระองค์ฟ่านอวี่ไหวก่อนการเข้าร่วมว่าราชการตอนเช้าเพียงนิดเดียวเช่นนี้ เฉวียนอวี๋ต้องรีบไปตามตัวพวกเขามาโดยเร็วที่สุด

รัชทายาทขยำมือของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเดินไปยังห้องหนังสือของตัวเองอย่างรวดเร็วพลางกล่าวขึ้น “รีบไปตามฟางเหล่าและเริ่นเซียนเซิงมาเร็ว”

ขันทีเล็กที่เดินตามหลังรัชทายาทรีบรับคำ จากนั้นวิ่งไปตามคนทันที

รัชทายาทกระชับเสื้อคลุมแน่นพลางเร่งฝีเท้า ในสมองของเขาเต็มไปด้วยคำกล่าวถึงแผนการที่ไป๋ชิงเหยียนวางแผนเพื่อเขาในภายภาคหน้าหลังจากนางรับลูกธนูแทนเขา

ไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อเขามากจริงๆ ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะภักดีต่อเขามากเสียจนทนเห็นเขาลำบากใจเพราะการบีบคั้นของขุนนางในราชสำนักไม่ได้จึงตัดสินใจพาทหารซั่วหยางเหล่านั้นบุกไปยังต้าเหลียงเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อเขามากถึงเพียงนี้ เขาจะตอบแทนความดีของนางให้คุ้มค่าที่สุด

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนนำทัพออกเดินทางไปแล้ว รัชทายาทอย่างเขามีหน้าที่ต้องคุ้มครองนางให้ปลอดภัย

บัดนี้ต้าเหลียงเกิดโรคระบาดขึ้น หากไป๋ชิงเหยียนที่ร่างกายอ่อนแอเกิดติดโรคระบาดขึ้นมานางคงไม่รอดแน่ กองทัพขาดยารักษาโรคและเสบียงอาหารไม่ได้ ทหารซั่วหยางที่ไม่ได้เรื่องเหล่านั้นจะสู้กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีได้อย่างไรกัน!

ไป๋จิ่นจื้อพาทหารค่ายผิงอันครึ่งหนึ่งเดินทางไปออกรบที่ซั่วหยาง ทหารค่ายผิงอันส่วนที่เหลืออยู่ในความดูแลของต่งชิงเยว่ผู้ตรวจการเมืองเติงโจว พวกเขามีหน้าที่เตรียมป้องกันการลอบโจมตีของหนานหรง ทว่า เติงโจวมีกองทัพเติงโจวที่แข็งแกร่งอยู่ เขาสามารถโยกย้ายทหารค่ายผิงอันส่วนที่เหลือไปที่ต้าเหลียงได้!

ทว่า ที่นั่นมีโรคระบาด…

บัดนี้รัชทายาทตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเป็นคนสั่งให้คนนำโรคระบาดไปแพร่ที่ต้าเหลียง บัดนี้กลับต้องมาป้องกันไม่ให้ทหารของต้าจิ้นติดโรคระบาดเช่นเดียวกัน นอกจากต้องเตรียมเสบียงแล้ว ยารักษาโรคก็เป็นสิ่งจำเป็นมากอีกหนึ่งอย่าง

ระยะเวลากระชั้นชิด ต้องเตรียมของเหล่านี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด!

บุ่มบ่ามเกินไป! ไป๋ชิงเหยียนวู่วามเกินไปแล้ว! เหตุใดจึงทนไม่ได้ที่เขาถูกเหล่าขุนนางตำหนิกันนะ!

แม้ในใจจะตำหนิหญิงสาว ทว่า ลึกๆ แล้วรัชทายาทรู้สึกดีใจมาก ไม่ว่าผู้ใดได้รับความจงรักภักดีจากคนๆ หนึ่งถึงเพียงนี้ก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา!

รัชทายาทพยายามข่มความดีใจไว้ในใจ ในที่สุดฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยก็มาถึง

เมื่อฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนนำทหารซั่วหยางที่ถูกฝึกฝนเพื่อปราบปราบโจรป่าเดินทางไปยังต้าเหลียง พวกเขาตกใจจนลอบสบตากันแวบหนึ่ง

“คราวที่แล้วที่หมอหลวงตรวจชีพจรให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เขาบอกว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงเสี่ยงอันตรายเดินทางไปต้าเหลียงเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ที่นั่นเกิดโรคระบาดอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ” เริ่นซื่อเจี๋ยกล่าว

สีหน้าของรัชทายาทส่อแววพึงพอใจออกมาให้เห็นเล็กน้อย จากนั้นกล่าวพลางถอนหายใจ “อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าให้คำสัตย์ทางทหาร เราจึงตั้งใจจะส่งหลี่หมิงรุ่นไปแทนเกาอี้จวิ้นจู่ ทว่า เรากลัวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเป็นกังวลจึงส่งเฉวียนอวี๋ไปบอกให้นางทราบล่วงหน้า เฉวียนอวี๋หวังดีจึงบอกองค์หญิ้งเจิ้นกั๋วว่าเราถูกขุนนางในราชสำนักกดดันเช่นไรบ้างตอนที่เกาอี้จวิ้นจู่ทำให้สูญเสียเมืองไปสามเมือง องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่อยากเห็นเราถูกขุนนางกดดันจึงพาทหารซั่วหยางเดินทางไปยังต้าเหลียงแล้ว!”

สายลับของแคว้นศัตรูอย่างเริ่นซื่อเจี๋ยยังรู้สึกนับถือในความจงรักภักดีขององค์หญิงเจิ้นกั๋วที่มีต่อรัชทายาท หญิงสาวเอาตัวเข้ารับธนูแทนรัชทายาท ต่อมานำทหารที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจังไปออกรบที่ต้าเหลียงเพราะกลัวรัชทายาทจะลำบากใจ เขารู้สึกว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้จงรักภักดีมากจนโง่เขลาเกินไป

มือที่วางอยู่บนหน้าตักของฟางเหล่ากระตุกเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองดูสีหน้าของรัชทายาทก็รู้ทันทีว่าแท้จริงแล้วรัชทายาทมีความสุขมาก หากเขากล่าวออกมาตอนนี้ว่าการที่ไป๋ชิงเหยียนนำทัพออกรบโดยพลการถือเป็นการหมิ่นอำนาจของราชวงศ์ รัชทายาทคงฟังไม่เข้าหู คงคิดว่าเขากำลังหาเรื่องไป๋ชิงเหยียนแน่

“บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วออกเดินทางไปแล้ว องค์ชายจะทรงทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ จะออกราชโองการเรียกตัวนางกลับมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่าเอ่ยถาม

รัชทายาทส่ายหน้า “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนหัวรั้น หากครั้งนางยึดเมืองที่เกาอี้จวิ้นจู่สูญเสียไปกลับคืนมาไม่ได้ นางคงไม่ยอมถอยแน่นอน ทว่า บัดนี้ต้าเหลียงเกิดโรคระบาดขึ้น จะขาดยารักษาโรคระบาดไม่ได้เด็ดขาด เราต้องส่งยาไปให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว”