ตอนที่ 1565 มาเล่นกันหน่อย (5) ตอนที่ 1566 มาเล่นกันหน่อย (6)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1565 มาเล่นกันหน่อย (5) / ตอนที่ 1566 มาเล่นกันหน่อย (6)
ตอนที่ 1565 มาเล่นกันหน่อย (5)

ถ้าหลินเฮ่าอวี่ทำให้กู่ซินเยียนอยู่ห่างจากจวินอู๋เสียได้ เขาจะรั้งอยู่เพียงคนเดียวเพื่อคุยกับจวินอู๋เสียทำไม คำพูดของจวินอู๋เสียกวนประสาทเขามาก เขากัดฟันด้วยความแค้น แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้

หลังจากที่กู่ซินเยียนได้เห็นทักษะเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสีย นางจะยอมล้มเลิกแผนการดึงจวินอู๋เสียเข้าตำหนักมารโลหิตได้อย่างไร

หลินเฮ่าอวี่แทบจะกระอักโลหิตด้วยความโกรธอยู่แล้ว

แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

หลังจากจวินอู๋เสียกลับห้อง นางก็เรียกเยี่ยซาและเยี่ยกูออกมา

“คุณหนูใหญ่” ทั้งสองคุกเข่าตรงหน้าจวินอู๋เสีย ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตที่อยู่ในอ้อมแขนของบุรุษทั้งสองก็ถือโอกาสกระโดดออกมาทันที และพากันวิ่งด้วยความเร็วสูงมาอยู่ที่ข้างเท้าของจวินอู๋เสีย แล้วทำท่าทางน่ารักออดอ้อนเพื่อให้จวินอู๋เสียกอด

จวินอู๋เสียอุ้มสัตว์วิญญาณทั้งสองขึ้นมาอย่างอดทน และกอดพวกมันอยู่นาน

หลังจากนั้นจวินอู๋เสียก็พูดว่า “เจ้าสองคนช่วยส่งข้อความให้เจ้าโง่เฉียวกับคนอื่นๆ ที”

“ขอรับ”

เฉียวฉู่เพิ่งกลับห้องของเขา ช่วงนี้พวกศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆคึกคักกันแบบสุดๆ ในฐานะหนึ่งในศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด เฉียวฉู่รู้สึกเหมือนเป็นกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ในหมู่ผู้เยาว์ของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ เขาได้รับคำเยินยอและประจบสอพลอตลอดทั้งวัน สำหรับคนที่มีนิสัยอย่างเขา ต้องเจอกับการจงใจประจบสอพลอแบบนั้น ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง

“คุณชายเฉียว” ทันใดนั้น เยี่ยซาก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเฉียวฉู่

เฉียวฉู่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจทันที “พี่เยี่ยซา!”

เทียบกับคำเยินยอและการประจบประแจงพวกนั้น เฉียวฉู่ชอบอยู่กับพวกเยี่ยซามากกว่า แม้ว่าพลังของเขาจะด้อยกว่าเยี่ยซา แต่เขาก็รู้สึกเป็นธรรมชาติกว่ามาก

“คุณชายเฉียวสบายดีหรือ” เยี่ยซาถาม

เฉียวฉู่ถอนหายใจแรง อดคร่ำครวญออกมาไม่ได้ว่า “ดีกะผีสิ! คนพวกนั้นน่ารำคาญจะตาย ข้าไม่เจอคนน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อนเลย” เฉียวฉู่ทนพวกเลียแข้งเลียขาไม่ไหวแล้ว เขาไม่เข้าใจเลย พวกเขาเป็นวัยรุ่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องวางแผนการคิดโน่นคิดนี่อะไรกันมากมาย ถ้าปฏิบัติต่อกันอย่างปกติธรรมดา เขาก็คงไม่เบื่อขนาดนี้

แต่การจงใจประจบสอพลอของเด็กพวกนั้นทำให้เฉียวฉู่เกินจะรับไหวแล้ว

ความจริง สถานการณ์แบบนี้ก็เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว การแสดงความสามารถในงานชุมนุมเทพยุทธ์ของเฉียวฉู่ ทำให้เขากลายเป็นศิษย์ที่โดดเด่นและมีความสำคัญที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ผู้เยาว์คนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเทียบกับเฉียวฉู่ได้เลย และรู้ว่าเฉียวฉู่จะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ในตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ พวกเขาจึงอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเพื่อวางรากฐานสำหรับอนาคตของตัวเอง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจเรื่องนั้น แต่อย่างไรเสียเด็กพวกนี้ก็ยังอ่อนหัดอยู่มาก ท่าทีของพวกเขาที่พยายามทำเพื่อเอาชนะใจเฉียวฉู่นั้นโจ่งแจ้งและชัดเจนเกินไป เฉียวฉู่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจนเหนื่อยเต็มทีแล้ว

เยี่ยซาจนปัญญากับการโอดครวญของเฉียวฉู่ สหายของจวินอู๋เสียกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา พอเจอกับพวกอสรพิษเจ้าเล่ห์ตีสองหน้าแบบนี้ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถรับมือกับคนพวกนี้ได้

“คุณหนูใหญ่ให้ข้าส่งข้อความมาให้”

“โอ้” เมื่อเฉียวฉู่ได้ยินว่าจวินอู๋เสียมีเรื่องจะบอกเขา เขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของจวินอู๋เสียในสำนักธาราเมฆเป็นอย่างไร มีหลายครั้งที่เขาอยากจะพุ่งเข้าไปปกป้องสหายตัวน้อยของเขาจากพายุ แต่ก็ต้องยั้งตัวเองเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก ต้องฝืนทนเพื่องานใหญ่กว่าที่พวกเขาได้วางแผนเอาไว้

“นางว่าอย่างไร เร็วเข้า! บอกมาเร็ว!”

เยี่ยซากระซิบคำบางคำใส่หูของเฉียวฉู่ เฉียวฉู่มีสีหน้าตกใจและดีใจทันที

“ฮ่าๆ! น้องเสียของเราร้ายกาจจริงๆ! แต่ข้าชอบแฮะ! ท่านไปบอกให้นางวางใจได้ ข้าจะจัดการให้อย่างดีเลย” เฉียวฉู่ทุบหน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน

เยี่ยซาพยักหน้า และเพราะต้องไปแจ้งฟ่านจัวกับคนอื่นๆ พร้อมเยี่ยกูอีก เขาจึงไม่โอ้เอ้อยู่ที่นั่นนาน

ตอนที่ 1566 มาเล่นกันหน่อย (6)

เยี่ยซาเพิ่งเดินออกไปข้างนอก เฉียวฉู่ก็ออกจากห้องทันทีและไปเคาะประตูห้องของผู้เยาว์คนอื่นๆ จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ เมื่อคนพวกนั้นได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเฉียวฉู่ ทุกคนก็รีบออกมาหาเขาทีละคน

เหล่าศิษย์ใหม่จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจล้วนยอมรับเฉียวฉู่เป็นหัวหน้าของพวกเขาแล้ว ทุกคนต่างหวังว่าจะสามารถคบหาสมาคมกับเฉียวฉู่ได้มากขึ้น แต่เฉียวฉู่มักจะมีท่าทางเมินเฉยต่อพวกเขาอยู่เสมอ ทำให้พวกเขาค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อย การที่เฉียวฉู่มาหาพวกเขาแบบนี้ นับเป็นโอกาสที่หายาก พวกเขาจะไม่รีบมาได้อย่างไร

“พี่ใหญ่เฉียว มาหาพวกเรามีเรื่องอะไรหรือ” ผู้เยาว์คนหนึ่งที่อายุมากกว่าเฉียวฉู่หนึ่งถึงสองปีเอ่ยปากถามอย่างกระตือรือร้น

เฉียวฉู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูกลุ่มคนที่ถูกเรียกมาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะเป็นแค่คนส่วนหนึ่ง แต่ก็เพียงพอแล้ว!

“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้พวกตำหนักมารโลหิตเล่นไม่ซื่อ จริงหรือเปล่า” เฉียวฉู่แกล้งถามนำ

พวกผู้เยาว์ที่มารวมตัวกันหันมองหน้ากันไปมา

ในบรรดาสิบสองตำหนัก ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจกับตำหนักมารโลหิตเป็นตำหนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งสองตำหนักแข่งขันอยู่ตลอด กระทั่งในสำนักธาราเมฆก็เกิดความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อยๆ ทั้งสองฝ่ายต่างเหม็นขี้หน้ากันมานาน พอเฉียวฉู่ถามเช่นนั้น เด็กหนุ่มพวกนี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ต่างแย่งกันเป็นคนพูดก่อน

“ตำหนักมารโลหิตไม่เคยซื่อตรงมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้าไม่รู้ว่าพวกมันเอาความมั่นใจมาจากไหน ไอ้จวินอู๋นั่นมันก็จองหองแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ ไม่รู้ว่าพวกตำหนักมารโลหิตไปกินโอสถวิเศษอะไรมา ทุกคนถึงได้พากันปกป้องเจ้าหมอนั่น ตอนนี้พวกมันเลยทะเลาะกับคนไปทั่วเลย”

“ใช่ๆ! ข้าเล่าอายที่จะพูดกับพวกมันจริงๆ! คนของตำหนักหยกวิญญาณไปเกี่ยวอะไรกับตำหนักมารโลหิต ผู้คนจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับจวินอู๋แล้วมันอย่างไร พวกมันทุกคนถึงต้องกระโดดออกมาปกป้องหมอนั่นอย่างดุเดือดขนาดนี้! มันไม่ใช่คนของตำหนักมารโลหิตเสียหน่อย!”

พอกล่าวถึงตำหนักมารโลหิต ผู้เยาว์ทุกคนก็ดูเหมือนจะมีคำพูดดูถูกไม่จบไม่สิ้น เจ้าด่าคำ ข้าด่าอีกคำ พวกผู้เยาว์ของตำหนักมารโลหิตโดนด่าตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียวฉู่ก็แอบพอใจเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าของเขายังคงดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่

“ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่รู้ดีว่าตำหนักมารโลหิตไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจของเรา พวกเราขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าพวกเราจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอย่างเป็นทางการ แต่พวกเราก็ถูกเลือกโดยตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ตอนแรกที่เข้าสำนักนี้ ข้าก็คิดว่าพวกเรามาเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเองและไม่สามารถยุ่งกับคนจากตำหนักมารโลหิตได้ ตอนนี้พวกตำหนักมารโลหิตได้ทีเลยเอาใหญ่ เราทุกคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจไม่เคยกลัวตำหนักมารโลหิตเลย ข้าคิดว่าเราจะยอมให้ชื่อของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาด ถูกหรือไม่” เฉียวฉู่พูดอย่างเด็ดเดี่ยวองอาจ พวกเด็กหนุ่มพากันพยักหน้ารัวๆ

“ทุกคนก็รู้แก่ใจกันดีอยู่แล้วว่าทั้งสองตำหนักอยากจะขึ้นเป็นผู้นำของสิบสองตำหนัก ตอนนี้ตำหนักมารโลหิตทำตัวยโสจองหอง คงคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ แล้วพวกเราจะทนต่อไปอย่างนั้นหรือ ถ้าวันหน้าออกจากสำนักธาราเมฆไป แล้วผู้อาวุโสของตำหนักเรารู้ว่าตอนที่อยู่ในสำนัก พวกเราหลบเลี่ยงไม่ยอมสู้พวกตำหนักมารโลหิตละก็ มันไม่ดูเหมือนว่าพวกเรากลัวพวกมันหรือ” เฉียวฉู่กระตุ้นต่อไป

ทุกคนล้วนเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อย อยู่ในวัยที่ฮึกเหิมเลือดร้อน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเฉียวฉู่ พวกเขาก็นึกถึงการกระทำที่หยิ่งผยองของพวกตำหนักมารโลหิตในช่วงนี้ แล้วก็พากันขมวดคิ้วทีละคน

“พี่ใหญ่เฉียว พี่บอกมาว่าเราต้องทำอย่างไร พวกเราจะฟังคำสั่งพี่!”

“ใช่! พี่ใหญ่เฉียว ชี้แนะพวกเรามาได้เลย พวกเราไม่อยากทนกับพวกตำหนักมารโลหิตอีกแล้ว เห็นหน้ากวนประสาทของไอ้พวกนั้นแล้วมันหงุดหงิดทุกที”

กลุ่มผู้เยาว์พากันส่งเสียงระบายความไม่พอใจออกมา