ตอนที่ 1567 มาเล่นกันหน่อย (7) ตอนที่ 1568 มาเล่นกันหน่อย (8)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1567 มาเล่นกันหน่อย (7) / ตอนที่ 1568 มาเล่นกันหน่อย (8)
ตอนที่ 1567 มาเล่นกันหน่อย (7)

เฉียวฉู่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ บนใบหน้า แต่ในใจเขากำลังเบ่งบานด้วยความสุข คำพูดที่เขาใช้มาจากรูปแบบที่จวินอู๋เสียเคยใช้ปลุกปั่นผู้คน ผลของมันน่าประหลาดใจจริงๆ!

“ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องไม่ทำให้ชื่อเสียงของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจเสื่อมเสีย ตำหนักมารโลหิตผยองมานานเกินไปแล้ว ต้องมีใครสักคนโค่นพวกเขาลง เราต้องทำให้พวกมันรู้ว่าสามโลกชั้นกลางไม่ได้เป็นของพวกตำหนักมารโลหิตเท่านั้น!” เฉียวฉู่กล่าวอย่างเย้ยหยัน

พวกผู้เยาว์ที่อยู่รอบตัวเขาส่งเสียงร้องประสานกันอย่างเห็นด้วยเต็มที่

ตั้งแต่นั้นมา พวกผู้เยาว์ของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็เริ่มกลั่นแกล้งและขัดขวางทุกอย่างที่ตำหนักมารโลหิตทำ!

สำนักธาราเมฆไม่มีกฎห้ามศิษย์ต่อสู้กัน ทางสำนักทำตามกฎแห่งป่ามาตลอด ตราบใดที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ พวกเขาก็มีอิสระที่จะทำตามที่ต้องการ

และกฎที่เป็นเอกลักษณ์มากของสำนักได้ทำให้เกิด ‘สงคราม’ ขึ้นในหมู่ศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆ

ไม่รู้ว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า แต่จู่ๆ ศิษย์จากห้าตำหนักของสำนักธาราเมฆก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตำหนักมารโลหิต และทั้งห้าตำหนักนั้นก็แข็งแกร่งมากด้วย แม้แต่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับตำหนักมารโลหิตก็ยังโจมตีพวกเขา

ในตอนนั้น ศิษย์ของตำหนักมารโลหิตก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง

ศิษย์จากตำหนักอื่นๆ จะยั่วยุหรือท้าทายพวกผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตเกือบทุกวัน

ถ้าแค่ตำหนักเดียว ตำหนักมารโลหิตก็คงพอจะรับมือได้ ต่อให้เป็นตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ พวกเขาก็ยังสามารถทัดเทียมกับคู่ต่อสู้ได้

แต่สถานการณ์ในตอนนี้…

ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ตำหนักมังกรสวรรค์ ตำหนักหวนจิต ตำหนักเสวียนเทียน ตำหนักจื่อเหลย เหล่าผู้เยาว์จากห้าตำหนักนี้พากันเป็นศัตรูกับตำหนักมารโลหิตในเวลาเดียวกัน สร้างสถานการณ์ที่ไม่สมดุลกันขึ้นมา

ไม่ว่าผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานการยั่วยุจากตำหนักต่างๆ อย่างต่อเนื่องได้ ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของตำหนักทั้งห้าก็สูงกว่าค่าเฉลี่ย เป็นเหล่าตำหนักที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิบสองตำหนัก ทำให้พวกผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตตกอยู่ในจุดที่คับขันมาก

ทุกๆ วัน ไม่ว่าผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตจะอยู่สาขาไหน ทันทีที่พวกเขาเสร็จสิ้นการฝึกพลัง พวกเขาก็จะถูกคนจากตำหนักอื่นรุมล้อมและล้อเลียนยั่วยุทุกรูปแบบเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการโจมตีพวกเขา สิ่งที่ทำให้ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีกก็คือ คนพวกนั้นเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมอย่างสิ้นเชิง มักจะรุมโจมตีศิษย์จากตำหนักมารโลหิตอยู่เสมอ ทุบตีพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้พูดเสียอีก!

ตำหนักมารโลหิตมีคนอยู่จำนวนมาก โดยปกติพวกเขาจะไปไหนมาไหนกันเป็นคู่ แต่ก็ยังไม่พอที่จะตอบโต้การกดขี่ที่พวกเขาได้รับจากอีกห้าตำหนัก บ่อยครั้งที่กลุ่มของพวกเขาเพิ่งเดินออกจากสาขาของตัวเอง ก็โดนรุมทำร้ายจากอีกห้าตำหนักทันที ทำให้พวกผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย

ไม่ว่าตำหนักมารโลหิตจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานการโดนรุมแบบห้าต่อหนึ่งนี้ได้

ใช้เวลาไม่นาน เกือบทุกคนจากตำหนักมารโลหิตต่างก็มีร่องรอยบาดเจ็บอยู่บนร่างกาย แม้แต่หลินเฮ่าอวี่ก็ไม่ละเว้น วันหนึ่ง หลังจากการฝึกจบลง จู่ๆ เขาก็โดนเฉียวฉู่ตรึงลงกับพื้นตรงหน้าประตูสาขา แล้วทุบตีจนหัวของเขาบวมปูดเหมือนหมู!

เฉียวฉู่แข็งแกร่งมากเกินไป เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งได้ทะลวงเข้าสู่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แท้จริงแล้ว จากที่คนอื่นๆ เห็น มีเพียงหรงรั่วจากตำหนักหวนจิตกับฮวาเหยาจากตำหนักจื่อเหลยเท่านั้นที่จะสู้กับเขาได้ แม้ว่าหลินเฮ่าอวี่จะค่อนข้างแข็งแกร่งพอตัว แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งที่ผิดปกติของเฉียวฉู่ หลินเฮ่าอวี่ก็ยังห่างชั้นอยู่มาก เหตุการณ์ที่เขาถูกเฉียวฉู่จับกดกับพื้นแล้วทุบตีอย่างรุนแรงที่หน้าประตูสาขา ถูกพบเห็นโดยผู้คนที่ผ่านไปมาจำนวนมาก

เฉียวฉู่ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ ต่อหลินเฮ่าอวี่ ตอนที่จวินอู๋เสียถูกรุมกลั่นแกล้งยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของเฉียวฉู่ เขารู้มาตลอดว่าทั้งหมดมีหลินเฮ่าอวี่อยู่เบื้องหลัง โอกาสหายากเช่นนี้ทำให้เฉียวฉู่มีเหตุผลที่จะทุบตีคนอย่างเขา เฉียวฉู่จึงคว้าโอกาสนั้นไว้ทันทีและปลดปล่อยความโกรธที่กักเก็บไว้ทั้งหมดลงในคราวนี้!

ตอนที่ 1568 มาเล่นกันหน่อย (8)

หลินเฮ่าอวี่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลยภายใต้เงื้อมมือของเฉียวฉู่ และไม่อาจตอบโต้ได้แม้แต่น้อย ถูกต่อยจนโลหิตกลบปากและฟันหลุดไปหลายซี่ หลังจากเฉียวฉู่ต่อยจนพอใจแล้ว เขาก็ปล่อยหลินเฮ่าอวี่ หลินเฮ่าอวี่ที่ถูกทุบตีอย่างรุนแรงนอนกองอยู่กับพื้น แม้แต่จะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ยังไม่สามารถทำได้

สุดท้าย หลินเฮ่าอวี่ก็ถูกศิษย์คนอื่นๆ จากตำหนักมารโลหิตที่ถูกไล่ล่ามายังบริเวณนั้นแบกออกไป คนแบกก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวที่ใบหน้าไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าถูกคนจากตำหนักอื่นสั่งสอนมาแล้ว

คนเดียวจากตำหนักมารโลหิตที่รอดพ้นเรื่องเลวร้ายมาได้ก็คือกู่ซินเยียน กู่ซินเยียนเป็นคนพิเศษเนื่องจากนางเป็นบุตรีของจ้าวตำหนักมารโลหิต แม้ว่าในใจของศิษย์จากตำหนักอื่นๆ จะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องกู่ซินเยียน บวกกับการที่กู่ซินเยียนเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้างดงาม ผู้เยาว์คนอื่นๆ จึงโจมตีนางไม่ลง

ถึงแม้กู่ซินเยียนจะไม่ถูกทำร้ายใดๆ แต่เมื่อเห็นสภาพของคนอื่นๆ จากตำหนักมารโลหิต นางก็หน้าเครียดเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” กู่ซินเยียนกัดฟันมองผู้เยาว์ทุกคนที่ถูกทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวไปหมด นางไม่คิดเลยว่าตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจะกล้าหาเรื่องพวกเขาในขณะที่พวกเขาอยู่ในสำนักธาราเมฆ

ทั้งห้าตำหนักทำราวกับว่าพวกเขาทำข้อตกลงกันไว้ก่อนแล้วที่จะเริ่มโจมตีพวกเขาพร้อมกัน ตำหนักมารโลหิตจะได้ไม่ทันระวังตัว

เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกต่อยจนหน้าบวมเหมือนหัวหมู มองกู่ซินเยียนพร้อมด้วยน้ำมูกน้ำตาไหล “เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน จู่ๆ ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็เข้ามาหาเรื่องเรา ไม่ให้โอกาสเราอ้าปากพูดอะไรเลยสักคำ พอเห็นคนของตำหนักมารโลหิตเรา พวกเขาก็กระโจนเข้าใส่เราทันที”

ตอนที่ถูกโจมตี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีแม้แต่โอกาสจะสู้กลับ เขาถูกเหวี่ยงลงพื้นแล้วพายุหมัดก็กระหน่ำเข้าใส่เขาอย่างโหดร้าย ต่อยตีเขาจนมึนงงไปหมด

“แล้วพวกอาจารย์ไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ” กู่ซินเยียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น แม้ว่าจะมีคนอื่นจากตำหนักมารโลหิตอยู่ในสาขาภูติวิญญาณเหมือนนาง แต่เนื่องจากภูติวิญญาณของนางมีความสามารถในการแปลงร่าง เมื่อมีการเรียนการสอน ส่วนใหญ่นางจะถูกแยกออกมาจากคนอื่นๆ นางจึงไม่รู้เลยว่าตอนนางกลับมาที่นี่ ทุกคนจากตำหนักมารโลหิตกำลังถูกทำร้าย

ตอนที่พวกเขากลับมานั่นแหละ นางถึงได้เห็นว่าในห้องมีพวกผู้เยาว์ที่จมูกช้ำหน้าบวมอยู่เต็มห้อง

ในขณะนั้น หลินเฮ่าอวี่ยังคงหมดสติอยู่บนเตียงของเขา การทุบตีที่ไร้ความปรานีจากเฉียวฉู่ไม่เพียงทำให้ใบหน้าของหลินเฮ่าอวี่เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่เขายังได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง ตอนนี้หลินเฮ่าอวี่ยังไม่ฟื้น ผู้เยาว์หลายคนจากสาขาความเชี่ยวชาญโอสถวิเศษกำลังทำการรักษาหลินเฮ่าอวี่อยู่ที่ข้างเตียง

“พวกอาจารย์เคยพูดไว้แล้ว สำนักธาราเมฆจะไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งล้วนๆ ถ้าใครถูกทุบตี พวกเขาก็ทำได้แค่โทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ” ผู้เยาว์คนหนึ่งโอดครวญ

ถ้าเป็นแบบตัวต่อตัวและพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ ในใจของพวกเขาคงไม่รู้สึกขุ่นเคืองขนาดนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์คือห้าต่อหนึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางได้ชัยชนะจากความสามารถของตัวเองได้เลย!

กู่ซินเยียนขมวดคิ้ว นางไม่สามารถหาต้นสายปลายเหตุของสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย

ตำหนักมารโลหิตทำอะไรให้อีกห้าตำหนักไม่พอใจจนทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้

ตำหนักมารโลหิตถูกทุบตีอย่างไร้ความปรานี และมีห้าตำหนักที่เข้าร่วมในการนั้น อีกหกตำหนักที่ไม่ได้ร่วมวงด้วยก็ตั้งใจจะชมการแสดงอยู่ข้างสนามเท่านั้น ความแข็งแกร่งของหกตำหนักเทียบกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจและตำหนักมารโลหิตไม่ได้ พวกเขาย่อมไม่ทำเกินไปกับตำหนักมารโลหิตอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ช่วยราดน้ำมันลงบนกองไฟ

เมื่อตำหนักมารโลหิตโดนโจมตีจากหลายด้าน คนจากอีกหกตำหนักก็เริ่มประโคมข่าวลือโคมลอยเกี่ยวกับตำหนักมารโลหิต