ตอนที่ 1571 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (2) / ตอนที่ 1572 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (3)
ตอนที่ 1571 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (2)
กู่ซินเยียนนั่งอยู่ในศาลาและเห็น ‘ความขัดแย้ง’ ระหว่างเฉียวฉู่กับฮวาเหยาด้วยตาตัวเอง จึงแอบถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ
ดูเหมือนว่านางจะเดาไม่ผิด ความสัมพันธ์ระหว่างคนพวกนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ที่ตอนนี้ไม่สู้กันก็เพราะอยู่ในสำนัก ถ้ามีโอกาสเกรงว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาได้ง่ายๆ
พอรู้เช่นนี้ กู่ซินเยียนก็โล่งอกขึ้นมาก สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือความสามัคคีกลมเกลียวระหว่างห้าตำหนัก เพราะมันจะทำให้การพยายามวิ่งเต้นเจรจาของนางในวันนี้บรรลุผลได้ยาก
เฉียวฉู่กับฮวาเหยามาถึงศาลาเป็นพวกแรก กู่ซินเยียนยิ้มและกล่าวทักทายสองสามคำ
อาการบาดเจ็บบนใบหน้าของหลินเฮ่าอวี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างยังคงไม่หายดี เมื่อเห็นเฉียวฉู่ ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาทันที ความทรงจำที่ถูกเฉียวฉู่ทุบตีในวันนั้นยังคงไม่หายไปจากใจของเขา
ต้องรู้ว่าในฐานะที่เป็นหลานชายของผู้อาวุโสแห่งตำหนักมารโลหิต ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกตำหนักมารโลหิต เขาได้รับความเคารพและถูกประจบเอาใจมากพอสมควร ไม่เคยต้องทนทุกข์เช่นนี้เลย เฉียวฉู่เป็นคนแรกที่กล้าลงมือกับเขา สถานะของเขาไม่ได้ช่วยให้เฉียวฉู่แสดงความเมตตาใดๆ เลย ความมั่นใจและควาหยิ่งผยองของหลินเฮ่าอวี่ที่สร้างมาตลอดหลายปีถูกทำลายยับเยินต่อหน้าผู้คนมากมาย
แม้ว่ากู่ซินเยียนจะเตือนเขาก่อนแล้ว แต่พอหลินเฮ่าอวี่เห็นเฉียวฉู่ ความเกลียดชังก็ยังแสดงออกมาทางแววตา ไม่สามารถระงับไว้ได้
เฉียวฉู่นั่งลงบนม้านั่งหินอย่างไม่สนใจ เขายกขาขึ้นไขว่ห้างขณะมองหลินเฮ่าอวี่ด้วยสายตาดูถูก ยิ้มแบบไม่จริงใจพลางพูดว่า “อะไร เจ็บใจหรือ ไม่ชอบที่โดนข้าอัดอย่างนั้นสิ อย่างนั้นวันนี้ข้าจะอัดเจ้าอีกรอบดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะสงบใจลงได้บ้าง”
พอคำพูดนี้ออกจากปากเฉียวฉู่ หลินเฮ่าอวี่ก็หน้าซีดทันที
แม้ว่าจะมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงอยู่ในใจ แต่เขาต้องยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเฉียวฉู่ ด้วยความแข็งแกร่งของเฉียวฉู่ ไม่ต้องพูดถึงการทุบตีเขาแค่คนเดียวเลย ต่อให้มีเขาสามคน เฉียวฉู่ก็สามารถเล่นกับทั้งสามคนได้อย่างสบาย
กู่ซินเยียนเห็นสถานการณ์กำลังจะแย่ นางก็รีบพูดด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “พี่ใหญ่เฉียวมีความสามารถโดดเด่น เฮ่าอวี่ยังเด็กและไม่รู้เรื่อง ถ้าเขาล่วงเกินพี่ใหญ่เฉียวในเรื่องใด น้องสาวคนนี้ต้องขออภัยพี่ใหญ่เฉียวแทนเขาด้วย”
ก่ซินเยียนลดสถานะของตัวเองลงมาและแสดงท่าทางที่อ่อนหวานนุ่มนวล ทำให้เฉียวฉู่ยากจะโวยวาย จึงทำได้แค่พ่นลมออกมาอย่างดูถูกและไม่พูดอะไรอีก
หลินเฮ่าอวี่ก้มหน้าและกำหมัดอยู่ในแขนเสื้อแน่น ความเกลียดชังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ เขาอยากจะกระโจนเข้าฉีกใบหน้าน่ารังเกียจของเฉียวฉู่ออกเป็นชิ้นๆ
แต่…
เขาไม่มีพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้น
ไม่นาน หรงรั่ว เฟยเยียน และฟ่านจัวก็มาถึง พวกเขาพากันนั่งอย่างเป็นระเบียบอยู่ในศาลา
จวินอู๋เสียเป็นคนสุดท้ายที่ไปถึง เมื่อนางนั่งลง คนที่ควรจะอยู่ที่นั่นในวันนั้นก็มากันครบ
ภายในศาลาเล็กริมทะเลสาบ มีกลุ่มผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆนั่งอยู่
คุณหนูใหญ่ของตำหนักมารโลหิต หลานชายของผู้อาวุโสแห่งตำหนักมารโลหิต และศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นนี้จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ตำหนักมังกรสวรรค์ ตำหนักหวนจิต ตำหนักเสวียนเทียน และตำหนักจื่อเหลย แม้แต่จวินอู๋แห่งตำหนักหยกวิญญาณที่ไร้ชื่อ แต่เป็นคนจากเผ่าจ้าววิญญาณเพียงคนเดียวในสามโลกชั้นกลาง
กล่าวได้ว่า ในศาลาเล็กหลังนี้ได้รวมกลุ่มคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่เอาไว้แล้ว
แต่…
ทุกคนต่างรับใช้กลุ่มอำนาจที่แตกต่างกัน และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่มีความรักใคร่ปรองดองกันเลยสักนิด
การรวมตัวครั้งใหญ่เช่นนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว พวกผู้เยาว์ที่เดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบก็รีบเขยิบเข้าไปที่ข้างศาลา เปิดตาเอียงหู พยายามจะเป็นประจักษ์พยานในเรื่องซุบซิบที่กำลังจะมาถึง
ตอนที่ 1572 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (3)
การรวมตัวครั้งใหญ่เช่นนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว พวกผู้เยาว์ที่เดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบก็รีบเขยิบเข้าไปที่ข้างศาลา เปิดตาเอียงหู พยายามจะเป็นประจักษ์พยานในเรื่องซุบซิบที่กำลังจะมาถึง
คนมากันครบแล้ว แต่บรรยากาศในศาลายังคงแปลกๆ เล็กน้อย
อาจกล่าวได้ว่า คนที่นั่งอยู่ในศาลานั้นไม่มีสักคนที่ไม่ใช่คนสำคัญหรือคนที่มีอิทธิพล กระทั่งด้านรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว ก็ยังเป็นภาพที่งดงามชวนมอง
นอกจากจวินอู๋เสียที่บอบบางและหลินเฮ่าอวี่ที่ยังมีรอยฟกช้ำอยู่ ไม่ว่าใครในกลุ่มนั้นก็สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้
เฉียวฉู่ผู้บ้าคลั่ง ฮวาเหยาผู้หล่อเหลาเย็นชา หรงรั่วผู้สุภาพอ่อนโยน คุณชายผู้สง่างามฟ่านจัว เฟยเยียนผู้งดงามอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ และกู่ซินเยียนที่มีใบหน้าสวยสดงดงาม การรวมตัวกันเช่นนี้ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้
เพียงแต่…
แม้บรรยากาศระหว่างพวกเขาจะไม่ตึงเครียดขนาดมีประกายไฟแล่นแปลบปลาบ แต่สถานการณ์ก็อาจจะน่าดูชมมากขึ้นได้
เมื่อคนมากันครบแล้ว กู่ซินเยียนก็ลอบมองหนุ่มสาวที่นางไม่คุ้นเคยตรงหน้าอย่างประเมิน ในใจค่อนข้างสั่นไหว
บุคคลทั้งห้านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของงานชุมนุมเทพยุทธ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ตำหนักมารโลหิตได้ยื่นคำเชิญให้พวกเขาทุกคน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบรับคำเชิญเลย แม้แต่จวินอู๋ก็ปฏิเสธคำเชิญของตำหนักมารโลหิตแล้วไปรับของตำหนักหยกวิญญาณแทน
นั่นเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่น่าเสียใจที่สุดที่ตำหนักมารโลหิตได้เจอ และกู่ซินเยียนก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทั้งหกคนนี้ตอบรับคำเชิญของตำหนักมารโลหิต ตำหนักมารโลหิตก็คงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของพีระมิดสิบสองตำหนักได้
ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถโดดเด่นท่ามกลางวีรบุรุษทั้งหลายได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั่นก็เป็นได้แค่ความปรารถนา สิ่งเดียวที่นางสามารถแย่งชิงมาได้ก็คือจวินอู๋จากตำหนักหยกวิญญาณ
กู่ซินเยียนตั้งสติและยิ้มออกมาอย่างไร้พิษภัย จากนั้นก็พูดกับพวกเฉียวฉู่ว่า “ที่ข้ารบกวนพวกเจ้าให้มาที่นี่วันนี้เพราะเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราในช่วงที่ผ่านมา บังเอิญว่านี่เป็นช่วงดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ เราจะได้คุยกันสบายๆ ที่ริมทะเลสาบ ถ้าเราสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างเราได้ มันก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีด้วย”
กู่ซินเยียนใช้คำพูดได้อย่างชาญฉลาด ไม่เจาะจงเรื่องที่ห้าตำหนักต่อต้านตำหนักมารโลหิต ใช้คำว่า ‘เข้าใจผิด’ กับทุกคนที่นั่นโดยไม่ชี้นิ้วตำหนิใคร ราวกับนางมาที่นี่เพื่อเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ไม่ได้มาเพื่อคลายความแค้นระหว่างห้าตำหนักกับตำหนักมารโลหิต
เพียงแค่ได้ยินคำพูดของกู่ซินเยียน ฟ่านจัวก็รู้ทันทีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายเลย
แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงที่กู่ซินเยียนฉลาดและมีไหวพริบ แต่นางไม่รู้เรื่องที่ว่าพวกเฉียวฉู่ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจที่พวกเขารับใช้เลย พวกเขาไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าเรื่องจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก พวกเขาคาดหวังให้มันวุ่นวายโกลาหลแบบสุดๆ เลยด้วยซ้ำ
“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าก็หน้าตางดงาม แต่ทำไมพูดจาไม่น่าฟังอย่างนั้น เข้าใจผิดอะไร เจ้าจะบอกว่าสมองพวกเรามีปัญหาอย่างนั้นหรือ คิดว่าเราไม่รู้หรือว่ามีความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ข้าไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกัน เจ้าไม่ต้องทำเป็นพูดโน่นพูดนี่ ที่เจ้าเชิญพวกเรามาที่นี่วันนี้ พวกเราทุกคนรู้ดีว่าในใจเจ้าคิดอะไร เป็นเพราะคนของตำหนักมารโลหิตโดนอัดจนเละเทะ เลยนั่งไม่ติดแล้วใช่หรือไม่เล่า ที่มาหาพวกเราวันนี้ ไม่ใช่ตั้งใจจะยอมอ่อนข้อขอโทษแล้วหาทางออกหรอกหรือ หรือจะบอกว่า…ข้าเข้าใจผิด” เฉียวฉู่โพล่งออกมาโดยไม่สนใจ เล่นบทเป็นเด็กหนุ่มดิบเถื่อนที่หยิ่งยโสได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่จำเป็นต้องพูดว่าคนของตำหนักมารโลหิตจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดนี้ กระทั่งเฟยเยียนที่ฟังอยู่ด้านข้างก็เกือบยั้งตัวเองไม่ให้ทุบตีเขาไม่ได้
มันน่าโมโหจริงๆ!