ตอนที่ 1573 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (4) ตอนที่ 1574 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1573 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (4) / ตอนที่ 1574 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (5)
ตอนที่ 1573 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (4)

อย่างที่คาด เมื่อคำพูดออกมาจากปากของเฉียวฉู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของกู่ซินเยียนก็แข็งทื่อในทันที หลินเฮ่าอวี่ที่อยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักโลหิตจากคำพูดหยิ่งผยองของเฉียวฉู่

จะพูดกันดีๆ ไม่ได้หรือไง พูดอย่างที่คนเขาพูดกันไม่เป็นเรอะ

ไอ้หมอนี่มาที่นี่เพื่อหาเรื่องใช่หรือไม่

จวินอู๋เสียนั่งเฉยอยู่ด้านข้างราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย แม้ว่าในใจนางจะชื่นชมการตอบโต้ที่ร้ายกาจนั้นอย่างมาก

ความโง่ของเจ้าโง่เฉียวก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้นี่นา

แม้แต่คนที่มีไหวพริบและพูดจาฉะฉานอย่างกู่ซินเยียนก็ยังอึ้งกับคำพูดของเฉียวฉู่ นางไม่สามารถหาคำใดๆ มาพูดได้เลย

แต่เฉียวฉู่กลับมีท่าทางคึกคักสมใจ เขามองหลินเฮ่าอวี่ที่โกรธจนหน้าเขียวด้วยสายตาประเมิน

“ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขอโทษ อย่างนั้นก็น่าจะทำตัวเหมือนคนอยากขอโทษหน่อยสิ ทำไมมาจ้องข้าอย่างแค้นเคืองแบบนั้น ตกหลุมรักหมัดของข้าหรืออย่างไร อยากด่าก็ด่าเลย อย่าเก็บไว้ อยากได้สันติด้วยท่าทางแบบเจ้านี่นะ ข้าเพิ่งเคยเห็นแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยว่ะ เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ พุ่งเข้ามาก็มีแต่จะโดนกระทืบกลับไป ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยให้มันแล้วๆ กันไปเสีย คิดว่าจ้องข้าแบบนั้น แล้วข้าจะตายเพราะโดนจ้องหรืออย่างไร ไอ้ไก่อ่อนหน้าตัวเมียเอ๊ย”

ใบหน้าของหลินเฮ่าอวี่เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม ริมฝีปากที่เม้มแน่นสั่นเล็กน้อย ความโกรธทำให้ริมฝีปากของเขาซีดขาว

ฟ่านจัวและคนอื่นๆ เห็นหลินเฮ่าอวี่โกรธจนควันออกหู พวกเขาก็แอบเชียร์กันอยู่ในใจ

ทุกคนต่างรู้แก่ใจดีกว่าหลินเฮ่าอวี่วางแผนจัดฉากจวินอู๋เสีย พวกเขากังวลอยู่ว่าจะไม่สามารถหาวิธีที่เหมาะสมในการแก้แค้นเขาได้ แล้วเจ้าโง่นี่ก็ดันมาขอให้พวกเขาเหยียบหน้าด้วยตัวเอง แล้วพวกเขาจะทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไร

หลินเฮ่าอวี่โกรธจนแทบคลั่ง โชคดีที่กู่ซินเยียนแอบกดเขาไว้

ในที่สุด กู่ซินเยียนก็เข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้านางไม่ใช่พวกคนดีมีน้ำใจ ความเป็นศัตรูที่พวกเขามีต่อตำหนักมารโลหิตนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉียวฉู่แห่งตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ท่าทางของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะสร้างสันติเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายแทน

ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจและตำหนักมารโลหิตขัดแย้งกันมานานแล้ว กู่ซินเยียนพอจะเข้าใจว่าทำไมเฉียวฉู่ถึงแสดงความเป็นศัตรูต่อพวกเขามากขนาดนี้

แต่สถานการณ์กับอีกสี่ตำหนักไม่ได้รุนแรงมากนัก เพื่อที่จะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างตำหนักมารโลหิตและอีกสี่ตำหนัก กู่ซินเยียนจึงต้องทนอย่างไม่มีทางเลือก หากวันหน้าตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจะลงมือกับตำหนักมารโลหิต และอีกสี่ตำหนักไม่ได้เข้าร่วมด้วย ตำหนักมารโลหิตก็จะไม่เสียเปรียบมากเกินไปนัก

“เหตุใดคุณชายเฉียวถึงโกรธขนาดนี้ พวกเราก็แค่มารวมตัวเพื่อคุยกันเท่านั้น แม้ว่าช่วงนี้ตำหนักมารโลหิตจะเจอกับปัญหา แต่ข้าอดคิดไม่ได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรานั้นค่อนข้างแปลก ไม่ทราบว่าตำหนักมารโลหิตเราไปล่วงเกินอะไรพวกเจ้า ถึงทำให้พวกเจ้าไม่พอใจมากขนาดนี้ เราต่างก็เป็นคนของสิบสองตำหนัก สิบสองตำหนักได้ให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันมาตลอดหลายปีเพื่อต้านแรงกดดันที่เก้าวังพยายามทำกับเรา ข้าคิดว่าเราไม่ควรปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นศัตรู เนื่องจากศัตรูที่แท้จริงที่พวกเราต้องเผชิญนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือเก้าวังไม่ใช่หรือ” กู่ซินเยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบไม่ช้า ไม่มีร่องรอยของความหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ราวกับคำพูดของเฉียวฉู่ไม่ได้ทำให้นางโกรธเลย

“เก้าวังมีอำนาจที่มั่นคง และสิบสองตำหนักก็มักถูกพวกเขากดเอาไว้ ไม่อาจต่อต้านขัดขืนได้ หลังจากดินแดนเทพมารแยกตัวสันโดษ เก้าวังก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น สี่โลกก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ถ้าวันที่เก้าวังยึดตำแหน่งของดินแดนเทพมารได้มาถึง พวกเราสิบสองตำหนักจะอยู่ที่ไหนกัน เราจะเป็นเหมือนอย่างที่เราเคยเป็นครั้งที่ดินแดนเทพมารยังอยู่อย่างนั้นหรือ ถูกกดไว้ไม่ให้โงหัวไปตลอดชีวิต” เสียงนุ่มนวลอ่อนโยนนั้นดึงเอาความเป็นปรปักษ์ระหว่างเก้าวังและสิบสองตำหนักออกมา ปัดความขัดแย้งภายในระหว่างสิบสองตำหนักออกไป ฟังราวกับว่าสิบสองตำหนักนั้นเป็นมิตรและรักใคร่กลมเกลียวกันมาโดยตลอด

ตอนที่ 1574 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (5)

ไม่พูดไม่ได้ กู่ซินเยียนมีความสามารถในการพูดที่ดีจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเฉียวฉู่มีหัวใจที่ ‘หนักแน่น’ ละก็ ถ้าหากเป็นคนอื่น พวกเขาคงหลงไปตามคำพูดของกู่ซินเยียนแล้ว

ถึงขนาดพูดเรื่องความชอบธรรมของสิบสองตำหนักได้ ก็คงไม่มีทางไหนที่จะโต้แย้งนางได้แล้ว

หลังจากพูดจบ ใบหน้าของกู่ซินเยียนก็ยังมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเดิมขณะมองไปยังทุกคน

กล่าวกันว่า ไม่มีใครตบใบหน้าที่มีรอยยิ้มได้ลง

ท่าทางของกู่ซินเยียนช่างนุ่มนวลอ่อนโยน รอยยิ้มของนางก็ให้ความรู้สึกที่จริงใจจนทำให้พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

ถ้าหลินเฮ่าอวี่เป็นคนพูด เฉียวฉู่คงฟาดไม่ยั้งไปแล้ว แต่พอเป็นหญิงสาวที่ดูนุ่มนวลบอบบาง เฉียวฉู่ก็รู้สึกว่าถ้าพูดจาร้ายกาจกับนาง เกรงว่ามันจะไร้คุณธรรมไปหน่อย

เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดเหมือนกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเป้าหมายของตนคืออะไร แต่ทุกคนก็รู้สึกว่าอย่างน้อยพวกเขาควรให้เกียรติสตรีบ้าง

และสตรีเพียงสองคนในหมู่พวกเขา หรงรั่วและจวินอู๋เสีย…ก็อ่อนโยนกับสตรีมากกว่าบุรุษเสียอีก

หรงรั่วไม่เคยชักสีหน้าใส่สตรีนางไหน ในบรรดาหนุ่มสาวของตำหนักหวนจิตที่เป็นศิษย์ใหม่รุ่นนี้ นางได้ชนะใจทุกคน และเป็นผู้เยาว์ที่อ่อนโยนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มากกว่าบุรุษคนไหนๆ

ส่วนจวินอู๋เสีย…

แม่สาวคนนี้ถึงขนาดมีฮูหยินแล้วด้วยซ้ำ! ยังจะต้องพูดอะไรอีก!

นางคือผู้ชนะที่สุดยอดที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว!

โชคดีที่มีคนคนหนึ่งที่มีภูมิต้านทานต่อเพศสตรี แตกต่างจากพวกของเฉียวฉู่มาก

นั่นก็คือ…เฟยเยียน

ตอนที่เฟยเยียนเข้าสำนักธาราเมฆ เขาแต่งตัวเป็นสตรี ถ้าหรงรั่วเป็นเทพหนุ่มที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ของตำหนักหวนจิต เฟยเยียนก็คือ ‘เทพธิดา’ ของตำหนักมังกรสวรรค์

ระดับความนิยมของเฟยเยียนในตำหนักมังกรสวรรค์ไม่ได้น้อยไปกว่าความนิยมของกู่ซินเยียนในตำหนักมารโลหิตเลย

ฝีปากอันร้ายกาจของเฟยเยียนไม่ใช่สิ่งที่เฉียวฉู่จะแข่งขันด้วยได้ เฟยเยียนกอดอกเชิดหน้ามองกู่ซินเยียนด้วยสีหน้าไม่ยอมรับ

“ที่คุณหนูใหญ่กู่พูด คือจะบอกว่าพวกเราทุกคนที่นี่เป็นพวกไร้คุณธรรมอย่างนั้นหรือ ข้าว่าคำพูดของคุณหนูใหญ่กู่น่าขำมาก สถานการณ์ที่แท้จริงระหว่างสิบสองตำหนักเป็นอย่างไร ต่อให้คนอื่นไม่รู้ พวกเราทุกคนก็ควรรู้ดีกว่าใคร! เจ้าพูดเรื่องความกลมเกลียวปรองดองกันอย่างนั้นหรือ เอาคำพวกนั้นไปพูดกับคนจากเก้าวังยังเหมาะสมกว่าหรือไม่ ขอถามหน่อยเถอะ ตอนที่ตำหนักมารโลหิตทำตัวหยิ่งผยองบงการผู้คนไปทั่ว เจ้าได้คิดถึงเรื่องความกลมเกลียวปรองดองระหว่างสิบสองตำหนักบ้างหรือเปล่า ถ้าข้าจำไม่ผิด มันก็เพิ่งผ่านมาแค่หนึ่งเดือนเอง คนจากตำหนักมารโลหิตทำร้ายคนจากตำหนักคลื่นมรกตไม่ใช่หรือ ชิ ตอนที่พวกเจ้าทำร้ายผู้คน เจ้าไม่สนเรื่องคุณธรรมความดีระหว่างสิบสองตำหนักเลยสักนิด แต่พอพวกเจ้าโดนทำร้ายบ้าง ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันทีเลยนะ คนเราจะทำตัวสองมาตรฐานแบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าจะทำ อย่างน้อยก็ต้องจำไว้ว่าต้องซ่อนหางตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้หางโผล่แบบนี้ มันดูน่าเกลียด” น้ำเสียงของเฟยเยียนเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ไม่อ่อนโยนนุ่มนวลดุจสายน้ำเหมือนกู่ซินเยียน แต่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง

ใบหน้าของกู่ซินเยียนไม่น่ามองแล้ว นางรู้ว่าเพศสตรีของนางทำให้นางได้เปรียบพวกเฉียวฉู่และบุรุษคนอื่นๆ แต่กับเฟยเยียนที่เป็น ‘เพศเดียวกัน’ นั้น เห็นได้ชัดว่าความได้เปรียบนี้ใช้ไม่ได้แล้ว

“เฟยเยียน ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ พวกเราไม่เคยข่มเหงรังแกใครมาก่อนเลย” กู่ซินเยียนพยายามกอบกู้สถานการณ์

เหตุการณ์ที่คนของพวกเขาคนหนึ่งได้ทำร้ายคนของตำหนักคลื่นมรกต นางยังจำได้อย่างชัดเจน เนื่องจากหลินเฮ่าอวี่ใช้ข้ออ้างในการปกป้องจวินอู๋เพื่อโต้เถียงกับคนของตำหนักอื่นๆ เพื่อทำให้ตำหนักอื่นๆ เกลียดจวินอู๋มากขึ้น พวกเขาได้ใช้โอกาสนั้นโจมตี พยายามปลุกระดมให้เกิดความโกลาหลมากขึ้น